ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 659 ไร้เหตุผลสิ้นดี / ตอนที่ 660 ตบหน้า
ตอนที่ 659 ไร้เหตุผลสิ้นดี
“พวกเจ้ามาประดับประดาห้องข้ามิใช่หรือ? แต่ข้าอยากจะประดับบนหน้าพวกเจ้าเสียมากกว่า ข้าจะติดให้พวกเจ้า ข้าจะแขวนให้พวกเจ้า เจาเอ๋อร์ เมี่ยวอวี้ ไปดึงพวกโคมแดงพวกนี้ออกให้หมด ยืนนิ่งอยู่ทำไม รีบไปสิ!”
เสียงของนางทำให้เจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้ได้สติ รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อกอดร่างของอวี้อาเหราเอาไว้
“คุณหนูโปรดอย่าได้โมโหเลยเจ้าค่ะ มิเช่นนั้นจะส่งผลเสียต่อสุขภาพนะเจ้าคะ มีเรื่องอะไรก็พูดกันดีๆ เถิด”
“พูดดีๆ เรื่องอะไรกัน! พวกเจ้าไม่ฟังคำสั่งของข้าที่เป็นนายแล้วหรือ? รีบไปดึงของรกหูรกตาพวกนั้นออกไปได้แล้ว!” อวี้อาเหราไม่สนใจคำพูดของเจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้แม้แต่น้อย นางก็พยายามที่จะดึงของที่ประดับประเอาไปอย่างดีให้ออกมาจนหมด
นางโมโหเสียใหญ่โตนัก จนเหมือนหญิงเสียสติเสียทีเดียว จนทำให้ทุกคนตื่นตกใจกันไปหมด ในช่วงเวลานั้นก็ไม่มีใครกล้ามี่จะเข้าไปห้ามเลย และยิ่งไม่มีใครกล้าพูดเรื่องอะไรทั้งนั้น เพราะตกใจเสียจนพูดไม่ออก
เหตุใดคุณหนูรองจึงเปลี่ยนไปกลายเป็นหญิงเสียสติเช่นนี้เล่า?
ทุกคนจ้องมอง เป็นนานก็ยังไม่ได้สติ
นางกำนัลรับใช้ของอนุรองเห็นดังนั้นก็ก้าวเข้าไปห้ามอวี้อาเหราด้วยความโกรธเคือง ยื่นมือออกไปห้าม “คุณหนูรอง อย่าได้ดึงอีกเลย นี่เป็นคำสั่งของอนุรอง หากท่านไม่ไว้หน้านางเช่นนี้ ท่านเอาสถานะของอนุรองไปไว้ที่ไหนกัน”
“เพี๊ยะ!” เสียงของฝ่ามือกระทบกับหน้าของอีกฝ่าย
ใบหน้าของนางกำนัลอาวุโสบวมแดงขึ้นมาในทันที ผิวหนังเ**่ยวย่นเหมือนราดไม้แก่ๆ บวมขึ้นราวกับบวมน้ำไม่มีผิด นางกุมใบหน้าด้านข้างอันแสนเจ็บปวด ยังคงนิ่งอึ้งไม่ได้สติ
เมื่อครู่ นางก็ถูกตบหรือ?
นางเป็นคนข้างกายของอนุรอง คนในจวนล้วนแล้วแต่เห็นแก่หน้าของนางอยู่บ้าง แต่ไม่คิดว่าอวี้อาเหราจะตบหน้านางเสียฉาดใหญ่เช่นนี้ ทั้งยังตบหน้านางโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย มุมปากของนางมีเลือดซึมออกมา แค่มองดูก็รู้ว่านางนั้นโถมแรงเข้าไปเพียงใด
“มือ…มือของคุณหนู…” เจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้นิ่งงันไป
แม้แต่มือของนางยังแดงก่ำ ตบฉาดนั้นนางคงมือหนักมากทีเดียว
ชั่ววินาทีนั้น คนทั้งสองก็รั้งนางเอาไว้ เมี่ยวอวี้รีบเข้ามาปลอบ “คุณหนูอย่าได้โกรธเคืองเลยเจ้าค่ะ หากท่านยังก่อเหตุวุ่นวายเช่นนี้ ก็คงจะเข้าทางพวกอนุรองโดยง่าย รีบหยุดเสียทีเถิดนะเจ้าคะ พวกนางคงจะต้องไปบอกท่านอ๋องเรื่องที่ท่านไม่พอใจการประดับประดาเรือนเช่นนี้แน่ อย่าได้โกรธเพราะบ่าวไพร่เพียงคนเดียวเลยเจ้าค่ะ มันไม่คุ้มค่าเลย”
