บุปผาเคียงบัลลังก์ - ตอนที่ 564 การตัดสินใจของซูเฟย / ตอนที่ 565 วั่นกงกงกับจ้าวเย่ว์หวน
- Home
- บุปผาเคียงบัลลังก์
- ตอนที่ 564 การตัดสินใจของซูเฟย / ตอนที่ 565 วั่นกงกงกับจ้าวเย่ว์หวน
ตอนที่ 564 การตัดสินใจของซูเฟย
ทันทีที่ได้ยินข่าวว่าเซียงฉือตั้งครรภ์และได้รับแต่งตั้งขึ้นเป็นอวิ๋นผินของตำหนักซีเฝ่ยซูเฟยก็สรุปได้ทันทีว่าเสี่ยวเต๋อจื่อจะต้องยังมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน นางจะไม่ปล่อยให้อวิ๋นเซียงฉือมีโอกาสหาเขาพบ ดังนั้น ในขณะที่คนของตำหนักเจิ้งหยางออกค้นหาไปทั่ว คนจากตำหนักจู้เซียงก็กระจายไปทุกแห่งหน
แต่ไม่ว่าคนของตำหนักจู้เซียงหรือตำหนักเจิ้งหยาง ล้วนไม่มีใครหาเสี่ยวเต๋อจื่อพบ
พอซูเฟยรู้ข่าวนี้ก็เดือดดาล นางผลักหน้าต่างออกมองดูหิมะที่โปรยปรายเบื้องนอก บังเกิดความหวาดหวั่นอย่างบอกไม่ถูก
ย้อนเวลากลับไปเมื่อครั้งที่นางยังเป็นเพียงข้าราชสำนักสตรีคนหนึ่ง
จ้าวเย่ว์หวนเดิมเป็นเพียงข้าราชสำนักสตรีจากครอบครัวสามัญ นางอาศัยฝีปากช่างจำนรรจาพาตัวเองเขาสู่กองราชเลขา ในเวลานั้นนางเป็นคนของไทเฮา ดังนั้นคนในวังจึงไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางนัก
แต่สุขภาพของไทเฮานับวันยิ่งแย่ลง ทำให้หรงจิงห่วงใยยิ่งขึ้น จึงคอยเฝ้าดูแลอยู่ทั้งวัน จ้าวเย่ว์หวนซึ่งคอยรับใช้ไทเฮาอยู่นั้น ได้แต่ครุ่นคิดคำนึงถึงหรงจิงที่หนุ่มแน่น หน้าตาหล่อเหลา
ความคิดของนางไม่พ้นไปจากสายตาคู่นั้นของวั่นกวง เขาจึงแอบเข้าไปในห้องจ้าวเย่ว์หวนกลางดึกแล้วพูดกับนางว่า
‘เย่ว์หวน ข้าเห็นเจ้ามีใจฝักใฝ่ในฝ่าบาท แต่อาศัยเพียงความสามารถของเจ้านี่นะ หากคิดจะเป็นพระสนมชายาล่ะก็อย่าได้ฝันเฟื่องไปเลย’
‘อย่าว่าแต่ฝ่าบาททรงมีวินัยควบคุมพระองค์เองเลย ยังไม่เคยได้ยินมาว่าพระองค์จะทอดพระเนตรแลมองนางกำนัลคนไหน ต่อให้เจ้าถวายตัวร่วมบรรทมได้สำเร็จ ฝ่าบาทก็คงให้เจ้าเป็นได้แค่ตาอิ้งซึ่งเจ้าก็ควรต้องสำนึกในพระกรุณาเป็นอย่างยิ่งแล้ว แต่ว่าจินกุ้ยเฟยจะยอมปล่อยเจ้าละหรือ’
‘หากวันใดที่ไทเฮาเสด็จจากไป กุ้ยเฟยก็จะหาเหตุผลกล่าวหาเจ้าว่าก่อความวุ่นวายที่ฝ่ายใน ทำให้ไทเฮาพิโรธ ถือโอกาสฆ่าเจ้าเสีย เจ้าจะทำอย่างไรได้’
วั่นกวงเป็นคนดังที่โดดเด่นมากที่สุดในฝ่ายในผู้เป็นที่โปรดปรานอย่างยิ่งของไทเฮา อีกทั้งหรงจิงเองก็ไว้ใจเขา เขาจึงเหมือนดั่งปลาได้น้ำระริกไปทั่ว
สมัยนั้นจ้าวเย่ว์หวนยังเป็นเพียงสาวใช้ที่ไม่รู้เท่าทันวั่นกวง จึงถูกเขาครอบงำจนหวาดหวั่น ดังนั้นไม่ว่าเรื่องใดที่สมควรพูดหรือไม่สมควรพูด ล้วนบอกกล่าวแก่เขาจนหมดสิ้น
ในเวลานั้นวั่นกวงเป็นขันทีอาวุโสที่ได้รับความเคารพและเชื่อถือจากผู้คน เขาค่อยๆ ตะล่อมหลอกล่อจนจ้าวเย่ว์หวนยอมเป็นคู่รักในวังกับเขา
วั่นกวงหลงใหลดวงตาฉลาดเฉลียวและรูปร่างอันอ่อนช้อยของนาง
