ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 503 ยอมถอยให้ / ตอนที่ 504 อาหารเช้า
ตอนที่ 503 ยอมถอยให้
นางกำนัลอาวุโสด้านล่างได้ยินเสียงสนทนาของพวกนาง ก็รีบให้คนไปเรียกเจาเอ๋อร์มาในทันที ช่างรู้ใจไทเฮายิ่งนัก
ในใจของอวี้อาเหรารู้สึกยินดีขึ้นมา ให้เจาเอ๋อร์กลับมาก็ไม่เลวเหมือนกัน มีคนที่คุ้นเคยกันอยู่ใกล้ๆ เช่นนี้ถือว่าดีกว่าเดิมมาก
จวินไหวโหรวที่อยู่ข้างๆ นั้นดื่มชาไปเงียบๆ ไม่มีผลอะไรมากมายนัก
ผ่านไปไม่นาน เจาเอ๋อร์ก็ถูกเรียกให้กลับมาอีกครั้ง แล้วคารวะไทเฮาด้วยความแปลกใจ “หม่อมฉันถวายพระพรไทเฮา ไม่ทราบว่าไทเฮาทรงมีรับสั่งอะไรถึงหม่อมฉันหรือเพคะ”
“คุณหนูของเจ้าบอกว่าฝีมือการเกล้าผมของเจ้าดีมาก ดังนั้นจึงอยากให้เจ้ามาเกล้าผมให้เราเสียหน่อย” ไทเฮาเอ่ยปากสั่ง
“เพคะ หม่อมฉันรับบัญชาเพคะ” เจาเอ๋อร์เองก็ไม่กล้าพูดเป็นอื่น รีบเดินเข้าไปหา หยิบหวีที่อวี้อาเหราส่งมาให้ หวีเพียงสองสามครั้งก็เกล้าผมเสร็จเรียบร้อย
ไทเฮามองมวยผมที่เกล้าเรียบร้อยแล้ว ก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ “เจ้าเกล้าผมได้ไม่เลว ต่อไปมาเกล้าผมให้เราทุกวันเถิด ทำจนกว่าคุณหนูของเจ้าจะเรียนศิลปะของสตรีเรียบร้อยทุกอย่าง”
“เพคะ หม่อมฉันน้อมรับพระเสาวนีย์องค์ไทเฮา”
เมื่อเจาเอ๋อร์พูดจบ อวี้อาเหราก็มองไปทางไทเฮา แล้วเอ่ยชื่นชมขึ้นว่า “ไทเฮาเกล้าผมทรงนี้ ดูอ่อนเยาว์ขึ้นหลายสิบปี หากประทับยืนข้างองค์หญิงโหรว คนอื่นมองมาอาจไม่คิดว่าเป็นย่าหลาน อย่างมากก็คิดว่าพระชนมายุมากกว่าเพียงรุ่นเดียวเท่านั้น ไม่แน่ว่าต่อไปหากอาเหราอยู่ในช่วงวัยเดียวกับพระองค์แล้ว ก็คงไม่อาจดูเยาว์วัยได้ถึงเพียงนี้เพคะ ช่างน่าโมโหนัก อ๊ะ อาเหราเสียมายาทแล้ว ขอให้ไทเฮาทรงอภัยด้วยเพคะ”
“เจ้าปากหวานถึงเพียงนี้ เราจะลงโทษเจ้าได้อย่างไรกัน” ไทเฮาได้ยินนางพูดแล้วก็ยินดียิ่ง มุมปากยกโค้งขึ้นอย่างยินดี ไม่ง่ายเลยที่จะเห็นไทเฮายิ้มแย้มอย่างยินดีถึงเพียงนี้ อวี้อาเหราก็ยิ้มแย้มไปด้วย
หลังจากจวินไหวโหรวมอง ก็เดินเข้ามาหา “คุณหนูรองกล่าวได้ไม่ผิดแม้แต่น้อย เสด็จย่าทรงงดงามอยู่แล้ว ไหนเลยจะดูอ่อนเยาว์ได้เท่าพระองค์ในตอนนี้ได้เล่า โหรวเอ๋อร์มองแล้วยังนึกชอบ”
“ปกติเจ้าเป็นคนเงียบขรึม เหตุใดถึงเลียนแบบการพูดจาหวานหูมาจากอาเหราเสียได้” แม้ว่าไทเฮาจะถามเช่นนี้ แต่กลับไม่พบความโกรธเคืองอยู่บนใบหน้าเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าจะเป็นการกล่าวชมจนเกินไปบ้าง แต่ใครเล่าจะไม่ชอบคำเสนาะหวานหู แน่นอนว่าเมื่อได้ยินแล้วก็ย่อมดีอกดีใจเป็นธรรมดา ไทเฮาที่ผ่านเรื่องต่างๆ มากมายในชีวิตก็ยังไม่ถือว่าเป็นข้อยกเว้น
จวินไหวโหรวรีบพูดขึ้นมาในทันที “ไหนเลยหลานจะเลียนแบบการพูดจาหวานหูมาจากคุณหนูรองได้ แต่เป็นเพราะเสด็จย่าทรงพระสิริโฉมงดงามจริงๆ จนทำให้โหรวเอ๋อร์ต้องกล่าวคำชมเชยเช่นนั้น หรือเสด็จย่าจะไม่โปรดที่องค์เองงดงามถึงเพียงนี้เล่าเพคะ?”
