บุปผาเคียงบัลลังก์ - ตอนที่ 442 หมิงอวี้มีภัย / ตอนที่ 443 ฉุดช่วยหมิงอวี้
ตอนที่ 442 หมิงอวี้มีภัย
เซียงฉือไม่ได้คาดคิดว่าเรื่องจะลงเอยเช่นนี้ แต่เมื่อนางหมุนกายกลับ ท้องฟ้าก็ค่อยๆ มืดลงแล้ว
ซูเฟยเดินจากไปไกลแล้ว เซียงฉือนั่งลงบนก้อนหินข้างกายนวดหัวเข่าตนเองที่ถูกกระแทกเบาๆ
“ขาเอ๋ยขา ช่วงนี้เจ้าคงต้องลำบากหน่อยนะ”
เซียงฉือยังปลงไม่จบก็ได้ยินเสียงกู่ร้องดังมาจากที่ไม่ไกลนัก
“องค์หญิง อยู่ที่ไหนเพคะ องค์หญิง ออกมาเร็วๆ เถิดเพคะ”
เหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มกายเซียงฉือ นางเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่เห็นองค์หญิงหมิงอวี้ตั้งแต่เมื่อครู่ก่อนแล้ว
เซียงฉือลุกขึ้นทันที วิ่งไปตามทางที่ได้ยินเสียงนั้น
“เกิดอะไรขึ้นกับองค์หญิงหมิงอวี้ นางไปไหนแล้ว องค์หญิงหรงเย่ว์ล่ะ”
เซียงฉือลนลานถามออกไปหลายคำถามแล้วมองซ้ายแลขวา มองหาองค์หญิงหมิงอวี้ แต่แสงสว่างรอบบริเวณยิ่งมืดลง ไม่พบแม้เงาขององค์หญิงหมิงอวี้
“ใต้เท้าทำอย่างไรดีเจ้าคะ องค์หญิงหายไปแล้ว หากเกิดอะไรขึ้นกับองค์หญิงจะทำอย่างไรดี”
สาวใช้เถียนซินลนลานน้ำตาไหลพราก เซียงฉือก็อยากร้องไห้ แต่จะมาร้องให้เกิดอะไรขึ้นมาในเวลาเช่นนี้ สองมือนางจับไหล่เถียนซิน เขย่าสาวใช้อายุสิบหกปีนางนี้แรงๆ
“เถียนซินพูดชัดๆ องค์หญิงหายไปตั้งแต่ตอนไหน หายไปจากที่ไหน แล้วเกิดอะไรขึ้น”
ดวงตาไร้ความผิดของเถียนซินคู่นั้นมองเซียงฉือ สมองเริ่มแจ่มใสขึ้นบ้าง
เมื่อได้ยินเซียงฉือถามจึงตอบชัดถ้อยชัดคำ
“ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก่อนหน้านี้สายป่านว่าวขององค์หญิงขาดว่าวหลุดไปเจ้าค่ะ องค์หญิงจึงวิ่งตามว่าวเข้าไปหลังภูเขาจำลอง พอบ่าวทั้งหลายติดตามเข้าไปก็ไม่เห็นองค์หญิงแล้วเจ้าค่ะ”
เซียงฉือรับฟังแล้วใจประหวั่นพรั่นพรึงขึ้นมา
“แย่ละสิ คงจะเกิดเรื่องกับองค์หญิงแล้ว พวกเจ้าตามข้ามา เถียนซินเจ้าไปทูลเชิญจิ้งเฟยให้เสด็จมาที่นี่”
เซียงฉือคิดขึ้นได้ว่าตรงนั้นเป็นทิศทางที่จินกุ้ยเฟยจากไป จินกุ้ยเฟยโกรธซูเฟยกับนางอยู่ หากหมิงอวี้ไปพูดอะไรเข้าอีก ด้วยนิสัยของกุ้ยเฟยแล้วจะต้องลงโทษนางเป็นแน่ ในวังยังไม่มีฮองเฮา กุ้ยเฟยจึงยังเป็นพระสนมที่มีฐานะสูงสุดอยู่ งานวิวาห์ของเหล่าองค์หญิงทั้งหลายล้วนขึ้นอยู่กับนาง
จวงไท่เฟยที่อยู่ในอารามใฝ่ใจในพระธรรม คงจะไม่ไปล่วงเกินจินกุ้ยเฟยเพราะเรื่องเล็กน้อยอันใด
เซียงฉือไม่ได้คิดว่าองค์หญิงหมิงอวี้จะถูกกระทำอย่างไรบ้าง ถึงจินกุ้ยเฟยจะสติฟั่นเฟือนอย่างไรก็ไม่กล้าทำอะไรกับองค์หญิงคนหนึ่ง เซียงฉือไม่กล้าคิดมาก นางเดินเข้าไปในแถบภูเขาจำลอง พอเข้าไปก็ได้ยินเสียงร้องให้ช่วย
“ช่วยด้วย”
“ช่วยด้วย ช่วย…”
เซียงฉือหวาดกลัวมองไปในสระน้ำแต่ไกล เห็นองค์หญิงกำลังดิ้นรนอยู่ในสระ และบนฝั่งใกล้กับองค์หญิงก็มีเงาคนแวบผ่านไป
นางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจึงได้เรียกสติกลับมา
“พวกเจ้ารีบไปช่วยองค์หญิงเร็วเข้า!”
