ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 567 มอบของขวัญ / ตอนที่ 568 ล่วงเกิน
ตอนที่ 567 มอบของขวัญ
เขาก็ไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างอนุรองคุณหนูใหญ่และคุณหนูของพวกนางหรืออย่างไร?
หลังจากหน่วงเหนี่ยวถ่วงเวลาสักพัก อวี้อาเหราก็บอกให้สาวใช้ไปเชิญเขาเข้ามา
ผ่านไปชั่วครู่ อวี้จื้อก็ได้นำใบหน้าหล่อเหลาที่ยังเติบโตได้ไม่เต็มที่เข้ามาในห้อง แล้วจึงถวายความเคารพอวี้อาเหราอยางถูกต้องกระบวนการ “คารวะพี่รอง”
“น้องสามลุกขึ้นเถิด” อวี้อาเหราโบกมือ แล้วลุกยืนขึ้นจากเก้าอี้ เลิกคิ้วแล้วถามขึ้นว่า “ได้ยินมาว่าน้องสามนำของขวัญจากค่ายทหารมาด้วย เหตุใดถึงไม่มอบให้เสียตั้งแต่เมื่อตอนทานอาหารเล่า เจ้าจะได้ไม่ต้องมาถึงที่นี่ให้เหนื่อยเปล่าๆ”
“ไม่เป็นไรขอรับ” อวี้จื้อยิ้มบางแล้วส่ายหน้า ก่อนอธิบายว่า “เมื่อครู่นี้ของขวัญอยู่อีกที่หนึ่ง ดังนั้นจึงไม่อาจมอบให้ได้ เพราะอย่างนั้นหลังจากที่ทานอาหารแล้ว ข้าจึงมาที่นี่โดยเฉพาะ ข้ามอบให้สด็จพ่อ ท่านแม่และพี่ใหญ่แล้ว แน่นอนว่าต้องมอบให้พี่รองด้วย”
อวี้อาเหรายิ่งถามขึ้นอย่างสงสัย “ที่ค่ายทหารนั้นทุรกันดารและยากลำบาก เจ้าไปเอาของขวัญมาจากที่ใดกัน เช่นนั้นก็ลองเอามาดูหน่อยเถิด”
“ข้าย่อมมีวิธีของข้าขอรับ” อวี้จื้อยิ้มตอบ ก่อนจะให้คนยกเอากล่องบุนวมขนาดใหญ่เท่าสองสามฝ่ามือเขามา เมื่อเปิดออกก็เห็นว่าเป็นแส้ม้าที่วิจิตรงดงาม
อวี้อาเหราชะงัก “นี่คือ?”
“นี่ก็คือแส้ม้า ข้ารู้สึกว่าพี่รองน่าจะชอบขี่ม้ากระมัง เช่นนั้นจึงตั้งใจทำแส้มาเพื่อมอบให้ท่านพี่หนึ่งเส้น แส้ม้าเส้นนี้ไม่เหมือนกับแส้ม้าทั่วไป เพราะไม่ได้ใช้วัสดุธรรมดาๆ ทำขึ้น อีกทั้งยังแฝงเครื่องหอมเอาไว้ด้วย จึงสามารถทำให้ม้าเชื่อฟังได้เป็นอย่างดี หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็จะสามารถทำให้ม้าสงบลงได้อย่างรวดเร็ว หากเป็นม้าที่มาใหม่ เมื่อใช้แส้ม้าเส้นนี้ก็จะทำให้ม้าเชื่อฟังได้อย่างรวดเร็วขอรับ” ขณะที่พูด อวี้จื้อก็แย้มยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
อวี้อาเหราสงสัย “ดีเช่นที่เจ้าว่าจริงๆ หรือ”
“แน่นอนอยู่แล้ว ไหนเลยข้าจะกล้าหลอกพี่รองได้ หากไม่เชื่อท่านก็ลองดูเถิดขอรับ รับรองว่าใช้ได้แน่ แม้ว่าจะเป็นคนที่ขี่ม้าไม่ค่อยเป็น แต่ก็สามารถทำให้ม้าสงบลงได้ ขี่ได้อย่างคล่องแคล่วเลยทีเดียวขอรับ” เมื่ออวี้จื้อเห็นว่านางไม่เชื่อแล้ว จึงรีบเอ่ยต่อรองขึ้นมา
อวี้อาเหรามองใบหน้าแดงก่ำอย่างเร่งร้อนของเขาแล้วหัวเราะออกมาอย่างขบขัน “เจ้าอย่าเพิ่งโกรธสิ เมื่อครู่นี้ข้าเพียงพูดไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น แส้ม้าของเจ้าดีถึงเพียงนี้ แน่นอนว่าตรงใจพี่มาก ขอบคุณสำหรับของขวัญของเจ้ามาก”
