บุปผาเคียงบัลลังก์ - ตอนที่ 538 สุขสงบ / ตอนที่ 539 หรงเฉิงเยี่ยเข้าวัง
ตอนที่ 538 สุขสงบ
เซียงฉือเขินอายหน้าแดงเพราะคำพูดของหรงจิงจึงหดเข้าไปในผ้าห่มของตนไม่พูดไม่จา
หรงจิงยิ่งเกเรมากขึ้นและยิ่งเข้าใกล้เซียงฉือ เส้นผมกรุ่นกลิ่นหอมหลงเสียนเซียงของเขาแผ่สยายออก เซียงฉือรู้สึกคุ้นเคยอย่างยิ่ง
หรงจิงขยับเข้าไปใกล้หูของเซียงฉือ แนบริมฝีปากอุ่นยั่วเย้ากับใบหูของนาง พูดด้วยน้ำเสียงเฉพาะในแบบฉบับของเขา
“ข้ากำลังคิดอยู่ว่าจะจัดการเจ้าอย่างไรดี”
เซียงฉือหดคออยู่ครู่หนึ่งจึงได้ออกมาจากข้างในผ้าห่ม นางจ้องหรงจิงด้วยดวงตาสุกใส
“แบบตอนนี้ก็ดีแล้ว หม่อมฉันรู้สึกว่าแบบนี้ก็ดีมากแล้วเพคะ”
หรงจิงหลับตาขยับเข้าใกล้เซียงฉือ ยื่นแขนไปบนร่างนาง แนบศีรษะบนไหล่นางเหมือนเด็ก เข้าเลิกหยอกล้อใบหูนางแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหน็ดเหนื่อย
“ข้าเคยพูดแล้วว่าจะไม่ให้เจ้าต้องได้รับความอยุติธรรม”
เมื่อหรงจิงพูดเช่นนั้นเซียงฉือไม่ขยับกาย น้ำตานางหลั่งไหลพูดอย่างพาลๆ
“หม่อมฉันเพียงรู้สึกว่าการได้อยู่กับพระองค์เป็นความสุขที่สุดแล้ว เหตุใดฝ่าบาทจึงคิดจับแมวป่าอย่างหม่อมฉันขังไว้ในกรง ฝึกให้เชื่องแล้วเย้าแหย่เล่นในบางครั้ง หรือนั่นจะเป็นพระประสงค์เพคะ”
“ฝ่าบาททรงรู้จิตใจของหม่อมฉันดี ไยหม่อมฉันจะไม่รู้ถึงพระทัยของฝ่าบาท ขอฝ่าบาทสบายพระทัยเถิดเพคะ หม่อมฉันรู้สึกจริงๆ ว่าการได้อยู่ด้วยกันทุกวันก็เป็นความสุขอย่างที่สุดของหม่อมฉันแล้วเพคะ”
หรงจิงกอดนางแน่นขึ้น เขาสูดหายใจลึกแล้วทอดถอนใจ
“สุขภาพเจ้ายังอ่อนแออยู่ รีบนอนเถอะ”
พูดจบก็หลับตาทั้งคู่ไม่ขยับกายอีก เซียงฉือหันกลับมา อาศัยแสงระยิบระยับของดวงดาวด้านนอกหน้าต่างมองดูใบหน้าเขาแล้วจมลงสู่นิทราช้าๆ
หรงจิงรอจนกระทั่งเซียงฉือหลับตา ลมหายใจสม่ำเสมอดีแล้วจึงได้ลืมตาขึ้นเหมือนพยัคฆ์ในความมืด เขามองใบหน้านาง ปรารถนาจะกอดนางและดูดซับพลังงานบนตัวนาง
“เด็กโง่ ข้าทนไม่ได้ที่จะอยุติธรรมต่อเจ้า อย่างไรก็ต้องให้ฐานะกับเจ้าสักอย่าง แล้วตอนนี้ก็กำลังเหมาะสม”
เขาขยับกายขึ้นเล็กน้อยแล้วจูบริมฝีปากนาง จากนั้นเอนลงนอนตามเดิมมองดูนางจนหลับไป