แน่นอนว่าที่ซูเฟยสามารถมาถึงวันนี้ได้ กล่าวได้ว่าเป็นเพราะการลงทุนลงแรงอย่างมากของวั่นกวงในตอนนั้น
วั่นกวงส่งนางเข้าสู่กองราชเลขา แล้วส่งนางไปถึงเบื้องหน้าของฮ่องเต้ ซึ่งฮ่องเต้ก็ตาลุกวาวขึ้นจริงๆ การที่นางได้ปรนนิบัติรับใช้ฮ่องเต้ก็สมเหตุสมผล
หรงจิงเป็นฮ่องเต้เผด็จการแต่ก็เป็นสามีที่อ่อนโยน เวลาที่อยู่กับนางเต็มไปด้วยความนุ่มนวลและราวกับจะกลืนกินนางตลอดเวลาที่นางอยู่ข้างกายเขา
วันเวลาที่ผ่านมาของนางนับว่าไม่เลวนัก แต่ระยะนึ้นางพยายามที่จะลืมเรื่องราวที่ไม่ควรที่ผ่านมา แต่กลับยิ่งเหมือนดั่งกระแสน้ำถาโถมสู่นางอย่างคลุ้มคลั่ง
นางหวาดหวั่นอย่างยิ่ง วันนั้นวั่นกวงถึงกับอ้างความเป็นคู่รักชาววังในสมัยก่อนเพื่อบีบคั้นนางให้ช่วยขจัดหรูอี้กงกงที่ด้านหลัง ทั้งเรื่องนี้ยังถูกอวิ๋นเซียงฉือที่อยู่ข้างกายฮ่องเต้พบเห็นเข้าอีก นางคนนั้นก็ช่างเฉลียวฉลาดนัก เมื่อรู้ว่าเหตุการณ์ไม่เข้าที จึงยอมทำทีสยบเพื่อให้นางยอมปล่อยให้นางมีชีวิตรอดไป
ถึงตอนนี้จึงรู้ว่าตนเองได้ขุดหลุมใหญ่ไม่น้อยไว้ให้ตัวเองและนางกำลังทุรนทุรายอยู่ข้างในนั้น แต่อวิ๋นเซียงฉือกลับยิ่งเจริญงอกงาม ความแตกต่างกันเช่นนี้มีหรือที่ซูเฟยจะยอมสงบราบคาบ
สารพันความคิดบังเกิดขึ้นในใจนาง พลันมีมือใหญ่หยาบกร้านคู่หนึ่งประคองนางจากทางด้านหลัง นำพากลิ่นที่ทำให้นางอยากอาเจียนเข้าใกล้ตัวนาง
เสียงที่ชั่วร้ายนั้นทำให้นางสุดทน แต่ก็ไม่กล้าผลักไส
ตอนที่ 565 วั่นกงกงกับจ้าวเย่ว์หวน
ซูเฟยติดนิสัยการใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือยมานาน แต่นางก็รู้ดีว่าสิ่งต่างๆ ที่นางมีอยู่ในตอนนี้ล้วนได้รับมาเพราะวั่นกวงดังนั้นวันนั้นนางจึงไม่อาจปฏิเสธการข่มขู่ของเขาได้
แต่คิดไม่ถึงว่าจากวันนั้นเป็นต้นมา ชีวิตของนางต้องกลับไปสู่สภาพเดิมอีกครั้ง ต้องถูกเขาควบคุมบงการเช่นนี้ทุกวัน
“หวนหวน ผิวพรรณเจ้ายิ่งงดงามขึ้นทุกวัน แตกต่างจากสมัยเป็นนางกำนัลลิบลับ ให้ความรู้สึกดีจริงๆ”
จ้าวเย่ว์หวนได้แต่ฟังเขาพูดโดยไม่กล้าขัดขืน ทั้งไม่มีข้ออ้างให้ปฏิเสธ เพียงแต่ในใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความชิงชังวั่นกวง
“วั่นกงกงชมข้าเกินไปแล้ว บุญคุณในอดีตข้ายังจดจำได้ดี เรื่องของหรูอี้กงกงเมื่อคราวก่อนข้าก็ทำเต็มกำลังแล้วเพียงแต่ตอนนี้อวิ๋นเซียงฉือล่วงรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้เข้า กลายเป็นภัยคุกคามร้ายแรงไปแล้ว”
วั่นกวงฟังนางพูดไปโดยที่มือไม่ยอมหยุดว่าง สูดลมกลิ่นหอมของเส้นผมนางเบาๆ บังเกิดความรู้สึกลุ่มหลงมัวเมา
“ข้าเชื่อว่าซูเฟยมีวิธีที่จะแก้ไขได้ ข้าขลุกอยู่ในฝ่ายในมาชั่วชีวิต บั้นปลายยังต้องอเนจอนาถเช่นนี้ เจ้าปีศาจน้อยหรงจิงนั่น เมื่อก่อนดูไม่ออกจริงๆ เลยว่าเขาจะใจดำทำกับข้าได้ถึงเพียงนี้!”
วั่นกงกงเดือดดาลอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงหรงจิง ช่วงเวลานั้นเขาต้องกระดิกหางเรียกร้องความสงสาร ยามคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าหรงจิง ก็จะอาฆาตแค้นเช่นนี้อยู่ในใจ
ซูเฟยฟังคำพูดวั่นกวงแล้วก็ไม่ได้โต้แย้ง เพียงถอนใจยาวพูดขึ้นว่า
“แล้วข้าจะไปทำอะไรได้ ในเมื่อแม้แต่วั่นกงกงเองก็ยังไร้หนทาง ตอนนี้อวิ๋นเซียงฉือกำลังรุ่งโรจน์ยิ่งนัก ในท้องก็ยังมีเลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาทอีกซึ่งอาจจะเป็นพระโอรสก็เป็นได้ และหากเป็นพระโอรสจริงๆ ละก็ วันเวลาดีๆ ของพวกเราก็คงจบสิ้นแล้ว”
“เย่ว์หวนหวนควรต้องคิดว่าจะหาวิธีผูกสัมพันธ์กับอวิ๋นผินอย่างไรจึงจะถูก”
วั่นกวงยิ้มเยาะ พลันเพิ่มแรงมือที่เคล้นคลึงจ้าวเย่ว์หวนอยู่ ถึงร่างกายเขาจะเ**่ยวเฉาทว่าความช่ำชองยังติดตัวอยู่มิสูญหาย
จู่ๆ เขาหนักหน่วงขึ้นเช่นนี้ ยากที่สตรีบอบบางอย่างจ้าวเย่ว์หวนจะฝืนทนได้ นางร้องครวญเสียงหนึ่ง คิ้วขมวดเข้าหากัน
ถึงวั่นกงกงจะเป็นขันทีแต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างยินยอมพร้อมใจ เขาเป็นคู่รักชาววังกับจ้าวเย่ว์หวนมาตั้งแต่สมัยก่อน แต่หลังจากนั้นเป็นเพราะไทเฮาบอกว่าต้องการหาคนที่มั่นใจได้ไปอยู่ข้างกายฮ่องเต้ จึงได้ส่งจ้าวเย่ว์หวนไป
จ้าวเย่ว์หวนเป็นสตรีนุ่มนวลน่ารักเข้ากระดูกเลยทีเดียวเขาจึงยากจะตัดใจ แต่ไทเฮาเป็นสตรีที่พูดคำไหนคำนั้น ทำให้เขาไม่กล้าโต้แย้งและยอมปล่อยจ้าวเย่ว์หวน
สุขภาพไทเฮาถอยหลังลงทุกวัน ส่วนวันเวลาของจ้าวเย่ว์หวนในวังนั้นต้องรับแรงกดดันจากจินกุ้ยเฟยทุกด้าน ยากจะผ่านไปได้อย่างสุขสงบ
ดังนั้นนางจึงไปขอความช่วยเหลือจากวั่นกงกงถึงที่ ทุกครั้งหลังจากที่เขาเล่นนางเช่นนี้แล้ว ก็จะช่วยทำเรื่องที่นางต้องการให้
จนกลายเป็นดั่งความลับเล็กๆ ระหว่างพวกเขาไปแล้ว
จ้าวเย่ว์หวนรังเกียจวั่นกวงว่าเป็นขันที แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธที่จะอาศัยอำนาจในฝ่ายในของเขา หากมิใช่เช่นนั้น นางคงไม่สามารถมีบุตรกับหรงจิงและรักษาฐานะของตนเองอยู่ได้จนถึงบัดนี้
แต่หรงฟังกำเนิดได้ไม่นาน ไทเฮาก็สวรรคต
สถานะของวั่นกงกงคลอนแคลนลงทุกวันขณะที่ซูเฟยรุ่งโรจน์ขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งเป็นที่รักใคร่โปรดปรานของฮ่องเต้ จึงไม่จำเป็นต้องพึ่งพาวั่นกงกงอีก
แต่วั่นกงกงยังคงมีวิธีที่จะบังคับให้นางต้องเชื่อฟัง ซึ่งเป็นความสามารถของเขา
วั่นกงกงได้ยินเสียงครางของนางก็เกิดอารมณ์ขึ้นมาทันที เขาเคล้นคลึงเนื้อหนังนางอย่างหนักหน่วง
ฟังเสียงขบริมฝีปากครวญครางอย่างเจ็บปวดของจ้าวเย่ว์หวนมาเติมเต็มความปรารถที่วิปริตของตนเอง