พวกขันทีกับนางกำนัลด้านหลังที่ว่ายน้ำเป็น พากันกระโดดลงน้ำต๋อมๆ เหมือนเกี๊ยวต้ม
เซียงฉือเห็นเงาคนคนนั้นแวบผ่านภูเขาจำลองแล้วไม่เห็นอีก แต่แผ่นหลังนั้นดูคุ้นตา เซียงฉือไม่กล้าชักช้า ตะโกนเรียกทหารรักษาพระองค์ที่ด้านหลังสั่งการว่า
“มีนักฆ่าหลบหนีไปทางด้านหลังภูเขาจำลอง รีบไปตรวจสอบอย่าให้ผิดพลาด!”
เซียงฉือสั่งการแล้วทหารรักษาพระองค์ส่วนหนึ่งก็วิ่งไปทางด้านหลังภูเขาจำลอง ขณะเดียวกันมีเสียงกู่ร้องดังมาจากหลังภูเขา เซียงฉือเห็นคนพวกนั้นช่วยกันงมองค์หญิงหมิงอวี้ขึ้นจากน้ำกันอลหม่านแล้วรีบห่มเสื้อผ้าที่เตรียมไว้แล้วลงบนร่างองค์หญิง ตอนนี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง น้ำในสระเย็นอย่างยิ่ง หากเกิดเจ็บป่วยเป็นไข้ขึ้นมาจะทำประการใด
ตอนที่ 443 ฉุดช่วยหมิงอวี้
คนที่เซียงฉือส่งไปตามจิ้งเฟยกลับพาฮ่องเต้มาพร้อมกับจิ้งเฟยด้วย
เรื่องนี้ไม่อาจโทษเถียนซิน เพราะตอนที่นางเห็นจิ้งเฟยนั้น องค์หญิงใหญ่หรงเย่ว์กำลังร้องไห้อย่างหนักอยู่ในอ้อมแขนของมารดา หรงจิงขณะนั้นกำลังชมสวนอยู่กับจิ้งเฟย พอเห็นใบหน้าบุตรสาวฉ่ำไปด้วยน้ำตาเช่นนั้นก็รู้สึกปวดใจ แต่ยังไม่ทันถามความก็เห็นเถียนซินวิ่งมาแต่ไกลด้วยน้ำตานองหน้า
เถียนซินเล่าเรื่องที่องค์หญิงหายไป หรงจิงก็โกรธขึ้งไม่ให้นางเล่าต่อ แล้วย่างเท้าตะบึงมาทางด้านนี้อย่างรวดเร็ว
ดังนั้น ตอนที่เซียงฉือเพิ่งจะอุ้มองค์หญิงหมิงอวี้ขึ้นมาจากน้ำ หรงจิงกับจิ้งเฟยก็มาถึงแล้ว จิ้งเฟยสั่งคนไปกองโอสถให้ส่งคนมาตรวจรักษาก่อนอื่นใดแล้วถอดผ้าคลุมออกทันใดเพื่อจะห่มให้หมิงอวี้
หมิงอวี้เพราะสำลักน้ำจึงนอนแน่นิ่งอยู่ในอ้อมแขนเซียงฉือไม่กระดุกกระดิก
หรงจิงเห็นดังนั้นจึงรีบนำนางวางราบลงบนพื้น ซูกงกงรีบรุดเข้าไปนำสิ่งสกปรกออกจากปากและจมูกนาง จากนั้นกดลงบนหน้าอกหมิงอวี้
“แค่ก แค่ก แค่ก…”
“ฟื้นแล้ว ฟื้นแล้ว!”
