บุปผาเคียงบัลลังก์ - ตอนที่ 640 คำโกหกหลอกล่อ / ตอนที่ 641 ไล่ล่าครั้งใหญ่
ตอนที่ 640 คำโกหกหลอกล่อ
เพราะความร้อนใจสีหน้าของเซียงฉือจึงแดงเรื่อขึ้น ผู้ชายคนนั้นถึงจะละโมบแต่ก็พานางเข้าไปถึงเรือนด้านหลัง
เซียงฉือมองดูท่าทางเขาแล้วก็เอ่ยปากขึ้นทันที
“บิดาของข้าไปรับราชการอยู่ที่อื่น แม่เลี้ยงจึงได้กล้าคิดชั่วร้าย ท่านพ่อกลับมาครั้งนี้จะต้องทำให้แม่เลี้ยงรับผิดชอบไม่ไหวเลยทีเดียว ท่านผู้กล้าช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าจะต้องตอบแทนท่านเป็นแน่”
พ่อครัวพอได้ยินคำพูดเซียงฉือก็หันหน้ากลับมา สายตาแฝงความละโมบ
ใบหน้าเซียงฉือซีดโรย ผมเผ้ากระเซิง อีกทั้งยังป้ายหน้าจนเป็นด่างดำ ทำให้มองเห็นโฉมหน้าไม่ถนัด และแต่งกายอย่างหญิงสาวธรรมดาทั่วไป
พ่อครัวชะงักหันหน้ากลับมาถามด้วยความสงสัย
“แม่นางน้อย ไหนลองบอกซิว่าคิดจะตอบแทนข้าอย่างไร”
เซียงฉือถอยหลังเล็กน้อยให้ห่างจากเขา ดวงตาเปี่ยมความชิงชัง พูดอย่างโกรธเคืองว่า
“ข้าเห็นท่านผู้กล้ามีความกล้าไม่เบา หากนำของยืนยันตัวตนของข้านี้ไปทางค่ายใหญ่ของเหลียนชินอ๋องที่นอกกำแพงแล้วมอบให้พระองค์ ทูลว่าแม่เลี้ยงข้าคิดจะทำร้ายข้าและข้าหลบซ่อนอยู่ที่นี่ เมื่อพระองค์เห็นของๆ ข้าแล้วไม่เพียงแต่จะประทานรางวัลแก่ท่านอย่างงดงาม ไม่แน่ว่ายังจะทำให้ท่านร่ำรวยขึ้นมาได้ ไม่ทราบท่านผู้กล้าจะตัดสินเลือกอย่างไร”
เซียงฉือมองเห็นความกระตือรือร้นอย่างรุนแรงในดวงตาเขา ก็รู้ว่าคนๆ นี้จะต้องเชื่อคำพูดนาง ในสถานที่เช่นนี้สำหรับผู้ชายแล้วเงินทองผลประโยชน์ไม่น่าดึงดูดใจเท่ากับอำนาจ
ไม่ว่าใครก็ตามหากสามารถสร้างสายสัมพันธ์ชิดเชื้อกับเหลียนชินอ๋องได้ อนาคตอันรุ่งโรจน์ก็อยู่ไม่ไกลแล้ว คนๆ นั้นคงรู้กิตติศัพท์ของเหลียนชินอ๋องดี ในใจจึงยินดีอย่างบ้าคลั่ง
แต่จู่ๆ ท่าทีที่ตระหนกยินดีของชายคนนั้นกลับสงบลง เขาถามขึ้นอย่างสงสัย
“ถ้าเจ้ามีสายสัมพันธ์กับเหลียนชินอ๋องจริง แม่เลี้ยงของเจ้าจะกล้าบังคับให้เจ้าแต่งงานกับคนอื่นหรือ สาวน้อยเจ้ากำลังหลอกข้าอยู่ใช่ไหม”
เซียงฉือดึงเขาไว้อย่างร้อนรนแล้วโน้มน้าวอธิบายอย่างอดทน
“แม่เลี้ยงข้ามีลูกสาวคนหนึ่ง นางคิดจะให้น้องสาวแต่งเข้าตำหนักอ๋อง ข้าจึงเป็นตัวถ่วง บนตัวข้ามีป้ายแขวนอยู่อันหนึ่งที่เหลียนชินอ๋องประทานให้ หากท่านผู้กล้านำไป เหลียนชินอ๋องจะต้องประทานรางวัลให้อย่างงาม แต่ถ้าไม่เชื่อข้าก็จนปัญญาแล้ว โชคที่รออยู่ท่านเป็นผู้ทำลายไปเสียเอง”
เซียงฉือส่ายหัวราวกับผิดหวังอย่างหนัก ผู้กล้าคนนั้นกัดฟันในที่สุดแล้วรับเครื่องเหล็กดำเมี่ยมชิ้นหนึ่งจากมือของเซียงฉือ ตอบรับแล้วหมุนกายจากไป