วันรุ่งขึ้นหรงจิงไม่ต้องประชุมราชสำนักเช้า ซึ่งเป็นวันหยุดวันหนึ่งในเจ็ดวันที่เหล่าขุนนางจะไม่เข้าราชสำนัก หรงจิงจึงได้พักผ่อน ขอเพียงไม่มีงานราชการ เขาก็สามารถพักผ่อนได้มากขึ้น
แต่หรงจิงเคยชินกับการตื่นในยามเหม่า การนอนครั้งนี้เขาหลับได้ยาวนาน
ซูกงกงรู้ว่าหรงจิงมักนอนไม่หลับในตอนกลางคืน เมื่อเห็นหรงจิงหลับอย่างสงบอยู่ในห้องเซียงฉือเช่นนี้ก็ไม่อาจทำใจรบกวนเขา จึงสั่งพวกคนรับใช้ให้เบามือเบาไม้ ไม่ให้ใครมารบกวนหรงจิง
แสงทองยามเช้าริมขอบฟ้าปลุกเขาให้ตื่นขึ้น เปลือกตาหรงจิงกระตุกน้อยๆ ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เขายื่นแขนออกมาจากใต้ผ้าห่มยกขึ้นบังแสงที่แยงตานั้นอย่างรู้สึกรำคาญ
พอพลิกตัวก็เห็นดวงตาสดใสของเซียงฉือกำลังกะพริบอยู่ นางมองดูเขาอย่างตั้งใจ
หรงจิงหลับสบายตลอดคืน ยังไม่คิดจะลุกขึ้นจึงนอนดูเซียงฉือ ริมฝีปากผุดรอยยิ้มอ่อนโยน ตั้งแต่เซียงฉือเข้าตำหนักเจิ้งหยาง หรงจิงก็มีรอยยิ้มมากขึ้น
เซียงฉือเห็นหรงจิงตื่นแล้วก็ดีใจ นางมองเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ฝ่าบาท…”
หรงจิงโผเข้าไปหาทันทีประทับจูบลงบนริมฝีปากนางทันใด
ตอนที่ 539 หรงเฉิงเยี่ยเข้าวัง
พอแสงแดดสาดเฉียงเข้ามา ก็มีแขกสูงศักดิ์มาเยือน เซียงฉือเพิ่งจะชำระร่างกายแต่งตัวเสร็จซูกงกงก็เข้ามารายงานว่าหรงเฉิงเยี่ยมาขอเข้าเฝ้า
หรงเฉิงเยี่ยไม่ได้เข้าวังมาพักใหญ่ เซียงฉือมองหรงจิงหน้าแดง นางคิดจะหลบหน้าไม่ออกไปพบ แต่หรงจิงใจกว้างเขาดึงมือเซียงฉือออกไปยังโถงด้านหน้าด้วยกัน
หรงเฉิงเยี่ยกำลังยืนชื่นชมต้นเก๊กฮวยเกสรหยกต้นสุดท้ายของฤดูใบไม้ร่วงนี้ที่ระเบียงทางเดิน ในมือถือหยกชิ้นหนึ่งเล่นอย่างสบายอารมณ์
หรงจิงเดินเข้าไป เสียงเปิดประตูดังขึ้นทำให้หรงเฉิงเยี่ยหันกลับมาทำความเคารพ
“ถวายบังคมเสด็จพี่ ขอเสด็จพี่ทรงพระเกษมสำราญพ่ะย่ะค่ะ”
หรงจิงสะบัดมือแล้วหรงเฉิงเยี่ยก็ลุกขึ้นยืน เขาเห็นหรงจิงจูงมืออวิ๋นเซียงฉือเดินเข้ามาคิ้วก็ขมวดขึ้นแต่ไม่เป็นที่สังเกตมองดูเซียงฉืออย่างครุ่นคิด
แต่ก็พูดหยอกเย้าออกไปว่า
