บันทึกมงกุฎขนนก - ตอนที่ 10
บันทึกมงกุฎขนนก (นิยายแปล)
บทที่ 9 คนบ้า
ฮวาหว่านทำตามที่เถ้าแก่อันร้องขอนางถักกิ๊บปักผมห้าอันและปิ่นปักผมอีกสี่อันซึ่งแท้จริงแล้วนางเองก็ไม่รู้หรอกว่าอะไรที่เรียกว่ารูปแบบแปลกใหม่หรืออะไรคือสิ่งที่เมืองไม่ค่อยได้เห็นนางเพียงแต่คาดเดาว่าสิ่งที่เถ้าแก่อันต้องการคือความซับซ้อนแรกเริ่มเดิมทีเถ้าแก่อันก็เคยได้กล่าวไว้แล้วหากเป็นแบบที่ซับซ้อนจะให้ห้าเหรียญตอนนี้เถ้าแก่อันจะให้อันละยี่สิบเหรียญอย่างนั้นก็คงจะต้องซับซ้อนแบบสุดๆไปเลย
การเข้าเมืองครั้งนี้ไม่ราบรื่นนักรถลาดันชนเข้ากับหินก้อนหนึ่งเพลารถเลยหลวมส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดตลอดเส้นทาง
ฮวาหว่านครุ่นคิดว่าหลังจากที่ส่งเครื่องประดับหญ้าแล้วจะหาร้านซ่อมเพลารถนางจะให้นายช่างช่วยขันและเคาะเพลารถให้แน่นขึ้นอีก
เมื่อถึงถนนพานโหลวในเมืองหลวงเถ้าแก่อันหลังจากที่มองเครื่องประดับหญ้าแล้วก็พอใจเป็นอย่างมากฮวาหว่านรับเงินขณะที่จะกล่าวอำลากลับถูกเถ้าแก่อันขวางเอาไว้ “เด็กน้อยฮวาเจ้าช่วยลุงอันสักเรื่องได้หรือไม่”
ฮวาหว่านรู้สึกมึนงง “ไม่ทราบว่าเด็กน้อยอย่างข้าจะช่วยอะไรเถ้าแกอันได้เล่า”
“เฮอเฮอเป็นอย่างนี้ลุงอันจะวานเจ้าเป็นธุระให้สักเรื่อง”
เดิมทีคนงานในร้านออกไปทำธุระที่ด้านนอกเถ้าแก่อันจำเป็นต้องดูร้านเองแต่ทว่ามีลูกค้าสำคัญขอร้องให้ทางร้านส่งยาสมุนไพรหอมที่สั่งไว้ไปให้ก่อนยามเที่ยง (巳时=เวลา 0900 – 1100น.)
เถ้าแก่อันรู้สึกลำบากใจ
ฮวาหว่านเองก็ลำบากใจเช่นกันนางหันไปเหลือบมองรถลาของตนเอง “ท่านลุงอันข้าเองก็อยากจะช่วยท่านหากแต่เพลารถลาหลวมคลายแล้วข้าจำเป็นต้องไปหาร้านช่วยขันเพลารถให้แน่นขึ้นอีกนะ”
เถ้าแก่อันหัวเราะ “สาวน้อยฮวายินยอมช่วยก็พอแล้วบ้านของแขกผู้นั้นอยู่ไม่ไกลแค่ถนนฟานโหลวจากตรงนี้เดินเท้าแค่ครึ่งชั่วยามก็ถึงแล้วส่วนร้านซ่อมเพลารถถนนแห่งนี้ก็มีอยู่เลยยามเที่ยงคนงานล้วนกลับมาแล้วข้าจะให้เขานำรถลาของเจ้าไปซ่อมให้จะไม่ยอมให้เสียเวลากลับบ้านของเจ้า
คำพูดของเถ้าแกอันกล่าวอย่างตรงไปตรงมาฮวาหว่านละอายใจที่จะปฏิเสธจริงๆแล้วเถ้าแก่อันก็ถือได้ว่าเป็นนายจ้างของเธอ
บังเอิญที่ว่าท่านลุงโม่ฟู๋อยู่ที่หมู่บ้านไม่ได้เข้าในเมืองหลวงไม่เช่นนั้นนางก็ไม่จำเป็นต้องวุ่นวายคนงานในร้านแล้วสามารถให้ท่านลุงโม่ฟู๋ช่วยซ่อมรถลาให้นางได้
“อืมอย่างนั้นเรื่องเพลารถคงต้องรบกวนเถ้าแกอันแล้วไม่ทราบว่ารายละเอียดของบ้านลูกค้าที่ต้องไปส่งสมุนไพรหอมตรงถนนฟานโหลวคือลูกค้าท่านใด?