เซียงฉือพิจารณาดูโดยรอบ คืนนี้คนกลุ่มนั้นคงจะไม่ยอมให้นางได้อยู่อย่างสงบ แต่พวกเขาตรวจค้นที่นี่ไปรอบหนึ่งแล้วคิดว่าอีกสักครู่คงจะปล่อยไป ถ้าหากฝีเท้าเสียวสี่จื่อเร็วพอ เที่ยงคืนนี้เหลียนชินอ๋องก็จะมาถึง เซียงฉือก็สบายใจได้แล้ว
พ่อครัวคนนั้นมีเจตนาจะปล้นจี้ เมื่อเซียงฉือมองความละโมบของเขาออกจึงได้ใช้ความร่ำรวยที่ใหญ่กว่าลวงล่อให้เขาจากไป
เซียงฉือเงยหน้า ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว ยามกลางวันนางหวั่นเกรงว่าจะมีใครจำนางได้ แต่ตกกลางคืนดูเหมือนทุกคนล้วนน่ากลัวสำหรับนาง
เดิมทีมีความตั้งใจสืบค้นหาข่าวแต่สุดท้ายได้แต่เพียงข่าวลือที่ฟังเล่าขานกันมา เซียงฉือห่วงว่าทางหรงจิงอาจมีอันตรายยิ่งกว่า ทั้งตอนนี้นางยังระเห็จเร่ร่อนอยู่ข้างนอก ไม่รู้ว่าหรงจิงจะกังวลใจหรือไม่
เซียงฉือมองไปรอบทิศโดยไม่มองแสงจันทร์เหงาเย็นนั่น นางหมุนกายคิดจะเดินไปทางห้องเก็บฟืนหรือห้องเล็กๆ ข้างทางเพื่อพักสักครู่ รอจนกว่าคนกลุ่มนั้นไปแล้วจึงค่อยออกมา
ตรงนี้อยู่ใกล้เนินเขาอีกลูกหนึ่งของเขาอวี้หนี่ว์ เซียงฉือรู้สึกขบขัน นางเดินมาทั้งวันแต่ยังคงไม่ได้เดินออกนอกอาณาบริเวณของภูเขาอวี้หนี่ว์
ครู่หนึ่งหลังจากนั้นนางตื่นตัวขึ้นทันที ข้างนอกห้องมีเสียงฝีเท้าดังเข้ามา ใจของนางตื่นเต้นขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม
ตอนที่ 641 ไล่ล่าครั้งใหญ่
เซียงฉือเดินไปถึงหน้าประตูด้วยฝีเท้าเบาหวิว ในห้องเก็บฟืนมีกลิ่นที่บอกไม่ถูกทำให้นางรู้สึกไม่สบาย แต่ในสถานการณ์ขณะนี้ หากนางสามารถรักษาชีวิตไว้ได้ก็นับว่าดีมากแล้ว
เซียงฉืองรู้สึกว่าเงาร่างดุร้ายที่เร่งรีบอยู่ในฝูงชนในวันนี้ดูคุ้นตายิ่งนัก แต่ขณะที่นางกำลังจะนึกออกก็มักตกอยู่ในสภาพต้องหนีเอาชีวิตรอดอยู่ร่ำไป
นางลอบมองดูเหตุการณ์ด้านนอกหน้าต่าง ที่แท้เพราะมีหิมะตกหนักจึงมีเด็กๆ ออกมาเล่นอยู่หลายคน คิดว่าพวกคนด้านนอกคงจะไปกันหมดแล้ว พวกเขาถึงถูกปล่อยตัวออกมากันได้ เซียงฉือค่อยเบาใจ
นางเห็นเด็กๆ ดูหิมะกันอยู่ด้านหนึ่งจึงค่อยๆ ผลักประตูเดินไปยังมุมหนึ่งในลานแล้วนำเสื้อคลุมสีขาวออกมาจากใต้ผ้าหยาบสีเทาผืนใหญ่ นางยื่นมือไปสำรวจเกล็ดหิมะที่ปลิวมา ช่วงเวลานั้นบังเกิดความคิดถึงหรงจิงขึ้นมา
ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นห่วงตนบ้างไหม หรือจะอยู่ท่ามกลางการทุ่มเถียงของเหล่าขุนนางที่รายล้อมตัวเอาไว้
เซียงฉือไม่อาจรู้ได้ คงได้แต่คิดถึงเขาอย่างบอกไม่ถูก
“ฝ่าบาท ตอนนี้เซียงฉือยังสบายดี แล้วฝ่าบาทเล่า ทรงสบายดีหรือไม่เพคะ”
