ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 665 เถียงกลับ / ตอนที่ 666 ลงโทษสถานเบา
ตอนที่ 665 เถียงกลับ
หลิงอ๋องสะบัดชายเสื้อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ให้จื้อเอ๋อร์พูดก่อนเถิด ตอนนี้เขาก็ไม่ใช่เด็กแล้ว ควรจะตัดสินใจเองได้แล้วนะ”
เมื่อเห็นดังนั้น ไหนเลยอนุรองจะกล้าพูดอะไรอีก
อวี้จื้อนิ่งคิด จากนั้นก็เอ่ยขึ้นอย่างตะกุกตะกัก
“เสด็จพ่อ ลูกคิดว่าคงเพราะพี่รองถูกความโกรธจู่โจมเสียจนทำให้พูดจาเช่นนั้นต่อท่านแม่ ดังนั้นไม่ควรถือเป็นจริงเป็นจัง แต่พี่รองนั้นไม่ค่อยเคารพเสด็จพ่อ ในแคว้นต้าเยี่ยนของเรา สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความกตัญญู ทว่าพี่รองนั้นมีจิตใจดีเสมอมา หากไม่โกรธก็คงตั้งใจกวนเสด็จพ่อ เพราะฉะนั้นให้ลงโทษสถานเบาก็คงพอแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าคิดเช่นนี้จริงๆ หรือ?” หลิงอ๋องเลิกคิ้วอย่างเหนือความคาดหมาย
“พ่ะย่ะค่ะ” อวี้จื้อพยักหน้า
“ดีมาก” ใบหน้าของหลิงอ๋องแสดงสีหน้ายินดี เมื่อเห็นดังนี้ก็พึงพอใจวิธีการแก้ปัญหาของอวี้จื้อเป็นอย่างมาก
เมื่อได้ยินดังนั้น อวี้อาเหราก็ก้มหน้าลง นางพูดเช่นนี้ก็ไม่ได้โทษใครอย่างชัดเจน ทั้งยังทำให้หลิงอ๋องพึงพอใจ และส่งผลดีต่อทั้งสองฝ่าย ดีกว่าอวี้จื่อเยียนที่ประเดี๋ยวก็โกรธขึ้นมามากทีเดียว
อนุรองจึงผ่อนลมหายใจ สายตาคมปลาบมองไปทางอวี้จื้อ ไม่คิดว่าเด็กที่ปกติมีนิสัยเรียบร้อยและเชื่อฟังนั้น จะสามารถตัดสินใจได้อย่างชอบธรรมเช่นนี้ เป็นวิธีการที่เหมาะสมมาเลยทีเดียว
หลิงอ๋องหมุนกาย กุมมืออนุรองเอาไว้ แล้วเอ่ยเสียงอ่อนโยน “เจ้าพักผ่อนก่อนเถิด”
“เพคะ” อนุรองเห็นตามที่เขาว่า
หลิงอ๋องลุกขึ้นจากเตียง จากนั้นก็ปรายตาไปมองอวี้อาเหรา “ตามพ่อมา”
อวี้จื่อเยียนอยากที่จะตามไปดูว่าหลิงอ๋องจะลงโทษอวี้อาเหราเช่นไร แต่กลับถูกอนุรองเรียกเอาไว้เพื่อให้ดูแลนาง
คนเป็นแม่ จะไม่รู้นิสัยนางเชียวหรือ?
ต่อไป หากเห็นว่าหลิงอ๋องตัดสินไม่ถูกต้องก็คงจะเอ่ยอะไรที่ไม่ควรขึ้นมา จนทำให้คนอื่นไม่พอใจ
ทำได้แต่เพียงมองคนเหล่านั้นออกไปข้างนอกด้วยสายตาไม่พอใจจากข้างกายของอนุรอง
ทางด้านนั้น อวี้อาเหราและอวี้จื้อเดินตามหลิงอ๋องออกไปที่ด้านนอกห้องโถง อวี้จื้อประคองให้เขานั่งลงแล้ว หลิงอ๋องก็ตะคอกใส่อวี้อาเหราอย่างดุดัน “อาเหรา คุกเข่าลง!”
