ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 517 หม้อยวนยาง / ตอนที่ 518 พิสูจน์พิษ
ตอนที่ 517 หม้อยวนยาง
ตัวเขาที่บ่นพึมพำออกมาสองสามคำ จากนั้นก็ลองเนื้อแพะจุ่ม สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะกินอีกคำ เป็นอย่างที่ไทเฮาว่าจริงๆ อร่อยมาก
ช่างเป็นอาหารเลิศรสในโลกนี้จริงๆ
จวินเสวียนจีและจวินไหวโหรวมองคนทั้งสองที่คีบอาหารกินไม่หยุดปาก หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จวินเสวียนจีจึงลองชิมดู
จวินไหวโหรวมองเห็นพริกแล้วก็ขมวดคิ้ว “คุณหนูรอง ข้าร่างกายอ่อนแอ คงจะกินไม่ได้”
“ไม่เป็นอันใดเพคะ องค์หญิงสาม” อวี้อาเหราอธิบายขึ้นมาทันที “หม่อมฉันทราบดีว่าองค์หญิงไม่เสวยของเผ็ด ดังนั้นจึงมีส่วนที่ไม่เผ็ดเอาไว้ให้ พระองค์ลองทอดพระเนตร มีทั้งน้ำแกงที่เผ็ดและไม่เผ็ด หากชอบเผ็ด ก็เสวยด้านนั้นได้เพคะ”
“จริงด้วย” ไทเฮาได้ยินนางพูดก็เงยหน้ามามอง “ประหลาดยิ่งนัก เมื่อครู่นี้เราไม่เห็น ที่แท้ก็มีส่วนที่ไม่เผ็ดอยู่ด้วย อาเหราช่างรอบคอบนัก เรารู้สึกเผ็ดอยู่บ้าง ถ้าเช่นนั้นจะลองด้านที่ไม่เผ็ดดู”
เมื่อไทเฮากล่าวเช่นนี้ จวินไหวโหรวก็ไม่อาจปฏิเสธได้อีก ดังนั้นจึงบอกให้สาวใช้ยกอาหารที่ตัวเองชอบออกมา จุ่มเอาไว้ในหม้อด้านที่ไม่เผ็ด กินไปหนึ่งคำก็รู้สึกว่าอร่อยนัก มิน่าเล่า ไทเฮาและองค์รัชทายาทที่ปกติเคยได้กินแต่ของดีๆ ถึงได้พึงพอใจเพียงนี้ นี่ไม่เพียงแต่อร่อย อีกทั้งยังสดใหม่ ไม่เคยได้กินของที่ต้มไปด้วยกินไปด้วยเช่นนี้ ช่างเป็นประสบการณ์ที่น่าสนุกสนานนัก
เมื่อเห็นทุกคนกินอย่างมีความสุขเช่นนี้ อวี้อาเหราก็มองไปทางจวินฉางอวิ๋น ยิ้มเล็กน้อย ในแววตาฉายแววเยาะเย้ยอยู่บ้าง “หม่อมฉันทำอาหารได้ภายในระยะเวลาสองถ้วยชา ดูแล้วองค์รัชทายาทก็ดูจะพึงพอใจ ไม่ทราบว่าโปรดหรือไม่เพคะ”
“เรา…เรา…” จวินฉางอวิ๋นพูดติดอ่างขึ้นมา แม้ว่าอวี้อาเหราจะพูดจาดูดี แต่ก็สามารถได้ยินแววเยาะเย้ยจากคำพูดของนางได้ ช่างไร้น้ำใจนัก แต่ก็เป็นอย่างที่นางว่าจริงๆ เขาจะบอกว่าของอร่อยไม่อร่อยได้อย่างไร
หากไทเฮาทรงได้ยินเช่นนั้นคงต้องไม่พอพระทัยแน่
นางช่างใจคอคับแคบนัก ไม่เหมือนกับเด็กผู้หญิงเลยแม้แต่น้อย
ดังนั้นเขาจึงพยายามทำให้สถานการณ์ทุกอย่างดีขึ้น “คุณหนูรองทำหม้อไฟออกมาได้ไม่เลว เราพอใจเป็นอย่างมาก”
“ขอบพระทัยองค์รัชทายาทที่กล่าวชม” อวี้อาเหราคล้อยตามคำพูดของเขา “แต่ว่าองค์รัชทายาท หมาล่านี่ไม่ธรรมดาเลยเพคะ หากพระองค์เสวยของเผ็ดมากไม่ได้ก็ขออย่าได้เสวยมาก ระวังจะรับไม่ไหวนะเพคะ”
“เจ้าวางใจ เราต้องกินได้อยู่แล้ว” จวินฉางอวิ๋นว่าเสียงเยาะ หญิงผู้นี้ช่างอาจหาญ กล้าที่จะเยาะเย้ยว่าเขากินเผ็ดไม่ได้ เขาจะกินให้นางดู ให้รู้ไปเลยว่าเขาจะรับได้หรือไม่ได้
เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็ยิ่งพยายามกินเข้าไปอีก เผ็ดเสียจนเหงื่อแตก
นางกำนัลและขันทีที่มองดูอยู่พากันลอบกลืนน้ำลาย อาหารที่เหล่าไทเฮากินนั้นกินหอมชวนกินเสียขนาดนี้ ก็รู้แล้วว่าหม้อไฟนี้ต้องอร่อยมากเป็นแน่ คงจะไม่ด้อยไปกว่าอาหารที่เตรียมโดยพ่อครัวหลวง หรือไม่ก็อาจจะเลิศรสกว่าถึงสามเท่า
แต่พวกเขากินไม่ได้ ไม่อาจลิ้มรสว่ามันมีรสชาติอย่างไร
อวี้อาเหรายกชามของตัวเองขึ้นมาแล้วเริ่มต้นกิน เมื่อเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นเมี่ยวอวี้และเจาเอ๋อร์มองไปที่หม้อไฟแล้วกลืนน้ำลาย เช่นนั้นจึงใช้โอกาสในขณะที่ทุกคนกำลังกินอยู่และไม่ได้สนใจอะไร คีบเนื้อหมูหนึ่งชิ้นจ่อที่ปากของเจาเอ๋อร์ “เจ้าลองกินดูสิ”
“บ่าว…บ่าวมิกล้าเจ้าค่ะ” เจาเอ๋อร์ย่นคอ ไหนเลยจะกล้ากินของที่คุณหนูของตัวเองป้อนให้ในเมื่ออยู่ตรงหน้าเจ้านายมากถึงเพียงนี้ หากไทเฮาเห็นเข้า หัวคงจะหยุดออกจากบ่าเป็นแน่
ตอนที่ 518 พิสูจน์พิษ
อวี้อาเหราว่าเสียงเยาะ “ข้าไม่ได้ให้เจ้ากิน แต่ข้าให้เจ้าช่วยพิสูจน์พิษ ข้าถึงจะกล้ากินอย่างไรเล่า”
เจาเอ๋อร์แทบจะหัวเราะทั้งน้ำตา กินกันมาตั้งนานแล้วยังไม่เห็นมีพิษอะไรตรงไหน ยังต้องพิสูจน์พิษอีกหรือ? แต่นางก็เข้าใจดีว่าคุณหนูของนางนั้นเพียงแต่ยกขึ้นมาเป็นข้ออ้าง อีกอย่าง นับตั้งแต่นางออกมาจากจวนหลิงอ๋อง นางก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยแม้แต่น้อย หิวเสียจนท้องกิ่วแล้ว
เมื่อเห็นอวี้อาเหรายังคงยื่นมาให้ตรงหน้าไม่ยอมลดละ นางก็ทำหน้าราวกับกำลังทำผิดบาป กลืนเนื้อเข้าไปในปาก
เมื่อป้อนเจาเอ๋อร์แล้ว นางก็หันไปป้อนเมี่ยวอวี้บ้าง
เมี่ยวอวี้ไหนเลยจะกล้ากินเช่นกัน แต่ในเมื่อเจาเอ๋อร์กินได้ อีกทั้งยังกินอย่างเอร็ดอร่อย เช่นนั้นนางจึงก้มหน้าลงแล้วกลืนลงไปโดยไม่ลังเล
เลิศรสยิ่งนัก! ทั้งเผ็ดทั้งชา ทุกรสชาติล้วนแสดงออกมาอย่างชัดเจน
อวี้อาเหราคีบเพื่อกินเองบ้าง บางครั้งก็หันมาป้อนเจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้ นางป้อนเสียเมื่อย จึงยัดถ้วยและตะเกียบที่อยู่ข้างๆ ใส่มือของพวกนาง ยามที่คนทั้งสองกำลังอยู่ในสถานะพะว้าพะวัง นางก็เอ่ยขึ้นมาว่า “พวกเจ้าไปตักอาหารให้ข้าที”
“เจ้าค่ะ” เจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้ลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็เข้าใจขึ้นมา