เซียงฉือชันเข่าอยู่บนพื้น คอยจับมือเท้าของหมิงอวี้ มองอย่างกังวลใจอย่างยิ่ง เมื่อเห็นซูกงกงกดอยู่หลายครั้ง หมิงอวี้ก็สำลักน้ำออกมาจำนวนมาก
นางหนาวเสียจนริมฝีปากม่วงคล้ำ เซียงฉือลนลานรีบนำผ้าคลุมของเหล่าสาวใช้ทั้งหมดในบริเวณนั้นมาห่มให้นาง
หรงจิงกับจิ้งเฟยที่ด้านข้างเมื่อเห็นหมิงอวี้ได้รับการช่วยเหลือแล้ว ใจที่แขวนอยู่จึงค่อยคลายลง
ตอนนี้สติสัมปชัญญะของนางยังไม่แจ่มชัด เพียงไอเบาๆ เซียงฉือโอบร่างนางขึ้นกอดไว้ในอ้อมอกร้องไห้ราวเด็กๆ
นางกลัวจริงๆ ว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับองค์หญิงหมิงอวี้ แต่ยังดีที่นางไม่เป็นอะไร เช่นนี้นางจะได้ไม่ต้องละอายใจ
มิเช่นนั้นแล้วตลอดชีวิตนี้นางไม่รู้จะชดใช้อย่างไรได้
เซียงฉือกอดหมิงอวี้ร้องไห้อยู่เช่นนั้น หรงจิงเห็นแล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น
ข้าราชสำนักสตรีกองโอสถมาถึงอย่างรวดเร็ว แล้วนำหมิงอวี้วางบนแคร่หามจากไป
เซียงฉือไม่ได้ตามไป แต่ลุกขึ้นยืนพูดว่า
“ฝ่าบาท องค์หญิงไม่ได้ก้าวพลาดตกน้ำเพคะ หม่อมฉันเป็นห่วงว่าจะมีนักฆ่าลอบเข้าวังมา ก่อนที่หม่อมฉันจะมาถึงที่นี่มันยังอยู่ตรงนี้ ตอนนี้หม่อมฉันสั่งทหารักษาพระองค์ออกไปติดตามตรวจสอบอยู่ แต่ยังคงต้องขอให้ฝ่าบาททรงบัญชา ส่งใต้เท้าฉู่ตรวจสอบให้ละเอียดด้วยเพคะ”
หรงจิงฟังจบก็บันดาลโทสะเป็นการใหญ่
“อะไรนะ มีนักฆ่าหรือ”
“เด็กๆ! สั่งฉู่อวิ๋นเซียวให้ไปตรวจสอบ ดูซิว่าใครกันที่กล้าบังอาจเข้ามาทำร้ายองค์หญิงถึงในวังเช่นนี้”
คำบัญชาของหรงจิงออกไปแล้ว คนทั้งหลายในวังต่างพากันสั่นเทิ้ม
เมื่อโอรสสวรรค์พิโรธ ในวังจึงเกิดความโกลาหลขึ้นทันที
เซียงฉือไม่กล้าพูดมาก นางเห็นสีหน้าที่เดือดพล่านนั้นแล้วก็รู้ว่านางไม่อาจพูดผิดได้แม้แต่คำเดียว มิเช่นนั้นนางจะถูกสงสัยได้ว่ามีเจตนาร้าย
เซียงฉือเห็นฝีมือของคนเมื่อครู่ว่าไม่เลวเลย เกรงว่าทหารรักษาพระองค์ทั่วไปคงจะรับมือไม่ไหว คิดว่าพวกที่ส่งไปคงจะจับตัวไม่ได้ เหตุการณ์เมื่อครู่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มีเพียงเซียงฉือกับนางกำนัลที่วิ่งอยู่ข้างหน้าไม่กี่คนเท่านั้นที่เห็น
รอให้องค์หญิงได้สติก่อนแล้วค่อยพูดจะดีกว่า
เพราะตอนนี้เซียงฉือไม่กล้าพูดถึงข้อสงสัยใดๆ เนื่องจากคนที่นางสงสัยก็คือจินกุ้ยเฟย
แม้นางจะไม่คิดว่าจินกุ้ยเฟยจะอาจหาญถึงเพียงนั้นก็ตาม
หรงจิงมาถึงกองโอสถ เพราะกองโอสถอยู่ใกล้กับสถานที่นั้นมาก องค์หญิงหมิงอวี้จึงถูกส่งตัวมาถึงในทันที
นำนางเข้าไปในห้องที่อบอุ่น เปลี่ยนชุดที่สะอาดให้นาง นางกำนัลหลายคนกำลังก่อไฟ และเช็ดผมหมิงอวี้ให้แห้ง
มีเพียงหมิงอวี้คนเดียวที่นอนอยู่บนเตียง นางหลับตาแน่นราวกับกำลังหวาดกลัวจากฝันร้าย