“ฝ่าบาทได้สาวงามมาอีกแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ”
หรงจิงมองหรงเฉิงเยี่ยแล้วตบหลังมือเซียงฉือ จูงนางนั่งลงบนตั่งแล้วกวักมือพูดขึ้น
“เจ้านี่นะ ใช่ว่าจะไม่รู้จักเซียงฉือ รีบมานั่งมา”
หรงเฉิงเยี่ยคารวะอีกครั้งพูดขึ้นว่า
“ที่แท้เป็นใต้เท้าอวิ๋นนี่เอง อ้อไม่ใช่สินะ ควรเปลี่ยนเรียกเป็นพระสนม เจ้านายน้อยหรือว่าพี่สะใภ้ดี”
หรงจิงหัวเราะร่าไม่ใส่ใจกับคำพูดนั้น เซียงฉือรู้ว่าคำพูดนี้มีเจตนาพูดกับนาง ทำให้นางรู้สึกแย่และลำบากใจ
เซียงฉือไม่พูดอะไร หรงจิงจึงบอกว่า
“ยังไม่ต้องรีบ ให้เซียงฉืออยู่ข้างกายข้าต่ออีกสักระยะหนึ่งก่อน ได้นางจัดการงานข้าจึงวางใจ”
เซียงฉือผงกศีรษะยิ้มอย่างอ่อนโยน นางเอียงกายมองหรงเฉิงเยี่ยที่ด้านข้าง เมื่อคิดถึงคำพูดสวี่อี้ในคืนนั้นทำให้นางสงสารสวี่อี้ขึ้นมา
สวี่อี้เคยพูดว่านางนัดแนะกับหรงเฉิงเยี่ยไว้ว่าจะขอให้ฮ่องเต้พระราชทานสมรสให้ แต่ขอเพียงให้เขามีความรักต่อนาง
เซียงฉือเห็นหรงเฉิงเยี่ยยามนี้โกรธแทนความรู้สึกของผู้อื่น แต่กลับเย็นชากับสวี่อี้เช่นนั้น จึงรู้สึกผิดหวังต่อเขา
เซียงฉือดึงมือน้อยๆ ของตนออกมาจากมือหรงจิง หรงจิงรู้สึกแปลกใจ เซียงฉือจึงยิ้ม
“หม่อมฉันจะไปเตรียมกระดานเดินหมากให้ฝ่าบาทเพคะ แล้วก็ได้ยินซูกงกงบอกว่าวันนี้มีชาชุดใหม่มาถึง หม่อมฉันจะไปชงมาถวายฝ่าบาทกับเหลียนชินอ๋องให้ทรงชิมเพคะ”
หรงจิงฟังแล้วจึงค่อยวางใจ เขาปล่อยมือแล้วพูดว่า
“ใช่แล้ว ฝีมือชงน้ำชาของเซียงฉือเลิศล้ำที่สุด เจ้าไปเถอะ”
“เด็กๆ จัดกระดานเดินหมากให้เรียบร้อย”
เมื่อจัดการเสร็จจึงปล่อยเซียงฉือ นางจึงออกไปแล้วกลับไปยังห้อง นำกำไลหยกขาวที่ถูกนางเก็บไว้ในกล่องเครื่องสำอางค์ออกมา ในเมื่อนางตัดสินใจที่จะอยู่ในวังกับหรงจิงยืนยาวตลอดไปแล้ว ก็ไม่อาจที่จะให้เหอเจี่ยนสุยรอนางอีกต่อไป
ปล่อยให้เขาทำอย่างไรก็ได้ นางไม่คิดจะเขียนกลอนเพื่อทำให้เหอเจี่ยนสุยห่วงใยเป็นทุกข์อีก ให้เขาสามารถตัดใจได้เป็นดี อย่าได้คอยนางอีกเลย ความรักที่ไม่มีอนาคตเช่นนั้น
เซียงฉือห่อกำไลหยกขาวไว้อย่างดี ราวกับการทำเช่นนี้จะสามารถปิดผนึกหัวใจของนางได้กระนั้น