“วันนี้ที่ตำหนักของเสด็จย่าช่างคึกคักนัก เพียงเข้ามาก็ได้ยินเสียงหัวเราะ ไม่รู้ว่าผู้ใดอยู่ที่นี่บ้าง” ยามที่ไทเฮากำลังจะเอ่ยปากตอบนั้น ด้านนอกก็บังเกิดเสียงที่พูดขึ้นอย่างร่าเริง ผ่านไปสักครู่ จวินเสวียนจีก็เดินเข้ามา ยากเหลือนเกินที่จะได้ยินเสียงหัวเราะของนางได้ วันนี้นางกลับไม่ทำตัวงามสง่าเหมือนเดิม แต่เดิมน้ำเสียงของนางก็ไพเราะอยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้ก็ยิ่งเสนาะหูมากยิ่งขึ้น
“เหตุใดเสวียนจีถึงมาเร็วเพียงนี้? ตำหนักของเราในวันนี้ช่างรื่นรมย์นักเชียว” ไทเฮามองออกไปด้านนอก รอยยิ้มบนริมฝีปากยังไม่คลาย
“เสวียนจีถวายพระพรเสด็จย่าเพคะ” จวินเสวียนจีจึงค่อยสำรวมเก็บเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม แล้วทำความเคารพไทเฮาอย่างสำรวม
จวินไหวโหรวค้อมกายลงเล็กน้อย “คารวะพี่หญิง”
“น้องหญิงไม่ต้องมากพิธี เจ้าร่างกายอ่อนแอเช่นนี้ จะฝืนไปทำไมกัน?” จวินเสวียนจีโบกมือ จากนั้นจึงค่อยหันมาให้ความสนใจที่อวี้อาเหรา “เมื่อวานนี้ก็ได้ยินว่าคุณหนูรองจะมาแต่เช้า แต่กลับไม่คิดว่าจะมาเช้าเช่นนี้ เมื่อครู่ได้ยินเสียงหัวเราะออกไปถึงข้างนอก ก็ยังคิดว่าเป็นเสียงใครกัน เหตุใดถึงรู้สึกคุ้นเคยยิ่งนัก ที่แท้ก็เป็นเจ้านี่เอง มิน่าเล่าเหล่าข้ารับใช้ของเสด็จย่าจึงยอมถอยให้”
ตอนที่ 504 อาหารเช้า
“เจ้าปากไวเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน” ไทเฮาหัวเราะแล้วร้องดุขึ้นเบาๆ
จวินเสวียนจีหันไปทางไทเฮา แล้วแย้มยิ้มบางๆ “ก็เรียนมาจากองค์ไทเฮามิใช่หรือเพคะ”
ไทเฮาเหยียดมุมปาก
อวี้อาเหรามองจวินเสวียนจี จากนั้นก็ชะงักไป “องค์หญิงเสวียนจีเสด็จมาด้วยเหตุใดหรือเพคะ”
จวินเสวียนจีเลิกคิ้วขึ้น เป็นไทเฮาที่พูดขึ้นมาว่า “เราให้นางมาเอง นางเป็นผู้ที่มีฝีมือเก่งที่สุดในวังหลวง มีชื่อเสียงที่สุดในต้าเยี่ยนแล้ว เราเห็นนางอยู่ในวังเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไร เพราะอย่างนั้นจึงให้นางมาสอนเจ้าในเรื่องต่างๆ หากฟังที่นางสอน เจ้าจะต้องเรียนได้อย่างดีแน่”
อวี้อาเหรากลับไม่รู้สึกดีใจแม้แต่น้อย ให้จวินเสวียนจีสอนนางในเรื่องเหล่านี้ ดูอย่างไรก็ช่างเป็นเรื่องที่แปลกเหลือเกิน และยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่านางเป็นหญิงในหน้ากากคนนั้นหรือไม่ แล้วนางจะวางใจเรียนได้อย่างไร?
