บุปผาเคียงบัลลังก์ - ตอนที่ 496 งานคัดเลือกที่น่าอึดอัด / ตอนที่ 497 เซียงฉือเสนอวิธี
ตอนที่ 496 งานคัดเลือกที่น่าอึดอัด
ซูเฟยพูดเช่นนี้ หรงจิงจึงยิ้มชื่นบานเดินเข้าด้านใน
เซียงฉือรู้สึกเพียงใบหน้าร้อนผ่าว แต่ไม่รู้ว่าเรื่องนี้ไปมาอย่างไร
ฮ่องเต้เดินผ่านไปแล้ว สายตาเย็นเฉียบของกุ้ยเฟยทำให้เซียงฉือเสียวสันหลังวาบ
เซียงฉือถูกนางกำนัลอาวุโสข้างกายซูเฟยฉุดลาก จึงเดินตามขบวนคนทั้งหลายเข้าไปข้างใน นางอ่อนใจเกรงว่าวันนี้คงจะไม่ได้พักผ่อนเสียแล้ว
เมื่อหรงจิงนั่งลง พระสนมทั้งสามจึงพากันนั่งถัดลงไป ซูเฟยนั่งอยู่ทางซ้ายมือหรงจิงโดยมีจิ้งเฟยนั่งถัดลงไป ส่วนกุ้ยเฟยนั่งอยู่ทางขวามือหรงจิง ใบหน้างดงามละเอียดอ่อน ดวงตางดงามคู่นั้นผุดความเย็นชา แต่ก็ไม่ได้ลดทอนความสง่างามอย่างยิ่งของนาง จินกุ้ยเฟยสมแล้วที่เป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของแคว้นเซียวจิ่ง ช่างงดงามบรรจงจริงๆ
วันนี้กุ้ยเฟยสวมกระโปรงยาวสีชมพูดอกท้อทั้งชุด ทับด้วยเสื้อผ่ากลางสีขาวนวล และที่ละเอียดงดงามที่สุดคือบนนั้นฝังไข่มุกกลมเกลี้ยงขนาดปลายนิ้วก้อยจำนวนเจ็ดพันเจ็ดร้อยสิบเก้าเม็ด แต่งหน้าในแบบดอกท้อที่นางชื่นชอบ บนเส้นผมดำขลับปักปิ่นหงส์หยกขาวเฉียงๆ ไว้อันหนึ่ง ทำให้ฤดูใบไม้ร่วงนี้สดชื่นน่าสบายยิ่งขึ้น
ซูเฟยก็ไม่ยอมน้อยหน้า เพราะนางมีรูปร่างอรชรหยาดเยิ้ม จึงเลือกชุดกระโปรงหงส์สีม่วงดอกโบตั๋น บนศีรษะประดับปิ่นระย้าดอกไม้ทองคำ แลดูอ่อนช้อยยิ่ง แต่จิ้งเฟยวันนี้สวมชุดสีฟ้าครามปกติ บนกายมีผ้าคลุมสีขาวคลุมอยู่ สีหน้าดูขาวซีด
เซียงฉือมองดูโดยรอบแล้วจึงยืนอยู่ข้างหลังหรงจิงเงียบๆ
หรงจิงมองดูการตกแต่งแล้วกุมมือซูเฟยพูดว่า
“ลำบากเจ้าแล้ว ตำหนักเชียนสี่จัดแต่งได้ดีมากทีเดียว”
ซูเฟยลุกขึ้นทำความเคารพ จงใจชม้ายตาไปมองกุ้ยเฟย ท่าทางอวดดีนั้นทำให้กุ้ยเฟยขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
หรงจิงไม่ชอบการแก่งแย่งชิงดีกันทั้งต่อหน้าและลับหลังของสตรีฝ่ายใน ตลอดมาเขาใส่ใจแต่ในราชกิจ ต้องการเพียงให้ฝ่ายในสงบสุข
สายตากุ้ยเฟยแทบจะสับซูเฟยเป็นพันชิ้น แต่ท้ายที่สุดได้แต่เพียงค้อนนางด้วยสายตาดุร้ายเท่านั้น
เซียงฉือส่งสมุดรายชื่อเล่มหนึ่งให้หรงจิง
หรงจิงหันไปยิ้มให้นางแล้วพูดกับซูกงกงว่า
“เมื่อเตรียมเสร็จแล้วก็เริ่มเลย”
ซูกงกงสีหน้ายิ้มแย้ม แล้วยืนร้องประกาศขึ้นบนตำหนัก
“การคัดเลือกสาวงามเริ่มต้น ให้สาวงามเข้าเฝ้าได้”
เสียงประตูหน้าตำหนักเชียนสี่เปิดออก สาวงามแยกกันเข้ามาจากประตูเล็กทั้งสองด้านเป็นสองกลุ่มเรียงตามลำดับแล้วยืนอยู่ด้านนอกท้องพระโรงเฉิงเอิน
“สาวงามถวายบังคมฝ่าบาทและพระสนมทุกพระองค์”