แค่เพียงวันเดียวที่ไม่ได้พบกัน ก็บังเกิดเรื่องขึ้นมากมายอย่างฉับพลันเช่นนี้ แม้นางเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อ เมื่อวานนางยังเป็นพระชายาอวิ๋นผินที่ได้รับความรักล้นเปี่ยมแต่เพียงผู้เดียว วันนี้ต้องมาตกระกำไม่ต่างกับหนูข้างถนนที่ถูกคนไล่ล่าจนต้องหนีพล่านไปทั่ว
“อยู่ที่ไหน ไปจับตัวมา”
ฉับพลันเซียงฉือได้ยินเสียงคนร้องตะโกนอยู่ข้างหน้า นางรีบเก็บความคิด มองเห็นคนกลุ่มหนึ่งมุ่งออกมาจากห้องครัว
นางมองเห็นพ่อครัวที่ถูกคนจับตัวไว้ทันทีจึงลอบด่าเจ้าโง่ในใจ แล้วผละวิ่งหนีไปทางประตูด้านหลัง
คนพวกนั้นเหมือนสัตว์ดุร้าย พอเห็นเซียงฉือก็ยกอาวุธกรูกันเข้าไป เซียงฉือหวาดหวั่นอย่างยิ่ง นางคลุมศีรษะแล้วออกวิ่งไม่เหลียวหลัง
ข้างนอกเป็นถนนที่ผู้คนสัญจรคับคั่ง เซียงฉือรีบแทรกเข้าไปในกลุ่มคน ห่อหุ้มตัวเองอย่างแน่นหนา อาศัยรูปร่างที่เล็กเพรียวของตนแหวกว่ายเหมือนปลาอยู่ท่ามกลางทะเลมนุษย์
นางวิ่งอย่างรีบเร่งอกกระเพื่อมอย่างรุนแรง นางไม่กล้าหันกลับเพราะจะเป็นการเปิดเผยเป้าหมาย เพียงฟังเสียงฝีเท้าไล่ตามที่ยิ่งห่างออกไป สักพักจึงหลบเข้าไปในถนน
เป็นครั้งแรกที่นางมานอกกำแพงเมือง พวกไล่ล่าติดตามข้างหลังนางมาโดยตลอด นางรู้ดีว่าเช่นนี้นางจะไม่มีทางหนีรอดได้
หิมะตกหนักขึ้นทุกที แต่คงเพราะสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดจึงทำให้นางยังคงวิ่งหนีเต็มที่อย่างไม่ลดละ
ทว่านางหายใจลำบากขึ้นเรื่อยๆ ในปากยังมีกลิ่นคาวเลือด
เซียงฉือทะลุไปมาตามถนนหนทาง แต่ถนนย่อมมีซอยตัน
“ไม่มีทางไปแล้ว”
เซียงฉือมองไปข้างหลังแล้วกระทืบเท้าแรงๆ พอคิดจะกลับทางเดิมคนพวกนั้นก็ปรากฏขึ้นตรงเบื้องหน้านางทันที พากันกระหืดกระหอบอยู่เช่นกัน
เพียงแต่ว่าดวงตาของเซียงฉือเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ส่วนของพวกนั้นเปี่ยมไปด้วยความยินดีแห่งชัยชนะ
“วิ่ง เจ้าวิ่งอยู่จริงๆ ไหนบอกว่าท้องสามเดือนมิใช่หรือ ทำไมจึงยังวิ่งหนีได้อีก”
ข้างหลังมีผู้ชายสามคนแต่ไม่เห็นชายหน้าขาวดุร้ายคนนั้น เป็นเพียงชายกำยำสามคน พอเห็นอวิ๋นเซียงฉือหน้าตาก็เจิดจ้าขึ้นมา
ย่างเท้าเข้าใกล้ทีละก้าว หิมะที่พื้นถูกพวกมันย่ำเสียงดังสวบสาบ เบื้องหน้าพวกมันมีไอร้อนจากการหอบหายใจแรง
เซียงฉือเห็นพวกมันเข้าใกล้ นางคิดอ่านเงียบๆ อยู่ในใจ
“อวิ๋นเซียงฉือสงบจิตสงบใจซะแล้วคิดหาวิธี หาวิธีเข้าสิ”
นิ้วของเซียงฉือจิกแน่นลงไปในเนื้อ นางถอยหลังทีละก้าวขณะพวกมันย่างขึ้นหน้ามา พอเห็นสีหน้าที่ยิ่งกระหยิ่มของพวกมัน แววตานางก็ยิ่งมืดมน สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ละหรือ