แน่นอนว่าต่อหน้าไทเฮาคงไม่อาจกินได้อย่างเปิดเผย แต่เมื่อยามตักอาหารให้อวี้อาเหรา พวกนางก็สามารถถือโอกาสนั้นกินได้ อีกอย่างตอนนี้ในห้องก็ไม่มีใครสนใจที่จะมอง เพียงแต่กินไปเท่านั้น ก็ไม่มีใครสังเกตเห็น เพียงแต่เห็นว่านางกำลังตักอาหารให้อวี้อาเหราอย่างกระตือรือร้นเท่านั้น ตัวเองก็ยังได้กินจนอิ่ม
นางกำนัลและเหล่าขันทีต่างก็ได้แต่จ้องมองเจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้ด้วยความอิจฉา
แล้วก็คิดได้ว่าคุณหนูรองแห่งจวนหลิงอ๋องนั้นช่างดีนัก เมื่อตัวเองได้กิน ก็ยังไม่ลืมที่จะแบ่งให้สาวใช้ของตนได้กิน เจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้ช่างโชคดียิ่งนัก ที่ได้อยู่กับเจ้านายดีๆ เช่นนี้
หลังจากกินหม้อไฟแล้ว ไทเฮาก็หยิบผ้าเช็ดปากมาจากนางกำนัล แล้วให้คนนำหม้อไฟไปเก็บ จากนั้นก็สอบถามอวี้อาเหราอย่างกระตือรือร้นว่า “หม้อไฟนี่ทำอย่างไรหรือ ต่อไปเราจะได้สั่งให้คนทำให้ จะได้เชิญฝ่าบาทมาเสวยด้วย”
“หากไทเฮาทรงโปรด อาเหราก็จะจดวิธีการทำให้เพคะ เมื่อไทเฮาทรงต้องการที่จะเสวยจะได้สั่งคนทำให้ เช่นนี้เป็นอย่างไรเพคะ” อวี้อาเหราเอาอกเอาใจอีกฝ่ายเต็มที่
เมื่อได้ยินดังนั้น ไทเฮาก็ยิ้มกว้างไม่หยุด “ดีๆๆ”
อวี้อาเหราหัวเราะแล้วกล่าวต่อว่า “ไทเฮาเพคะ พระองค์ว่าเมื่อครู่นี้หม่อมฉันทำหม้อไฟถวายจนพระองค์พึงพอพระทัยแล้ว ตอนนี้หม่อมฉันก็รู้สึกเหนื่อยอยู่บ้าง เช่นนั้นจะขอพักก่อนที่จะไปร่ำเรียนศิลปะการเดินหมากสักหน่อยได้หรือไม่เพคะ? ไทเฮาเองก็ทรงอาวุโสแล้ว ยังจะต้องมาสอนเด็กโง่เช่นหม่อมฉันอีก นี่ก็คงจะทนไม่ไหวอยู่บ้าง เช่นนั้นไทเฮาก็ทรงพักผ่อนเสียหน่อยดีหรือไม่เพคะ”
“เจ้าเด็กดื้อ ช่างรู้นักว่าจะต้องเอาใจคนอื่นอย่างไร” ไทเฮาฉลาดเฉลียวถึงเพียงนี้ แม้ว่าอวี้อาเหราจะระมัดระวังเพียงใดนางก็ดูออก เมื่อครู่นี้กินไปมาก จากนั้นนางก็พยักหน้าเบิกบาน “ตกลง ถือเสียว่าเป็นรางวัลให้แก่เจ้าแล้วกัน”
“อาเหราขอบพระทัยไทเฮาเพคะ” อวี้อาเหรารีบของคุณทันที
ไทเฮายืนขึ้นจากเก้าอี้ แล้วจึงโบกมืออย่างเกียจคร้าน “เราเหนื่อยแล้ว จะไปพักก่อน เมื่อตื่นแล้วจะสอนศิลปะสตรีให้เจ้า พวกเจ้าถอยไปก่อนเถิด แม่นม พาคุณหนูรองหลิงไปพักที่ตำหนักรองเถิดไป”
“เพคะ” ทุกคนพลันถอยออกไป
อวี้อาเหราถูกนางกำนัลอาวุโสนำไปยังพระตำหนักรอง จวินฉางอวิ๋นเดินตามมาติดๆ
นางหันกลับไปมอง “องค์รัชทายาทตามหม่อมฉันมาทำไมกัน”
“เราก็จะไปพักที่ตำหนักรองเช่นเดียวกัน” จวินฉางอวิ๋นมองไปทางอื่น พูดขึ้นราวกับเป็นเรื่องธรรมดา
อวี้อาเหราสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มองเขาด้วยสายตาโกรธเคือง “พวกองค์หญิงเสวียนจีล้วนกลับไปพักผ่อนที่ตำหนักส่วนพระองค์ รัชทายาทเองก็อยู่ที่วังตะวันออก ควรจะกลับไปพักที่วังตะวันออกมิใช่หรือเพคะ”