“นางเด็กโง่ เมื่อครู่นี้เจ้าพูดอะไรกัน!” นางกำนัลอาวุโสที่แต่เดิมก็โกรธเคืองเป็นอันมากเพราะโดนตบหน้าจนทนไม่ไหว แต่เมื่อได้ยินเมี่ยวอวี้พูดเช่นนี้ ความโกรธก็ยิ่งพุ่งปะทุมากยิ่งขึ้น นางพยายามที่จะฉุดรั้งความเจ็บปวด แล้วถลึงตามองเมี่ยวอวี้อย่างหาเรื่อง
“เจ้าด่าใครว่าเป็นนางเด็กโง่ บังอาจนัก!” อวี้อาเหราฟาดฝ่ามือไปที่ใบหน้าของนางกำนัลอาวุโสอีกครั้ง จนทำให้อีกฝ่ายล้มลงไป ผ่านไปชั่วครู่จึงได้สติ แม้ว่าตัวเองจะถูกตบตีเช่นนี้ แต่นางกำนัลอาวุโสก็ยังรู้สถานะตัวเอง นางไม่กล้าพูด ไม่กล้าลงมือ ทำได้แต่เพียงหลั่งน้ำตาออกมาเท่านั้น
“คุณหนูรอง อนุรองมีเจตนาดี เห็นว่าท่านไร้มารดามาแต่เล็ก จึงให้ข้าน้อยมาช่วยเตรียมงานมงคลให้ เพราะกลัวว่าถึงตอนนั้นแล้วจะเตรียมงานไม่ทัน แต่หากท่านไม่ชอบใจก็ขอเพียงพูดดีๆ ข้าน้อยจะได้นำออกไปให้ เหตุใดจึงต้องลงไม้ลงมือทำร้ายกันด้วย!”
นางกำนัลอาวุโสกล่าวว่าทั้งน้ำตา คนที่มองอยู่ต่างพากันอดรนทนไม่ได้ ต่างพากันคิดว่าอวี้อาเหราลงมือเกินกว่าเหตุกันทั้งนั้น
อวี้อาเหราว่าเสียงเหยาะๆ อย่างโกรธเคือง “เจ้าเป็นบ่าวไพร่ ข้าเป็นนาย อยากจะตีเมื่อไหร่ก็ตีได้ อีกอย่าง อนุรองอะไรกัน ข้าเห็นว่านางนั้นตั้งท้องอยู่จึงยอมเรียกว่าอนุ หากไม่เช่นนั้นแล้ว นางก็เป็นเพียงเมียน้อยต่ำช้า เจ้ากล้าที่จะเอ่ยถึงเสด็จแม่ของข้า กล้าที่จะนำเสด็จแม่ของข้าไปรวมกับเมียน้อยต่ำต้อยเช่นนั้น ในจวนแห่งนี้ยังมีกฎระเบียบอยู่หรือไม่!”
ตอนที่ 660 ตบหน้า
“เจ้า…ข้า…” นางกำนัลถูกด่าว่าเสียจนพูดไม่ออก
เจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้ต่างก็ถลึงตาจ้องมองอวี้อาเหรา ไม่คิดว่านางจะโกรธเคืองถึงขนาดนี้ แม้แต่สาวใช้ที่ปากดีที่สุดในจวนยังเถียงนางไม่ออก ทว่านางกลับโมโหมากไปหน่อย ไม่เหมือนกับคุณหนูในยามปกติของนางเลยแม้แต่น้อย นี่นางเป็นอะไรไป?
“เสียงดังอะไรกัน?”
ในยามนั้น อนุรองก็เดินกุมท้องเข้ามาโดยมีอวี้จื่อเยียนประคอง
นางกำนัลอาวุโสเห็นว่าผู้ช่วยเหลือเข้ามาแล้ว ก็คุกเข่าลงกับพื้นพร้อมทั้งมีน้ำตาไหลนองหน้า “อนุรอง ท่านต้องจัดการให้ข้าน้อยนะเจ้าคะ…”
“แม่นม หน้าของท่านเป็นอะไรไป” อวี้จื่อเยียนเห็นว่าใบหน้าของนางมีรอยฝ่ามือ ในใจก็ตื่นตะลึง
“นี่…นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น” เมื่ออนุรองเห็นใบหน้าของนางกำนัลอาวุโสชัดๆ แล้ว ก็ตกใจเสียจนตัวสั่น
อวี้อาเหราเห็นดังนั้นก็เดินออกไป เผชิญหน้ากับอนุรองและอวี้จื่อเยียน จากนั้นก็มองไปทางนางกำนัลอาวุโสที่มีรอยฝ่ามือบนใบหน้าพร้อมทั้งร้องไห้สะอึกสะอื้น
“อวี้อาเหรา เจ้ากล้าที่จะตบหน้าแม่นมของข้าหรือ?!” อวี้จื่อเยียนโกรธขึ้นมาในทันที นางกำนัลอาวุโสผู้นี้เป็นแม่นมของนาง แน่นอนว่าต้องมีความสำคัญแน่ ก่อนหน้านี้นางก็ทำตัวกร่างในจวนมาไม่น้อย แต่ไม่คิดว่าจะมาถูกอวี้อาเหราตบหน้าเช่นนี้ แน่นอนว่ารอยมือทั้งสองนั้นจะต้องเป็นของนางแน่