ฮวาหว่านจูงลาดำไปผูกอย่างแน่นหนาไว้กับเสาที่นอกร้าน
เถ้าแก่อันเปิดประตูตู้หยิบกล่องเงินลายดอกบัวพบลิ้วบนแผ่นน้ำวางบนผ้าไหมผืนบางเบาสีแดงพุทรา “ในนี้มีพูมารีน้ำมันหอมและหอมหมื่นลี้ใช่แล้ว…..” (降真香=ต้นพูมารีเป็นไม้หอมชนิดหนึ่งเปลือกเป็นยารักษาโรคผิวหนัง,苏合香=หรือน้ำมันหอมมีสรรพคุณช่วยรักษาพิษรักษาโรคหัวใจตีบได้,木樨香=ต้นหอมหมื่นลี้หรือสารถรฝรั่งสรรพคุณใช้ไล่แมลงแต่ชาวจีนมักใส่ในชาเพื่อเพิ่มความหอม)
เถ้าแก่อันยังเลือกหยิบเครื่องประดับหญ้าสามในเก้าชิ้นที่ฮวาหว่านส่งมาให้วันนี้วางลงในห่อผ้า “เจ้าคงรู้จักสำนักหนิงกวงหยวนตรงถนนฟานโหลวเจ้าบอกกับคนรับใช้ของสำนักหนิงกววหยวนตรงหน้าประตูใหญ่คนรับใช้นั้นจะเข้าไปเชิญคนเองสำนักหนิกวงหยวนชำระบัญชีเป็นรายเดือนไม่ต้องเรียกเก็บเงินจากพวกเขา
” อืมเข้าใจแล้ว” ฮวาหว่านรับห่อผ้าสีแดงพุทราพอออกจากร้านก็เลี้ยวซ้ายวิ่งตรงไปยังถนนฟานโหลวนางฟังว่าจะต้องไปส่งที่สำนักหนิงกวงหยวนในใจจึงเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“สาวน้อยฮวาข้ายังไม่ได้บอกเจ้าว่าต้องไปทางไหนนะ” เถ้าแก่อันชะโงกตัวออกมานอกร้าน
“ไม่ต้องข้ารู้” ไม่ว่าอย้างไรก็ตามฮวาหว่านเติบโตในเมืองหลวงดังนั้นทุกตรอกซอกซอยกี่ถนนกี่วงแหวนนางไม่ทีทางเดินพลาดแน่นอน
จากร้านของเถ้าแก่อันเดินตรงไปถนนฟานโหลวนางเลือกเดินข้ามแม่น้ำเปี้ยนเหอผ่านเส้นทางคนเดินของสะพานลอยน้ำแล้วค่อยเดินเลียบถนน
สองฝากฝั่งของแม่น้ำเปี้ยนเหอคึกคักมากพ่อค้าไม่น้อยแบกหาบขายอาหารเครื่องดื่มของแห้งพวกเนื้อแห้งผลไม้แห้งด้านหน้าตึกหวางโหลวยังมีร้านขายอีเห็นและจิ้งจอกป่าฮวาหว่านได้ยินเสียงร้องโหยหวนของสุนัขจิ้งจอกป่าอดไม่ได้ที่จะหยุดฝีเท้ามองดูนานสักหน่อยตัวหนึ่งในนั้นคือจิ้งจอกหิมะ
เมื่อก่อนฮวาหว่านเคยเห็นในหนังสือตอนนี้จิ้งจอกหิมะแม้ว่ายังเป็นสีเทาๆไม่ค่อยเข้าตาแต่ว่าเมื่อผ่านฤดูใบไม้ร่วงแล้วเมื่อสุนัขจิ้งจอกผลัดขนทั่วทั้งตัวก็จะกลายเป็นขนสีขาวราวหิมะ
แม้ว่าฮวาหว่าาจะรู้สึกสงสารสุนัขจิ้งจอกป่าและอีเห็นที่ถูกขังอยู่ในกรงแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้นางจึงก้มหน้าขึ้นสะพานลอยน้ำตัดสินใจจะเดินให้เร็วขึ้นอีกสักนิดเพื่อทำธุระที่เถ้าแก่อันมอบให้จนเสร็จ
ทว่าฮวาหว่านไม่รู้เลยตอนที่นางออกจากร้านสมุนไพรหอมก็ถูกคนติดตามแล้วก่อนหน้านี้ช่วงที่นางหยุดฝีเท้ายังหนึ่งในนั้นล่วงหน้าไปก่อนด้วย
“หยุดนะ!”