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าพี่รองต้องชอบของขวัญชิ้นนี้” อวี้จื้อพูดอย่างอารมณ์ดี
อวี้อาเหรามองเขาอย่างพินิจ แล้วถามขึ้นราวกับไม่ใคร่จะใส่ใจนัก “แล้วเจ้ามอบของขวัญอะไรให้เสด็จพ่อ อนุรองและพี่สาวของเจ้าเล่า”
“ข้ามอบสุราหนึ่งไหให้เสด็จพ่อ เป็นสุราที่มีเฉพาะในค่ายหทารซีซาน ทำให้ร่างกายอุ่นมากที่สุดในฤดูหนาว ก่อนหน้านี้เสด็จพ่อบาดเจ็บที่ขาและเท้า และจะเจ็บขึ้นมาเมื่ออากาศไม่ค่อยดี ดังนั้นแล้วจึงควรที่จะมอบสุราให้สักไห ขอเพียงดื่มวันละจอกน้อยๆ ก็สามารถบรรเทาอาการปวดได้แล้วขอรับ” อวี้จื้อตอบ
อวี้อาเหราเลิกคิ้ว ไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนดีถึงเพียงนี้
อวี้จื้อหยุดไปครู่หนึ่งแล้วจึงพูดต่อ “ของที่มอบให้ท่านแม่และพี่ใหญ่ของข้าก็คือเครื่องประดับที่สรรหาจากระหว่างทางที่เดินทางกลับมา”
ไม่เลวเลยทีเดียว สิ่งที่อวี้จื่อเยียนและอนุรองชอบที่สุดก็คงจะเป็นเครื่องประดับนี่กระมัง ทั้งยังเป็นเครื่องประดับที่ลูกชายที่รักและน้องชายแท้ๆ มอบให้เช่นนี้ พวกนางจะต้องยินดีเป็นอย่างยิ่ง คงจะต้องพูดว่า แม้ว่าอวี้จื้อจะอายุน้อยดูไม่ค่อยประสาความ ทว่ากลับรู้รอบด้าน และเข้าใจธรรมชาติของคนและยังรู้จักเอาอกเอาใจผู้อื่น นิสัยไม่เหมือนกับอวี้จื่อเยียนเอาเสียเลย
ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะเป็นที่โปรดปรานของหลิงอ๋อง
ไม่ว่าอนุรองและธิดาของนางจะทำอะไร แต่หลิงอ๋องก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าไม่ช้าก็เร็วก็ต้องมอบจวนอ๋องแห่งนี้ให้กับอวี้จื้อซึ่งเป็นทายาทชาบเพียงคนเดียว
ตอนที่ 568 ล่วงเกิน
ไม่ว่าต่อไปอนุรองจะให้กำเนิดนายน้อยสี่หรือนายน้อยห้าอีก แต่อายุก็คงน้อยจนเกินไป และไม่รู้ว่าต่อไปจะมีนิสัยอย่างไร จึงไม่สามารถสืบทอดตำแหน่งหลิงอ๋องได้ ดังนั้นอวี้จื้อที่ได้รับการฝึกฝนจากค่ายทหารซีซานนั้นเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
แต่เกรงว่าเขาคงไม่รู้เรื่องอะไรเลยว่า หลังจากนี้เรื่องราวทั้งหมดจะถูกอนุรองและอวี้จื่อเยียนควบคุมเสียแล้ว
และหากเป็นเช่นนั้น อวี้อาเหราคงจะต้องถูกรังแกจนถึงที่สุดแน่
หลังจากที่นางนิ่งพินิจ อวี้อาเหราก็เงยหน้าขึ้น น้ำเสียงและสีหน้าเปลี่ยนไปเป็นเย็นชามากยิ่งขึ้นเล็กน้อย “เจ้าเพิ่งจะกลับมาถึงบ้าน เนื้อตัวมอมแมมไปหมด กลับไปพักผ่อนมากๆ เถิด ต้องทนทุกข์อยู่ที่ค่ายทหารตั้งแต่ยังเล็กคงลำบากไม่น้อย”
อีกอย่างเมื่อมองอวี้จื้อด้วยสายตาพินิจถี่ถ้วน เห็นเขามีใบหน้าอ่อนเยาว์ แต่ร่างกายกลับแข็งแกร่ง ทั้งตัวยังสูงมากอีกด้วย ต่อไปอีกสักสองปีเขาคงสูงกว่าอวี้อาเหราไปหนึ่งช่วงศีรษะแน่