“ข้าทำอะไรหรือ? นางไม่เคารพข้า ไม่เคารพต่อเสด็จแม่ของข้า ทั้งยังพูดจาไร้สาระ เจ้าว่าข้าควรจะตบนางหรือไม่เล่า ข้าจะตีนางให้ตายก็ยังทำได้!” น้ำเสียงของอวี้อาเหราฟังดูจริงจัง ต่อหน้าพวกนาง กลับไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย
อวี้จื่อเยียนจ้องมองนางอย่างโกรธเคือง แต่ก็ไม่อาจตอบกลับไปได้
ใช่ นางเป็นธิดาเอก ก็แค่ตบตีบ่าวรับใช้คนหนึ่งเท่านั้น หากนางอยากจะตบตีอนุรองหรือแม่แต่ตัวนางเองก็ย่อมได้
นี่คือความแตกต่างระหว่างความเป็นธิดาเอกและธิดาอนุ
อนุรองมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด แล้วก็มองไปที่ใบหน้าบวมช้ำของนางกำนัลอาวุโส สายตาเต็มไปด้วยความเย็นชายิ่งนัก ราวกับคมมีดก็ไม่ปาน แต่กลับพยายามที่จะกดดันความโกรธเคืองของตัวเองลงไป แล้วเปลี่ยนสีหน้าพร้อมทั้งน้ำเสียงของตัวเองเสียใหม่
“คุณหนูรอง หากท่านไม่พอใจก็สามารถเอ่ยออกมาตรงๆ ได้ แต่นางกำนัลผู้นี้เป็นแม่นมของเยียนเอ๋อร์ เพียงไม่นานนางก็พ้นทุกข์เสียแล้ว หากนางกำให้ท่านโมโห ก็ไม่ควรที่จะตบตีนางอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ…”
ยามที่พวกนางกำลังต่อต้านกันและกันเช่นนี้ หลิงอ๋องที่กำลังจ้องมองอย่างนิ่งเฉย ก็เดินเข้ามาพร้อมกับอวี้จื้อ
เมื่อเห็นดวงตาแดงๆ ของอนุรอง ท่าทีของนางดูน่าสงสารเสียเหลือเกิน และเมื่อเห็นรอยฝ่ามือบนใบหน้าของแม่นมของอวี้จื่อเยียนแล้ว อีกทั้งอวี้อาเหรายังทำตัวเย็นชา คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากัน แล้วเอ่ยถามเสียงเข้ม “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน”
“เป็นเช่นนี้เพคะท่านอ๋อง” นัยน์ตาของแม่นมกลอกกลิ้ง พยายามที่จะกลั้นเสียงสะอื้น เกาะขาของหลิงอ๋องแล้วร้องไห้ “ท่านอ๋อง อนุรองทราบว่าคุณหนูรองจะได้แต่งงานกับองค์รัชทายาท และพระชายาก็ไม่อยู่แล้ว ดังนั้นจึงเกรงว่าจะจัดการเรื่องงานแต่งไม่ทัน อีกทั้งคิดว่าใกล้จะถึงช่วงปีใหม่แล้ว จึงคิดที่จะประดับโคมแดงและตัวอักษรมงคลเอาไว้ก่อน ไม่คิดว่าเมื่อคุณหนูรองกลับมาแล้ว กลับกระชากของพวกนี้ออกไปจนหมดสิ้น เรื่องนั้นก็ไม่เป็นไรหรอกเพคะ เป็นเพราะหม่อมฉันลืมไถ่ถามความคิดเห็นของคุณหนูรองเสียก่อน แต่เมื่อหม่อมฉันอธิบายว่าเป็นความปรารถนาดีของอนุรอง ทว่าคุณหนูรองกลับตบตีข้าน้อยเสียได้ พระองค์ลองดูรอยฝ่ามมือสิเพคะ… ”
หลิงอ๋องพินิจใบหน้าของนางอย่างถี่ถ้วน เห็นใบหน้าของนางบวมปูดเหมือนหัวหมู มองอย่างไรก็รู้สึกไม่น่าดู
เมื่อนางกำนัลอาวุโสเห็นว่าหลิงอ๋องนั้นเริ่มสงสาร ท่าทีของนางก็ยิ่งเศร้าโศกขึ้นกว่าเดิม “หม่อมฉันอายุปูนนี้แล้ว ปรนนิบัติคุณหนูใหญ่และอนุรองมา อีกไม่นานก็คงไปสบายเสียแล้ว แต่กลับถูกคุณหนูรองตบตีเช่นนี้ หม่อมฉันไม่กล้าที่จะกล่าวโทษเลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้ไหนเลยจะกล้าพบหน้าผู้คนอีกเล่า! ให้หม่อมฉันตายไปเสียยังดีกว่า!”