อวี้อาเหาไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ราวกับนางกำลังรอรับการลงโทษอยู่อย่างเต็มที่ จึงยอมคุกเข่าลง
เจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้มองหน้าสบตากัน ในใจร้อนรนเหมือนไฟสุม แต่เมื่อมองไปทางคุณหนูของนาง เหตุใดจึงยังใจเย็นเช่นนี้อยู่ได้
หลิงอ๋องมองลงไป สายตาจ้องมองไปทางอวี้อาเหรา “เจ้ารู้หรือไม่ว่าวันนี้เจ้าทำอะไรผิด”
“ลูกทำให้อนุรองโกรธเสียจนกระเทือนถึงครรภ์ ทั้งยังโต้เถียงเสด็จพ่อ สมควรถูกลงโทษเพคะ” อวี้อาเหราคุกเข่าลง แล้วพูดขึ้นอย่างเฉื่อยชา ไม่มีทาที่หวาดกลัวแม้แต่น้อย เมื่อหลิงอ๋องเห็นดังนั้นก็รู้สึกเจ็บใจยิ่ง
“ผิดแล้ว!”
“ถ้าเช่นนั้นคืออะไรเล่าเพคะ” อวี้อาเหราชะงัก เมื่อคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว นอกจากเรื่องนี้ นางยังผิดเรื่องอะไรอีกเล่า
หลิงอ๋องยืนขึ้นจากเก้าอี้อีกครั้ง ผายมือแล้วหมุนกาย มองไปทางรูปวาดม้าห้อที่แขวนอยู่บนผนัง แล้วพูดขึ้นว่า “เจ้าผิดที่แสดงความโกรธเคืองต่อหน้าคนมากขนาดนั้น คนทั่วทั้งจวนคงจะต้องหัวเราะเยาะเจ้า ช่างไม่สนใจสถานะของตัวเองเลย นี่เป็นความผิดใหญ่ของเจ้า”
“อ้อ ลูกทราบแล้วเพคะ” อวี้อาเหราตอบรับ จากนั้นก็มองไปทางหลิงอ๋องที่ยืนมองภาพวาด “ถ้าเช่นนั้น เสด็จพ่อ ทรงคิดจะจัดการลูกอย่างไรหรือ”
“จัดการหรือ?” หลิงอ๋องทวนคำ แล้วหันกลับมา “จื้อเอ๋อร์พูดแล้วมิใช่หรือ ว่าให้ลงโทษสถานเบา”
อวี้อาเหรามองหลิงอ๋องด้วยสายตาสงสัย ไม่รู้ว่าพวกเขาทำอะไรอยู่ ก่อนที่เขาจะเอ่ยพูดอะไรขึ้นมา ทันใดนั้นก็คุกเข่าลง เค้นน้ำตาออกมา ร้องไห้เสียจนน้ำตานองหน้า สะอึกสะอื้นจนน่าสงสาร
ตอนที่ 666 ลงโทษสถานเบา
“เสด็จพ่อเพคะ เมื่อครู่นี้ลูกโกรธเสียจนก่อนเรื่องให้เสียหน้า ขอให้เสด็จพ่อลงโทษลูกเถิด ตอนนี้ลูกจิตใจไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอย เกรงแต่ว่าจะทำให้อนุรองโกรธ เพื่อลูกในครรภ์ของนาง ขอให้เสด็จพ่อส่งลูกไปอยู่ที่อื่นเถิดเพคะ”
“เฮ้อ อย่าร้อง…”
เมื่อเห็นน้ำตาของอวี้อาเหราไหลออกมาเป็นสายฝน ในใจของหลิงอ๋องก็อ่อนแรงลง อดไม่ได้ที่จะก้าวเข้าไปปลอบใจนาง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอัดอั้น “พ่อไม่ได้ต้องการที่จะลงโทษเจ้าจริงๆ เสียหน่อย อย่าร้องเลย เจ้าเป็นลูกสาวของพ่อ พ่อจะไม่รู้นิสัยของเจ้าเลยหรือ? ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ เจ้าอยากพูดอะไรก็พูดมาเถิด ไม่ต้องเสแสร้งแล้ว”
“เสด็จพ่อ?” เมื่อได้ยินดังนั้น อวี้อาเหราก็หยุดเสียงพูด
ถูกมองออกแล้วหรือ?
