ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 495 ตัวตลกที่เต้นเร่าๆ ไปมา / ตอนที่ 496 ทนไม่ไหวแล้ว
ตอนที่ 495 ตัวตลกที่เต้นเร่าๆ ไปมา
อวี้อาเหรารู้สึกขันกับปฏิกิริยาของนาง เช่นนั้นจึงเลิกคิ้วขึ้นแล้วถามว่า “ข้ายังไม่โกรธเลย แล้วเจ้าที่เป็นสาวใช้จะโกรธเคืองไปทำไมกัน?”
“บ่าวไม่คู่ควรที่จะโกรธแทนคุณหนูหรอกเจ้าค่ะ” เจาเอ๋อร์บุ้ยปาก
สายตาของอวี้อาเหราหันไปมองเมี่ยวอวี้ที่ยังคงไม่พูดไม่จา “เจ้าเห็นว่าอย่างไร”
“บ่าวคาดว่า ที่คุณหนูตอบรับคำขอของท่านอ๋องให้ปล่อยคุณหนูใหญ่ออกมา คงจะไม่ได้ทำไปโดยไม่ได้ใคร่ครวญอะไรเอาไว้แล้ว ดังนั้นบ่าวจึงเชื่อว่าท่านคงคิดการณ์เอาไว้แล้วเจ้าค่ะ เพียงแต่บ่าวโง่เขลา เหตุใดจะไปรู้ถึงความคิดของคุณหนูได้เล่าเจ้าคะ” เมี่ยวอวี้กล่าวด้วยความประนีประนอม
อวี้อาเหรายกยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนจะหันไปส่งสายตาให้กับเจาเอ๋อร์ “เจ้าต้องเรียนรู้จากเมี่ยวอวี้เสียบ้างนะ”
“คุณหนู…” เจาเอ๋อร์ทำสีหน้าโอดครวญ นางคงไม่อาจเทียบกับเมี่ยวอวี้ได้
นางเดาใจคุณหนูไม่ออกก็ผิดด้วยหรือ?
อวี้อาเหราเห็นท่าทีว้าวุ่นของนาง ก็ยิ้มแล้วเดินเข้าไปในจวนโดยไม่พูดไม่จา
เมี่ยวอวี้มองไปทางเจาเอ๋อร์ “หากเจ้าเดาใจของคุณหนูไม่ออก ก็อย่าได้กล่าววาจา”
“เหอะ” เจาเอ๋อร์แค่นเสียงออกมาอย่างโกรธเคือง ก็ไม่ได้ฉลาดกว่านางสักเท่าไหร่หรอก!
เมื่อเข้าไปในจวนแล้ว อวี้อาเหราก็พบกับอนุรองและอนุสามที่เดินเข้ามา นางรีบหยุดฝีเท้าลงทันที
อีกฝ่ายเองก็หยุดฝีเท้าลงเช่นกัน
อนุสามเดินเข้ามาพร้อมทั้งรอยยิ้มบนใบหน้า เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงโอนอ่อน “อ๊ะ? นั่นคุณหนูรองของจวนเรามิใช่หรือ ได้ยินมาว่ากินปลาร้อนในพระแท่นวายุจันทราไปมิใช่หรือเจ้าคะ ยังถูกจับตัวเข้าวังไปอีก คนเห็นกันทั้งใต้หล้า ทำให้จวนหลิงอ๋องของเราขายหน้าไปทั้งจวน!”
“อนุสาม เจ้าไม่พูดก็ไม่มีใครว่าเจ้าเป็นใบ้หรอกนะ” อวี้อาเหราว่าเสียงเย็น
“หมายความว่าอย่างไร” อนุสามได้ยินนางพูด ก็แสดงสีหน้าไม่เข้าใจ
เจาเอ๋อร์หัวเราะพลางว่า “อนุสาม คุณหนูของพวกเราบอกให้ท่านหุบปากเจ้าค่ะ!”
“เจ้า…พวกเจ้า…” อนุสามโกรธจนกัดฟันกรอด ช่างน่าโมโหยิ่งนัก ที่แท้ก็หลอกด่านางนี่เอง
“พอแล้ว” อนุรองที่อยู่ด้านข้างทนมองต่อไปไม่ได้ นางก็ไม่เคยพบเจอหญิงที่โง่เง่าถึงเพียงนี้มาก่อน แม้โดนด่าก็ยังไม่รู้ตัว กลายเป็นตัวตลกที่เต้นเร่าๆ ในสายตาของผู้คน นางที่ยืนอยู่ด้านข้างก็รู้สึกสมเพชนางยิ่งนัก
แต่หากตบหน้าอนุสาม ก็เท่ากับตบหน้านางเองมิใช่หรือ?
อนุรองแสดงสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนเดิม แล้วก้าวเข้ามาใกล้อย่างสง่างาม ยิ้มให้อวี้อาเหรา “คุณหนูรองคงตกใจแย่ ขนาดพวกเรายังตกใจกันไปหมด หากท่านเป็นอะไรไป จะมีหน้าไปพบกับพระชายาได้อย่างไร พระชายาผู้แสนอ่อนโยนอยู่เสมอ ได้รับความเคารพจากคนทั้งจวน แต่คุณหนูรองนั้นหุนหันพลันแล่นไปหน่อย คาดว่าต่อไปก็คงจะ…”
“คาดว่าต่อไปก็คงจะแต่งไม่ออก?” อวี้อาเหรากล่าวต่อขึ้นมาอย่างไม่สนใจ แล้วจ้องมองอนุรองขณะที่พูดขึ้นว่า “เจ้าต้องการพูดว่าข้าจะแต่งไม่ออกใช่หรือไม่ อนุรอง เจ้าคงคาดเดาผิดไปเสียแล้ว วันนี้หากไม่ใช่ไทเฮาและรัชทายาทเข้ามาช่วยเหลือข้าเอาไว้ เช่นนั้นก็คงจะโดนลงทัณฑ์ไปแล้ว แต่โชคดีที่ได้ไทเฮาและรัชทายาท…”
วาจานี้ของอนุรองดูราวกับว่าจะคิดแทนนาง แม้ว่าจะด่าคนอย่างไม่เผ็ดร้อน ใช้นิสัยอ่อนโยนของพระชายามาเปรียบเทียบกับนิสัยกระโดกกระเดกของนาง ทำให้นางถูกเหยียดหยาม นี่เป็นหนึ่งในวิธีการด่าคนที่แสนแยบยล!
แต่อวี้อาเหราก็ไม่ใช่คนอ่อนแอที่ยอมให้ใครมารังแก นางตั้งใจที่จะเอ่ยถึงไทเฮาและรัชทายาท เพื่อบอกเล่าให้อนุรองฟังว่า ถึงนางอารมณ์ร้อนเพียงใด นิสัยแย่แค่ไหน ชื่อเสียงตกต่ำเท่าไหร่ แต่อย่างไรนางก็เป็นธิดาเอกแห่งจวนหลิงอ๋อง
ตอนที่ 496 ทนไม่ไหวแล้ว
สถานะสูงส่ง นี่เป็นเรื่องที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แม้แต่ไทเฮาและรัชทายาทยังต้องปกป้องนาง ตำแหน่งพระชายารัชทายาทก็จะต้องเป็นของนางแน่
คำพูดเช่นนี้ ทำให้อนุรองโกรธเสียจนแทบกระอัก!
รอยยิ้มของอวี้อาเหราดูสว่างไสว ทำราวกับไม่เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปเป็นเคร่งขรึมของอนุรอง
อนุรองพยายามที่จะยิ้มออกมา “คุณหนูรองกล่าวได้ถูกต้อง ท่านเป็นธิดาเอก แน่นอนว่าต้องมีสถานะสูงส่ง แต่คุณหนูรอง ท่านกล่าวออกมาเช่นนี้ ก็ไม่รู้หรือว่าต่อไปรัชทายาทอาจจะไม่พอใจได้”
ไม่พอใจหรือ? อวี้อาเหรายิ้มเย็น “อนุรองวางใจเถิด ท่านไม่จำเป็นต้องใส่ใจ เมื่อถึงตอนนั้นแล้วก็คงจะรู้เอง”
อีกอย่าง อย่างไรนางก็ไม่มีทางแต่งกับจวินฉางอวิ๋น แล้วเขาไม่พอใจได้อย่างไรกัน
เมื่ออนุรองเห็นว่าวาจาเสียดสีของตัวเองไม่เป็นผล เช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะโกรธขึ้นมา แต่ก็ต้องหมุนตัวกลับ
“เราไปกันเถิด!”
