ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 523 ถือหาง / ตอนที่ 524 รัชทายาทเล่นพิณ
ตอนที่ 523 ถือหาง
ดูแล้วเรื่องนี้คงจะไม่จบง่ายๆ
ไทเฮามีท่าทีไม่อยากจะยุ่งเรื่องนี้อีกแล้ว หนึ่งเป็นเพราะเข้าใจถึงความรู้สึกที่อวี้อาเหราและจวินฉางอวิ๋นที่มีให้แก่กัน สองเป็นเพราะเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับจวนหลิงอ๋องแน่ ดังนั้นจึงต้องเก็บเรื่องที่จวินฉางอวิ๋นก่อเรื่องขึ้นในตำหนักรู่หวง
ไทเฮาเข้าใจทั้งหมด นับตั้งแต่หลังจากเรื่องที่ตกหน้าผาครั้งนั้น อวี้อาเหราก็เย็นชาใส่รัชทายาทเสมอ ดังนั้นจึงต้องใช้โอกาสที่นางยังไม่ตายนี้ รักษาความสัมพันธ์เอาไว้ให้ดีเหมือนเดิม ดังนั้นจึงขอร้องให้ฮ่องเต้เห็นแก่หน้านาง ส่งอวี้อาเหราเข้ามาร่ำเรียนศิลปะของสตรีในตำหนักรู่หวง เพื่อที่จะสานสัมพันธ์กับจวินฉางอวิ๋นอีกครั้ง
แต่คิดไม่ถึงว่าทั้งสองคนนั้นแม้เจอกันเพียงไม่นานก็ก่อเรื่องเสียแล้ว ทั้งยังมีความขัดแย้งมากขึ้นไปอีก
อวี้อาเหราเห็นว่าสถานการณ์เป็นเช่นนี้จึงกล่าวว่า “ไทเฮา เมื่อครู่นี้ทะเลาะกันมากไปหน่อย พระองค์เองก็ทรงทราบว่าหม่อมฉันมีร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง เมื่อถูกทำเช่นนี้ คิดว่าคงไม่สามารถร่ำเรียนศิลปะพิณ เดินหมาก คัดอักษรและวาดภาพได้อีกต่อไปเพคะ ให้อาเหรากลับไปพักผ่อนก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ได้หรือไม่เพคะ”
“ไม่ต้องกลับไปพัก” ไทเฮาว่า “หากเจ้ารู้สึกไม่สบายจริงๆ เราจะส่งคนไปบอกหลิงอ๋องที่จวน ว่าในระยะนี้ให้เจ้าย้ายเข้ามาพักในตำหนักรู่หวงแห่งนี้ เพราะหมอหลวงอยู่ใกล้ จะต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีแน่ เจ้าจะว่าอย่างไร”
เมื่อได้ยินดังนี้ สีหน้าของอวี้อาเหราก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย “ไม่เป็นไรเพคะไทเฮา หม่อมฉันต้องการที่จะกลับไปพักที่จวนมากกว่า เพราะกลัวว่าจะรบกวนเวลาพักผ่อนของไทเฮา อาเหราคงไม่อาจอยู่ได้เพคะ”
ไหนเลยไทเฮาจะไม่รู้ใจนาง ดังนั้นจึงปฏิเสธขึ้นมาในทันที “เอาเช่นนี้เป็นที่แน่นอนแล้ว หากเจ้าไม่ค่อยแข็งแรงก็เข้ามาอยู่ในวังของเรา จะได้ไม่ต้องไปกลับจากจวนและวังหลวงทุกวัน นั่งรถม้าไปโน่นมานี่เสียเวลานัก และยังทำให้ร่างกายต้องเหนื่อยเกินไปอีก หากอยู่ที่ตำหนักของเราก็จะสามารถให้หมอหลวงดูอาการได้เสมอ”
“ไม่เป็นไรจริงๆ เพคะ” อวี้อาเหราส่ายหน้า ในยามนี้รู้สึกเหมือนขึ้นหลังเสือแล้วยากที่จะลงได้
ไทเฮามีสีหน้าเคร่งขึ้นมา “หรือว่าเจ้าไม่อยากอยู่กับเราที่นี่?”