เซียงฉือมองดูข้างนอกท้องพระโรงอย่างละเอียด หรงจิงนั่งอยู่ตำแหน่งประธานก็รวบรวมสมาธิ อ่านรายชื่อในมือ
มีเสียงขันทีขานขึ้นจากทางด้านนอก
“ธิดาหัวหน้าศาลต้าหลี่ฉีหยวนเม่า ฉีฟังเสี่ยว อายุสิบหกปี”
ในแถวทั้งสองของหญิงสาวมีคนๆ หนึ่งลุกขึ้นแล้วเดินมาด้านหน้าท้องพระโรง คารวะอ่อนช้อย
“หม่อมฉันฉีฟังเสี่ยวถวายบังคมฝ่าบาทและพระสนมทุกพระองค์เพคะ ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี พระสนมทุกพระองค์ทรงพระเจริญพันปีเพคะ”
หญิงสาวคนนั้นรูปร่างอ่อนช้อย ผิวพรรณขาวผุดผาด ใต้ริมฝีปากมีไฝเสน่ห์เม็ดหนึ่งดูโดดเด่น เซียงฉือเห็นแล้วนับนางเป็นสาวงามคนหนึ่ง แต่หรงจิงมองดูแล้วส่ายหน้า
ขันทีน้อยรับคำสั่งจึงร้องขานต่อไป
“บุตรสาวผู้ผลิตงานทอซูโจวหวังอี้อัน หวังซิ่วเหยียน อายุสิบแปดปี”
หญิงสาวคนนั้นมีความงามตามแบบฉบับคนลุ่มน้ำซูโจว หน้าตาดูฉลาดน่ารัก ดูเป็นคนอารมณ์ดี แต่หรงจิงส่ายหน้า
เซียงฉือได้เห็นสาวงานหลายกลุ่ม ทุกคนล้วนมีหน้าตางดงามหรือไม่ก็กิริยางามสง่า แต่ว่าหรงจิงไม่เลือกไว้สักคนทำให้คนร้อนรนแต่ไม่รู้จะทำเช่นไร
เซียงฉือไม่พูดอะไร เพียงเห็นหรงจิงมองดูรายชื่ออย่างคร่าวๆ สาวงามยังคงเข้ามาเป็นรอบๆ แต่หรงจิงกลับให้ความสนใจกับรายชื่อบนกระดาษ
ซูเฟยอดรนทนไม่ไหวดึงแขนเสื้อเซียงฉือ นางทำเป็นไม่เห็นยังคงยืนอยู่เช่นนั้นไม่ขยับและไม่พูดอะไร
ตอนที่ 497 เซียงฉือเสนอวิธี
เซียงฉือไม่ขยับกายแต่หรงจิงกลับเห็นกิริยาเล็กๆ นั้นของซูเฟย เขาจึงปิดสมุดรายชื่อในมือดังป้าบ
“นี่ก็เที่ยงแล้วยังชมสาวงามได้ไม่ถึงเศษหนึ่งส่วนสามเลย เสียเวลามากมายเช่นนี้เพื่ออะไรกัน”
“ซูกงกง จัดสาวงามที่เหลือทั้งหมดแบ่งเป็นสามกลุ่ม ให้ไปยืนตรงระเบียง ข้าดูไปพร้อมกันทั้งหมดก็จบเรื่อง”
ซูกงกงได้ยินคำสั่งหรงจิงแล้วแต่ไม่กล้าปฏิบัติ
“ฝ่าบาท แบบนี้ แบบนี้ไม่ต้องตามกฎเกณฑ์นะพ่ะย่ะค่ะ”
ซูกงกงลำบากใจอย่างยิ่ง กุ้ยเฟยกับซูเฟยก็รู้สึกลำบากใจกับเรื่องนี้เช่นกัน ถึงแม้การคัดเลือกสาวงามครั้งนี้พวกนางจะไม่ยินดีนักก็ตาม แต่เมื่อฮ่องเต้ทำเสียวุ่นวายเช่นนี้ พวกนางก็จะถูกขุนนางในราชสำนักกล่าวหาให้เสียชื่อเสียงฝ่ายในได้
ดังนั้นทั้งคู่จึงพร้อมใจกันขอความกรุณา
“ฝ่าบาท ทำเช่นนี้ไม่ได้นะเพคะ กฎเกณฑ์การคัดเลือกสาวงามถูกกำหนดมาตั้งแต่ครั้งบูรพกษัตริย์ จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงง่ายๆ ไม่ได้นะเพคะ”
ซูเฟยร้อนรนที่สุด นางเตรียมแผนงานมานานไม่คิดว่าในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้หรงจิงจะเอ่ยคำพูดแบบนี้ออกมาจึงได้พูดขึ้นมาอย่างตระหนก
กุ้ยเฟยก็คารวะอย่างนุ่มนวลงดงาม เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“น้องหญิงซูเฟยกล่าวได้มีเหตุผลนะเพคะ การคัดเลือกสาวงามสามปีครั้งของฝ่าบาทในครั้งนี้ บรรดาสาวงามสู้อุตส่าห์เดินทางมาแต่ไกลก็เพื่อจะได้ชื่นชมพระบารมี ฝ่าบาทโปรดอย่าทรงทำให้สาวงามทั้งแผ่นดินต้องผิดหวังเลยนะเพคะ”