“อะไรกัน หรือคุณหนูรองไม่อยากให้เราสอน?” จวินเสวียนจีมองสำรวจท่าทีที่ชะงักงันของอวี้อาเหรา ก่อนจะชายตาขึ้นมอง น้ำเสียงยังแฝงให้ได้ยินเสียงหัวเราะ และฟังดูหลากหลายอารมณ์นัก
ฮองเฮาและจวินไหวโหรวที่ได้ยินเช่นนั้นก็มองหน้าสบตากัน หลังจากนั้นสายตาก็ตกลงบนร่างของอวี้อาเหรา
อวี้อาเหรายิ้มออกมาเล็กน้อย “มิได้ องค์หญิงเสวียนจียอมสอนหม่อมฉันในเรื่องศิลปะสตรี แน่นอนว่าเป็นเกียรติเกินกว่าสิ่งใด เพียงแต่หม่อมฉันโง่เขลา อาจจะทำให้องค์หญิงไม่พอพระทัยได้ อีกทั้งองค์หญิงยังมีสถานะสูงส่ง ไหนเลยจะต้องลดตัวมาสอนคุณหนูเช่นหม่อมฉัน หากเรื่องแพร่ออกไป หม่อมฉันคงจะต้องลำบากใจ”
“คุณหนูรองกล่าวเกินไปแล้ว หากข้าสอนเจ้าไม่ได้ แล้วใครจะมีสิทธิ์พอให้ข้าสอนได้เล่า?” จวินเสวียนจีถามกลับด้วยรอยยิ้ม
เมื่ออวี้อาเหรากำลังจะเอ่ยตอบคำถาม ก็มีนางกำนัลอาวุโสผู้หนึ่งเดินเข้ามา แล้วเอ่ยกับไทเฮาที่ประทับอยู่บนที่สูงสุด “ไทเฮา อาหารเช้าพร้อมแล้วเพคะ”
“อืม” ไทเฮาพยักหน้ารับ แล้วออกคำสั่งต่อนางกำนัลอาวุโส “วันนี้เสวียนจี พร้อมทั้งไหวโหรวและคุณหนูรองแห่งจวนหลิงอ๋องจะกินข้าวกับเราที่นี่ เจ้าไปเตรียมเครื่องชามอีกสามชุดเถิดไป”
“เพคะ” นางกำนัลอาวุโสก้มหน้าลง “ไม่ทราบว่าไทเฮาทรงมีเรื่องใดรับสั่งอีกหรือไม่เพคะ”
ดังนั้นไทเฮาจึงมองไปทางพวกนางทั้งสาม “พวกเจ้าอยากกินอะไร จะได้ให้คนไปเตรียมให้”
“หลานล้วนฟังคำของเสด็จย่า ขอเพียงเสด็จย่าทรงโปรด เสวียนจีก็ชอบทั้งนั้นเพคะ” คำพูดของจวินเสวียนจีจำต้องชมเชย ล้วนแล้วแต่เป็นคำพูดที่อีกฝ่ายต้องการจะฟัง ไทเฮาพยักหน้าอย่างพอใจ แล้วจึงหันไปมองจวินไหวโหรว
จวินไหวโหรวรีบตอบรับในทันที “แล้วแต่เสด็จย่าจะทรงโปรดเพคะ”
อวี้อาเหราเองก็กล่าวว่า “หม่อมฉันแล้วแต่องค์ไทเฮาเพคะ”
ไทเฮาจังหันไปทางนางกำนัลอาวุโสอย่างยินดี “ถ้าเช่นนั้นก็ไปเตรียมแบบที่เราชอบเหมือนทุกๆ วันมาเถิด”
“เพคะ” นางกำนังอาวุโสได้ยินแล้วก็ถอยออกไป
พวกนางช่วยไทเฮาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วชำระล้างร่างกาย เมื่อสวมใส่เสื้อผ้าจนเรียบร้อยแล้วจึงเดินไปที่ห้องอาหาร
พวกนางเพิ่งจะนั่งลงที่โต๊ะอาหาร จากนั้นบรรดานางกำนัลก็รีบนำอาหารขึ้นตั้งโต๊ะในทันที ทุกอย่างถูกวางอยู่บนโต๊ะ มีโจ๊กหลากหลายชนิด แล้วยังมีกับข้าวต่างๆ มากมายและขนมรองท้อง แม้แต่น้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ก็ยังมี
เมื่อรู้ถึงสายตาของอวี้อาเหราที่มองไปทางน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ ไทเฮาก็เอ่ยขึ้นว่า “เกรงว่าคุณหนูรองจะไม่คุ้นเคยกับน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ที่คนธรรมดาๆ กินกันกระมัง แต่เราชอบของพวกนี้ยิ่งนัก หากอาเหราไม่ชอบ ก็ดื่มโจ๊กและทานขนมก็ได้ นี่เป็นของที่ห้องเครื่องในวังหลวงเตรียมเอาไว้ ไม่ด้อยไปกว่าจวนหลิงอ๋องแน่ ลองชิมดูเสียสิ จะนั่งดูอยู่ทำไมกัน”