เมื่อเห็นนางกล่าวเช่นนี้ ไหนเลยอวี้อาเหราจะกล้าพูดเป็นอื่นได้ นางรีบส่ายหน้า “จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไรเพคะ อาเหรานั้นอยู่ติดตามหลังไทเฮาอยู่ตลอด แต่เป็นเพราะหม่อมฉันมีร่างกายที่อ่อนแอ แต่ก็ยังไม่ได้อ่อนแอจนต้องรบกวนไทเฮา อีกอย่างตอนนี้เสด็จพ่อของหม่อมฉันก็มีอายุมากแล้ว ในเมื่อเป็นธิดาก็ต้องอยู่เคียงข้างบิดามิใช่หรือเพคะ? แต่ต้องทำให้ไทเฮาทรงเสียน้ำพระทัย”
“เช่นนั้นเองหรือ” ไทเฮาไม่ขอร้องต่อ จำต้องพยักหน้าลง “ในเมื่อเจ้ามีใจกตัญญู ก็ถือเป็นโชคดีของหลิงอ๋อง เราเองก็ไม่ต้องการที่จะรั้งเจ้าไว้อีกต่อไป”
“ขอบพระทัยไทเฮาที่ทรงอภัยเพคะ” อวี้อาเหราผ่อนลมหายใจ
“แต่ว่า…” ไทเฮาหันกลับมาพูด “เรื่องศิลปะการเล่นพิณ เดินหมาก คัดอักษรและวาดภาพนั้นจำต้องเรียนต่อไป ตอนนี้ร่างกายเจ้าเป็นอย่างไรบ้างเล่า”
“สบายดี สบายดีมากเพคะ” ตอนนี้อวี้อาเหราไม่กล้าบ่นอะไรอีก มิเช่นนั้นก็คงจะต้องเป็นข้ออ้างที่ไทเฮาจะต้องกักตัวนางเอาไว้แน่ๆ ขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด ประโยคนี้ช่างทำให้นางไร้หนทางที่จะตอบโต้ได้เลย
ไทเฮาหัวเราะอย่างยินดี “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็เรียนกันต่อเถิด ตอนนี้ตะวันจะตกดินแล้ว เราจะให้รัชทายาทไปส่งเจ้าออกจากวังหลวง”
“เพคะ อาเหราน้อมรับพระบัญชา” อวี้อาเหราตอบรับ เมื่อคิดว่าจวินฉางอวิ๋นจะไปส่งนางก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา ไทเฮานี่ก็เหลือเกิน ที่พยายามจะทำให้คนทั้งสองอยู่ด้วยกัน จนเกือบจะมัดคนทั้งสองเข้าด้วยกันอยู่แล้วเชียว อยากให้นางแต่งเข้าวังตะวันออกถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
ตอนที่ 524 รัชทายาทเล่นพิณ
อย่างนั้นไม่ได้เด็กขาด เพราะนางไม่ใช่คุณหนูรองหลิงตัวจริงเสียหน่อย
ในเมื่อคิดเช่นนี้แล้ว ก็เห็นสาวใช้ถือพิณเข้ามา นางจำต้องนั่งลงแล้วเล่นพิณแต่โดยดี
ความในใจมักจะสะท้อนออกมาในรูปแบบของเสียงพิณ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจะต้องไม่น่าฟังเพียงใด
ยามที่ไทเฮาไม่อาจทนฟังได้อีกแล้ว จึงกระแอมขึ้นมาแล้วก็ส่งสายตาไปทางจวินฉางอวิ๋น “องค์รัชทายาท เจ้ามีฝีมือโดดเด่นในเมื่อเล่นพิณ ไปสอนอาเหราหหน่อยเถิด”
“เสด็จย่า…” แน่นอนว่าเขาย่อมไม่พอใจแน่ แต่ในเมื่อไทเฮาเอ่ยเจตจำนง จึงจำต้องเดินไปทางอวี้อาเหรา น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าแข็งๆ “หยุดเล่นได้แล้ว เราจะสอนเจ้าเองว่าต้องเล่นอย่างไร”
“เจ้าจะสอนข้าหรือ?” อวี้อาเหราเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาลึกล้ำ
เขาเล่นพิณเป็นจริงๆ หรือ? มิใช่ว่าไทเฮาพูดไปเรื่อยเปื่อย เพื่อให้คนทั้งสองอยู่ใกล้กันเท่านั้นหรือ
ต่อมาก็เห็นว่าจวินฉางอวิ๋นนั่งอยู่ข้างๆ นิ้วมือไล้ไปตามสายพิณหนึ่งรอบ แล้วจึงบรรเลงขึ้นมาอย่างคุ้นเคย เส้นเสียงบรรเลงขึ้นมาอย่างลื่นไหล ฟังดูไพเราะเป็นอย่างมาก อวี้อาเหราฟังเสียจนใจลอย แล้วมองเขาอย่างพิจารณา
คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทที่ไม่ได้เรื่อง กลับสามารถบรรเลงเพลงพิณได้อย่างไพเราะ
นางมองไม่ผิดจริงๆ ใช่หรือไม่? คนตรงหน้านี้คือจวินฉางอวิ๋นจริงๆ หรือ
เสียงพิณของเขานั้นไม่เหมือนกับกิริยาของเขาเอาเสียเลย ฟังดูสบายหูมาก ทั้งยังแฝงไปด้วยความสงบนิ่ง ความสงบเช่นนี้ทำให้หัวใจรู้สึกสบายนัก และนำความทุกข์ในใจปลดปล่อยออกมาให้หมด ไม่เป็นของตัวเอง อวี้อาเหราฟังจนใจลอย เสียงพิณก็ค่อยๆ นิ่งเงียบลงเรื่อยๆ
มองใบหน้าด้านข้างของจวินฉางอวิ๋นก็ดูหล่อเหลาองอาจ หากไม่คิดถึงท่าทีในยามปกติของเขา ก็ยังมองออกถึงลักษณะภายนอก ช่างทำให้หญิงสาวมากมายต่างตกหลุมรัก แต่ยามปกตินั้นเขาช่างเอาแต่ใจตัวเอง หากรู้สึกขัดใจขึ้นมาก็ท้าตีท้าต่อย ไม่ค่อยมีใครเห็นตัวตนของเขาในด้านอื่นๆ เป็นเพราะภาพลักษณ์ที่ไม่ดีของเขาได้ปกคลุมตัวตนในด้านอื่นๆ ของเขาไปเสียหมด
ไทเฮามองคนทั้งสองอย่างพึงพอใจ เห็นอวี้อาเหราเหม่อมองก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มบาง มุมปากโค้งขึ้นให้เห็นถึงรอยยิ้ม สายตาที่มองมาเหมือนกับสายตาที่มองสุนัขน้อยตัวโปรดอย่างรักใคร่ไม่มีผิด
นางกำนัลอาวุโสที่ยืนอยู่ข้างหลังนั้นยิ้มอย่างดีใจ “รัชทายาทบรรเลงเพลงพิณได้ไม่เลวทีเดียว ทำให้คุณหนูรองฟังแล้วเหม่อลอยเลยนะเพคะ”
“ใช่แล้ว รัชทายาทมีความสามารถไม่ด้อยไปกว่าจวินจื่อหร่านหรอก” ไทเฮาว่าอย่างภูมิใจ
ชื่อของจวินจื่อหร่านที่พูดออกมานั้น แน่นอนว่าหมายถึงองค์ชายใหญ่นั่นเอง
นางกำนัลอาวุโสไม่พูดอะไรอีก
หลังจากที่เสียงพิณหยุดลงไปแล้ว อวี้อาเหราจึงค่อยได้สติขึ้น แล้วอดไม่ได้ที่จะกวาดตามองจวินฉางอวิ๋น
คิดไม่ถึงเลยว่าเสียงพิณที่เขาบรรเลงนั้นจะไพเราะถึงเพียงนี้ ทำไมนางไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยนะ?
ไทเฮาปรบมืออย่างยินดียิ่ง เอ่ยชมเชยว่า “รัชทายาทบรรเลงเพลงพิณได้ยอดเยี่ยม เราฟังแล้วยังชอบ อาเหรา เจ้าว่ารัชทายาทบรรเลงเพลงพิณเป็นอย่างไรบ้าง”
“ไพเราะมากเพคะ” อวี้อาเหราเอ่ยขึ้นชมเชยโดยไม่ขัดกับความรู้สึกตัวเอง
เมื่อเรื่องมาถึงเช่นนี้ สิ่งที่ทำให้คิดไม่ถึงมากที่สุดก็คือ จวินฉางอวิ๋นที่เป็นคนขี้โมโห แต่เมื่อบรรเลงเพลงพิณกลับฟังดูสงบนิ่งถึงเพียงนี้ จนทำให้ผู้คนที่ฟังต้องตกหลุมพรางเสน่ห์
จวินฉางอวิ๋นได้ยินนางชมขึ้นมาเช่นนี้ก็ชะงักไป จากนั้นใบหน้าก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นสีแดง
อวี้อาเหรามองเขาอย่างไร้คำพูด เพียงชมสักคำเท่านั้นมิใช่หรือ? ทำไมต้องหน้าแดงด้วย….
ไทเฮาและนางกำนัลอาวุโสได้เห็นดังนั้นก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก จวินฉางอวิ๋นไม่มีแม่แต่เด็ก เมื่อเข้ามาอยู่ในวังหลวง หากเขาไม่มีสถานะสูงส่งก็คงถูกเหยียบย่ำไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงได้รับความทุกข์มาไม่น้อย