ทั้งสองต่างอ้างเหตุผล แต่ล้วนต้องการให้หรงจิงทิ้งวิธีการนี้นั้นไปเสีย
หรงจิงรู้สึกหงุดหงิด เซียงฉือมองออกแต่แรกแล้วว่าเขาหมดความอดทน แต่ตอนนี้ทุกคนในตำหนักล้วนเป็นเป็นเจ้านายของนาง จึงไม่กล้าผลีผลามเอ่ยปาก เพียงลอบแบะปากยิ้มอย่างสมใจ
หรงจิงไม่แยแส พอเขาเห็นรอยยิ้มเซียงฉือจึงถามขึ้น
“เซียงฉือ เจ้าคิดอย่างไร”
เซียงฉือพอถูกหรงจิงเรียกขึ้นเช่นนั้น ไม่อาจไม่ฝืนใจออกไปยืนพูดขึ้น
“พระสนมทั้งสองตรัสมีเหตุผลเพคะ แต่ว่าแคว้นเซียวจิ่งนี้เป็นแคว้นเซียวจิ่งของฝ่าบาท กฎเกณฑ์นั้นมนุษย์เป็นผู้กำหนดไม่ใช่หรือเพคะ ในเมื่อฝ่าบาทมีพระประสงค์อย่างไรก็ให้เป็นไปตามนั้น ใช่ว่าจะทำไม่ได้เพคะ”
“แต่ว่าพระสนมทั้งสองล้วนตรัสอย่างมีเหตุมีผล ฝ่าบาทจึงควรทรงใคร่ครวญสักครั้งก่อนมีพระวินิจฉัยเพคะ”
คำพูดของเซียงฉือไม่ลำเอียงแต่ไม่มีข้อคิดเห็นอะไร พูดมาตั้งมากมายก็เป็นเพียงการสรรเสริญเสียมาก ไม่ได้มีข้อเสนอแนะที่มีแก่นสาร
ซึ่งแน่นอนว่าเป็นคำตอบที่หรงจิงไม่พอใจอย่างยิ่ง เขาเลิกคิ้วแล้วถามขึ้น
“แล้วถ้าข้ายกเรื่องนี้ให้เจ้าล่ะ เจ้าจะจัดการอย่างไร”
เมื่อเจอคำถามเช่นนี้ของหรงจิงเข้า เซียงฉือถึงกับปวดหัว แม้จะก้มหน้าต่ำแต่คิ้วก็กระดก ยากที่จะตัดสินใจ
“หืม ข้ากำลังถามเจ้า เจ้าก็พูดออกมาตามสบายแล้วกัน ข้าจะไม่คาดโทษ”
พอได้ยินเซียงฉือก็รู้ว่าจะอย่างไรก็เลี่ยงไม่ได้แล้ว จึงฝืนใจตอบไปว่า
“หม่อมฉันก็ได้เห็นสมุดรายชื่อในพระหัตถ์ฝ่าบาทแล้ว ข้างในมีสตรีมากมายเกินไปจริงๆ หากฝ่าบาททอดพระเนตรทีละคนคงต้องสิ้นเปลืองเวลาถึงสองสามวันจึงจะทอดพระเนตรได้หมดเพคะ”
“เพียงแต่ว่าพระสนมทุกพระองค์ล้วนตรัสอย่างมีเหตุผลเพคะ หรือว่า ถ้าเช่นนั้นก็ทำตามพระประสงค์ฝ่าบาท แต่ให้สตรีเหล่านั้นเดิมผ่านเบื้องพระพักตร์ทีละคน หากคนใดที่ต้องพระเนตรก็ให้อยู่รับใช้ในวัง นอกจากนี้ทูลเชิญพระสนมทั้งสามให้ทรงช่วยเลือกสาวงามที่งดงามโดดเด่น ความสามารถเลิศล้ำออกมาจากกลุ่มหลายๆ คนเพื่อให้ฝ่าบาททอดพระเนตรอีกครั้ง”
“ไม่ทราบว่าวิธีการนี้เป็นอย่างไรเพคะ”
เซียงฉือพูดเช่นนี้ก็เพื่อให้เกิดความเสมอภาคทางความคิดของพระสนมทั้งหลาย ให้พวกนางได้มีคนที่ตนสามารถใช้สอยได้สักหลายคนจากการคัดเลือกสาวงามในรอบนี้ เพื่อช่วยตนเองให้ได้ถ่วงดุลกับฝ่ายตรงข้าม
แต่ดูจากท่าทางฮ่องเต้แล้ว เห็นได้ชัดว่าต้องการจะเลือกเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ดังนั้นพวกนั้นจึงต้องคิดวางแผนกันใหม่
เซียงฉือตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ดี จึงได้เสนอความเห็นไปเช่่นนี้