ฉับพลันมีเสียงตวาดจนฮวาหว่านหน้ากระตุกขณะที่กำลังจะมองให้ชัดเจนว่าผู้ใดที่ขวางทางฮวาหว่านก็หงุดหงิดนั่นคือเจ้าอ้วนอันจูบุตรชายของเถ้าแก่อันนั่นเองเด็กตะกละนิสัยไม่ดีน่าแปลกประหลาดที่เขาหานางเจออย่างไม่อ้อมค้อม
ฮวาหว่าาหมุนตัวกลับแล้วก็พบว่ามีคนขวางทางอยู่คาดว่าคงเป็นเพื่อนเล่นที่อันจูให้ตามมาพร้อมกันเจ้าอ้วนอายุไม่มากนักที่ทั้งร่างเต็มไปด้วยไขมัน
ฮวาหว่านขว้างห่อผ้าออกไปโดยไม่รู้ตัวก่อนถามอย่างเอาเรื่อง “อันจูเจ้ามาขวางทางข้าทำไมกันข้ากำลังทำธุระให้บิดาเจ้าอยู่นะ”
“เฮฮะเจ้าช่วยบิดาข้าทำธุระที่ไหนกันเห็นชัดเจนแล้วว่ากำลังขโมยยาสมุนไพรหอมของบ้านข้า”
ชั่วขณะนั้นฮวาหว่านเข้าใจแล้วว่าอันจูกำลังหาเรื่องนางเข้าแล้วคาดว่าเป็นเพราะครั้งก่อนเรื่องหลังจากที่ทำลายเครื่องประดับหญ้าของนางคงถูกเถ้าแก่อันต่อว่าเลยฝังใจ “อันจูเจ้าอย่าก่อเรื่องเดี๋ยวจะทำเสียงานเสียการระวังเถอะเถ้าแก่อันจะตัดขนมหลังอาหารเที่ยงของเจ้า”
อันจูฟังถึงเรื่องกินก็กลืนน้ำลายกลอกกลิ้งลูกตาไปมารู้สึกว่าเรื่องนี้บิดาไม่ได้เห็นด้วยตาตนเองถึงฮวาหว่านจะไปบอกเล่าเหตุการณ์บิดาตนก็คงแค่รู้สึกว่าฮวาหว่านกำลังหาข้ออ้างที่ทำงานไม่สำเร็จคาดว่าด้วยเหตุนี้บิดาจะเกลียดชังฮวาหว่านและไม่รับเครื่องประดับหญ้าของฮวาหว่านอีก
“เฮอะเอายาสุนไพรหอมของบ้านข้าคืนมานะ!” อันจูไม่พูดมากความยื่นมือแย่งชิงห่อผ้าในมือของฮวาหว่านแน่นอนว่าฮวาหว่านย่อมไม่ยอมจนปัญญาที่อันจูรูปร่างใหญ่พละกำลังมากเขาลากดึงสองครั้งก็แย่งห่อผ้าไปได้แถมฮวาหว่านยังหกล้มอยู่บนสะพานลอยน้ำ
รอบๆมีนักท่องเที่ยวและร้านค้าไม่น้อยแต่แค่นี้คือเด็กไม่กี่คนกำลังเล่นสนุก
เดิมทีฮวาหว่านคิดว่าอันจูแย่งยาสมุนไพรหอมแล้วคงนำกลับไปที่ร้านอย่างนี้นางค่อยมีคำอธิบายกับเถ้าแก่อันคิดไม่ถึงว่าอันจูแย่งห่อผ้าไปแล้วแม้แต่จะดูก็ยังไม่ดูกวัดแกว่งแขนไปมาก่อนเหวี่ยงห่อผ้าลงไปบนผิวน้ำ
“เจ้าบ้าไปแล้วเหรอทำไมทิ้งของดีๆอย่างนั้น” ฮวาหว่านตะลึงงัน
“เฮ้ยเป็นเจ้าโยนต่างหากไม่ใช่ข้าโยนสักหน่อย!” อันจูกระโดดอย่างดีอกดีใจอยู่บนสะพานลอยน้ำร่างไขมันราวกับตาชั่งกระทุ้งจนสะพานลอยน้ำล้วนสั่นสะเทือน