หากใช้ชีวิตอยู่ในค่ายทหาร แน่นอนว่าต้องพยายามเป็นอย่างมาก และยังต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นทุกๆ วันตั้งแต่ยังเล็ก แม้จะบอกว่าเขาเป็นทายาทเพียงคนเดียวของจวนหลิงอ๋องที่ฝ่าบาทส่งตัวไป แต่ก็ไม่พ้นต้องพบกับความริษยา ไม่ง่ายเลยที่จะสุขกายสบายใจ
สำหรับในแง่นี้ อวี้อาเหราคงต้องชื่นชมเขา
ถึงแม้อายุจะยังน้อย แต่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร ทั้งยังแข็งแกร่งกว่าบรรดาคุณชายที่ใช้ชีวิตเสพสุขอยู่ในเมืองเฟิ่งเฉิงแห่งนี้ตั้งไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า ที่หลิงอ๋องพิจารณายอมส่งอวี้จื้อไปยังค่ายทหารนั่น คงเป็นเพราะพิจารณาถึงจุดนี้ด้วย
ในเมื่อเป็นถึงทายาทของตระกูลแม่ทัพ แน่นอนว่าต้องไม่เหมือนกับคุณชายในตระกูลทั่วไป
แผ่นดินต้าเยี่ยน ยังต้องใช้ขุนศึกในการปกปักรักษา
ในเมื่อเป็นผู้สืบทอด แน่นอนว่าต้องทำตัวให้สมกับเป็นผู้สืบทอด สิ่งที่ควรจะต้องมีก่อนเป็นสิ่งแรกก็คือคุณสมบัติ มิเช่นนั้นจะมีคำกล่าวที่ว่า ‘ลำบากในวันนี้ สบายในภายหลัง’ ได้อย่างไร
เหตุผลในข้อนี้ ไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย
ในยามที่คนทั้งสองกำลังสนทนาอยู่นั้นเอง อนุรองก็ก้าวเข้ามาด้านในด้วยท่าทีร้อนรน เมื่อเห็นว่าอวี้จื้ออยู่ที่นี่จริงๆ ก็ผ่อนลมหายใจออกมา จากนั้นก็เปลี่ยนท่าทีจากกระวนกระวายเป็นสงบนิ่งลงเมื่อหันมาหาอวี้อาเหรา “คุณหนูรอง หากจื้อเอ๋อร์ทำการล่วงเกินท่านก็ขออภัยให้เขาด้วย ต่อไปข้าน้อยจะสั่งสอนเขาให้ดี ขอให้ท่านอย่าได้โกรธเคืองเลย”
“ท่านแม่ ท่านมาได้อย่างไร?” อวี้จื้อหันไปมองนางด้วยท่าทีตกใจ
อวี้อาเหราฟังพวกเขาสองแม่ลูกคุยกันแล้วก็เอ่ยปากขึ้นด้ยน้ำเสียงเย็นชาสุดขั้วหัวใจ “อนุรอง จะกล่าววาจาอะไรก็ระวังหน่อยเถิด น้องสามล่วงเกินข้าตอนไหนกัน แต่ฟังจากความหมายของท่านแล้ว ท่านก็คิดว่าข้าชอบใช้สถานะธิดาเอกทำให้ผู้อื่นต้องลำบาก ท่านหมายความเช่นนี้ใช่หรือไม่?”
ในยามที่อนุรองกำลังจะพูด หลิงอ๋องก็ก้าวเข้ามา ด้านหลังยังมีอวี้จื่อเยียน เมื่อเห็นคนเข้ามากันในห้องมากถึงเพียงนี้ ก็ชะงักไปชั่วครู่ “พวกเจ้ามีเรื่องอะไรกัน?”
“ทูลท่านอ๋อง” อนุรองรีบพูด “เมื่อครู่นี้หม่อมฉันหาตัวจื้อเอ๋อร์อย่างยากลำบาก เขาอุตส่าห์นำของขวัญมามอบให้คุณหนูรองด้วยความปรารถนาดี แต่เมื่อครู่นี้คุณหนูรองกลับบอกให้หม่อมฉันระวังวาจาเสียบ้าง นางยังบอกอีกว่าหม่อมฉันใส่ร้ายว่านางชอบเอาสถานะธิดาเอกไปข่มเหงผู้อื่น แต่หม่อมฉันไม่เคยพูดเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อยนะเพคะ เพียงขอร้องให้คุณหนูรองอย่าได้โกรธเคืองท่าทีไม่ประสาของจื้อเอ๋อร์เท่านั้น หากมอบของขวัญที่ไม่ถูกใจ ก็ขอให้อย่าโกรธเคืองก็เท่านั้นเอง”
“ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
หลิงอ๋องเข้ามาในห้องแล้วฟังที่อนุรองว่า จากนั้นก็มองทุกคนที่อยู่ที่นั่น