“จะไปแล้วหรือ” เมื่ออนุสามเห็นอนุรองเถียงสู้อวี้อาเหราไม่ได้ ก็ไม่ยอมที่จะจากไปด้วยท่าทีของผู้พ่ายแพ้ แต่เมื่อเห็นท่าทีไม่พอใจของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน เช่นนั้นนางก็ไม่กล้าที่จะกล่าววาจาอะไรออกไปตามใจ เช่นนี้จึงพูดขึ้นอย่างประนีประนอม “พี่สาวอย่าได้โกรธเลย ในท้องของท่านยังมีทายาทของจวนหลิงอ๋องอยู่ หากจะโกรธใครบางคนแล้วส่งผลต่อเด็กในท้อง เช่นนั้นก็ไม่คู่ควร”
“อืม อนุสามกล่าวได้ถูกต้อง” อนุรองว่าอย่างสาสม จากนั้นก็มองอวี้อาเหราด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม สุดท้ายก็เดินจากไปอย่างอารมณ์ดี
อวี้อาเหราอดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะออกมา อนุรองผู้นี้ยังคิดว่าตัวเองจะได้เปรียบอยู่อีกหรือ? คิดว่าตัวเองตั้งครรภ์แล้วจะทำอะไรก็ได้หรืออย่างไร ยังไม่รู้เลยว่าลูกที่อยู่ในท้องจะเกิดมาได้อย่างราบรื่นหรือไม่ หากแท้งขึ้นมา ก็คงจะน่าหัวร่อน่าดู
เมื่อเห็นนางเดินจากไปอย่างลำพองใจ มุมปากก็ฝืนยิ้มออกมา
เจาเอ๋อร์เห็นอนุรองและอนุสามได้ใจเช่นนั้น ในใจก็รู้สึกโกรธเคือง จึงเข้ามากระซิบที่ข้างหูของอวี้อาเหรา “คุณหนู พวกอนุรองช่างร้ายกาจยิ่งนัก คิดว่าคุณหนูจะยอมให้นางรังแกง่ายหรืออย่างไร เพียงแค่ในท้องมีเด็กอยู่ แต่ทำท่าราวกับกำลังอุ้มท้องลูกของเทพเซียนอยู่อย่างไรอย่างนั้น น่าโมโหเสียจริงเจ้าค่ะ!”
“เจาเอ๋อร์” อวี้อาเหรามองนางนิ่งๆ “เจ้าจะไปโกรธพวกนางสองคนทำไมกัน?”
“คุณหนูทนได้ แต่บ่าวทนไม่ได้นี่เจ้าคะ” เจาเอ๋อร์ยังคงไม่พอใจ
“ช่างเถิด พวกนางสองคนเหมือนคนบ้า หรือพวกเราจะกลายเป็นคนบ้าเหมือนพวกนางกัน?” อวี้อาเหราพูดเสียงเย็น
เจาเอ๋อร์ถึงได้เข้าใจความหมายในความพูดของอวี้อาเหราขึ้นมา ที่แท้อนุรองและอนุสามก็เหมือนกับตัวตลกที่เต้นไปเต้นมาต่อหน้าทุกคน จนรู้สึกรำคาญที่จะเอามาใส่ใจ ไม่ต้องพูดถึงว่าจะโกรธเคืองพวกนางเลย จากนั้นเจาเอ๋อร์จึงค่อยรู้ตัวว่าความโกรธเคืองนี้ทำให้นางดูจิตใจคับแคบเสียเหลือเกิน
เมื่อคิดถึงเช่นนี้ นางก็เงยหน้าขึ้นมามองอวี้อาเหรา “เมื่อครู่นี้บ่าวหุนหันไปหน่อย คุณหนูอย่าได้โกรธเลยนะเจ้าคะ”
“ไม่เป็นไร พวกเรากลับไปพักผ่อนเถิด พรุ่งนี้ไทเฮายังจะให้ข้าเข้าไปฝึกหัดศิลปะของสตรี ต้องตื่นเช้าขึ้น เช่นนั้นจึงต้องรีบพักผ่อน” อวี้อาเหราขมวดคิ้วอย่างคำราญใจ เมื่อคิดว่าตัวเองจะต้องร่ำเรียนในเรื่องเหล่านั้น นางก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา นางไม่อาจทำเรื่องเช่นนั้นได้เลย นางไม่มีใจที่จะร่ำเรียนในสิ่งเหล่านั้นเลย
เมื่อนางพูดจบแล้ว เจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้ก็ประคองนางเดินเข้าไปที่เรือนพักของตัวเอง
ชิงอวิ๋นคุกเข่ารออยู่หน้าประตู เมื่อเห็นอวี้อาเหราเดินมาแล้ว ก็รีบลุกขึ้นยืนในทันที
นางชะงัก “เจ้ามาคุกเข่าตรงนี้ทำไมกัน”
“คุณหนู หลังจากที่ท่านไปยังจวนเซิ่นอ๋อง ข้าน้อยก็ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นที่พระแท่นวายุจันทรา ดังนั้นจึงเป็นกังวลยิ่งนัก จึงรออยู่ที่นี่ด้วยความกังวลใจขอรับ” เมื่อชิงอวิ๋นเห็นนางเดินมา ก็รีบยิ้มอย่างยินดี