“เจ้า! เกินไปแล้วนะ” ฮวาหว่านทั้งโกรธทั้งร้อนใจเห็นว่าห่อผ้ายังลอยบนผิวน้ำจึงไม่สนใจหัวเข่าที่แตกกัดฟันกระโดดเสียงดังตูมลงไปในน้ำ
” อาเจ้านั่นแหละบ้าไปแล้ว!” คราวนี้ถึงทีอันจูตกใจบ้างอันจูกับเพื่อนร่วมกลุ่มของเขาล้วนว่ายน้ำไม่เป็นจึงไม่สามารถลงน้ำไปลากตัวฮวาหว่านขึ้นมาได้ได้แต่มองดูฮวาหว่านที่ตกลงไปในน้ำอย่างโง่เขลา
อันจูเดิมทีหน้าแดงเปล่งปลั่งอวบอูมเปลี่ยนเป็นขาวซีดเขาคิดใช้วิธีสกปรกแต่ไม่คิดบังคับให้ใครตาย
ช่วงขณะที่อันจูกำลังจะตะโกนให้คนช่วยพบว่าฮวาหว่านหยุดดิ้นรนเริ่มใช้แขนขาทั้งสี่ข้างว่ายอย่างน่าเกลียดเข้าใกล้ห่อผ้าที่เดี๋ยวลอยเดี๋ยวลอยทีละนิดๆ
อันจูถอนหายใจหย่อนก้นลงบนสะพานลอยน้ำ
ความจริงแล้วฮวาหว่านไม่เคยว่ายน้ำมาก่อนนางว่ายน้ำไม่เป็นอย่างสิ้นเชิงก่อนนี้ขณะที่สติกำลังเลอะเลือนยังดีที่เมื่อหยุดดิ้นรนสมองกลับมีสติหวนคิดถึงท่าทางของเจ้าสุนัขเหลืองตอนที่มันว่ายน้ำในลำธารสายน้อยของหมู่บ้าน
ฮวาหว่านหยิบห่อผ้าว่ายน้ำกลับมาช่วงที่ปีนขึ้นบนสะพานลอยน้ำอันจูยังกางมือให้จับ
มวยผมของฮวาหว่านและเสื้อสีน้ำตาลที่มีรอยปะล้วนมีน้ำหยดนองใบหน้าซีดขาวช่างน่าจนตรอก
ยังดีที่เข้าเดือนห้าแล้วน้ำไม่ค่อยเย็นนักฮวาหว่านแค่รู้สึกไม่สบายจนต้องจามออกมาสองครั้ง
“เจ้านี่มันโง่ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าจริงๆยาสมุนไพรหอมไม่มีก็ไม่มีสิแม้แต่ชีวิตเจ้าก็จะไม่เอาแล้วหรือไง! ข้าควรจะหลีกให้ห่างเจ้าสักหน่อยแล้วเกือบจะต้องซวยเพราะเจ้าแล้ว” อันจูยังคงชี้ไปที่จมูกของฮวาหว่านกร่นด่า
ฮวาหว่านกลับไม่สนใจอันจูนางเปิดดูห่อผ้าสำรวจยังดีที่สมุนไพรใส่ไว้ในตลับกลับไม่ถูกทำลายส่วนเครื่องประดับหญ้าแน่นอนว่าเปียกน้ำหมดแล้ว
นางห่อผ้ากลับคืนไปใหม่ฮวาหว่านเองก็ยังไม่เอ่ยคำนางอุ้มห่อผ้าไม่เหลือบมองแม้กระทั่งอันจูหมุนกายวิ่งตรงไปยังถถฟานโหล
บรรดาเพื่อนของอันจูก่อนหน้านี้ก็อยู่ในอาการตกตะลึงเห็นคนวิ่งไปไกลแล้วจึงมองไปยังอันจูเอ่ยถาม “พวกเรายังคงจะไล่ตามไปหรือไม่?”
“ไล่ตามผีน่ะสิ!” อันจูเบนสายตากลับ “อย่าไปยุ่งกับเจ้าบ้านั่นเลยพวกเราไปซื้อเนื้อแผ่นกินกันดีกว่า”