เมื่อเห็นท่าทีเคร่งเครียดและอัดอั้นของหลิงอ๋อง ก็คงจะเป็นเช่นนั้น
อวี้อาเหราชะงักไป เช็ดน้ำตา ไม่ร้องไห้เศร้าโศกอีก
“ถ้าอย่างนั้นลูกจะพูดความจริงเพคะ”
นางมองไปยังอวี้จื้อที่นั่งอยู่ แล้วจึงพูดขึ้นอย่างตะกุกตะกัก “เมื่อลูกคิดถึงเรื่องที่จะต้องสมรสกับรัชทายาท ดังนั้นจึงอารมณ์ไม่ดี เมื่อเห็นแม่นมของพี่เยียนเอ๋อร์กำลังประดับประดาห้องอยู่ก็ควบคุมความโกรธไม่อยู่ ดังนั้นจึงคิดอยากจะออกไปอยู่ข้างนอก เพื่อที่จะผ่อนคลายจิตใจเพคะ”
“เจ้าอยากที่จะออกไปข้างนอกเพื่อหย่อนใจหรือ?” หลิงอ๋องถามขึ้นมาอีกครั้ง
อวี้อาเหราพยักหน้า “เพคะ อยากจะไปหย่อนใจ”
หลิงอ๋องตอบรับขึ้นมา “ได้ แต่อีกไม่กี่วันก็จะถึงช่วงปีใหม่แล้ว รอจนจัดการเรื่องทุกอย่างแล้วเจ้าค่อยกลับมาก็แล้วกัน จะได้ลดเรื่องยุ่งยากใจ ไปอยู่ข้างนอกสักวันสองวันค่อยว่ากัน รอจนคืนวันที่สามสิบจะไปรับเจ้ามาทานอาหารเย็นก็แล้วกัน”
“ขอบพระทัยเพคะเสด็จพ่อ!” อวี้อาเหราไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถสมปรารถนาได้เร็วถึงเพียงนี้ จึงกล่าวขอบคุณอย่างดีใจ
ยามนี้ หลิงอ๋องจึงพูดขึ้นมาอีกครั้ง “มีเรือนพักอยู่นอกเมืองแห่งหนึ่ง เจ้าไปพักที่นั้นได้ ที่นั่นบรรยากาศดีมาก แน่นอนว่าจะต้องฟื้นฟูร่างกายและจิตใจได้แน่ วันนี้พ่อจะส่งเจ้าไปที่นั่น จะได้จัดการเรื่องระหว่างเจ้าและอนุรองได้เสียที”
“ลูกเข้าใจแล้วเพคะ” อวี้อาเหราพยักหน้า
เมื่อหลิงอ๋องเอ่ยจบ จึงหันไปมองอวี้จื้อที่อยู่ด้านหลัง “เจ้าว่าจัดการเช่นนี้ดีหรือไม่?”
“ดีพ่ะย่ะค่ะ” อวี้จื้อยิ้มน้อยๆ
เมื่อพูดถึงเรื่องออกจากจวน อวี้อาเหราก็กลับไปเก็บของในเรือนพักของตัวเอง นางยินดีเสียจนผิวปากออกมาเป็นเพลง
เจาเอ๋อร์ที่กำลังพับเสื้อผ้าอยู่นั้น เมื่อเห็นนางยินดีถึงเพียงนี้ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นว่า “คุณหนู ท่านถูกลงโทษให้ออกไปจากจวน เหตุใดถึงดีใจเพียงนี้เล่าเจ้าคะ หลายวันมานี้ที่ท่านไม่อยู่ในจวน อนุรองอาจจะเป่าหูหลิงอ๋องอะไรอีกก็ได้นะเจ้าคะ”
“เจ้าจะรู้อะไร” อวี้อาเหรายังคงอารมณ์ดีเช่นเดิม ตอนนี้นางคิดว่าคงจะได้รู้แล้วสินะว่าตัวตนของตัวเองคืออะไร ดีเสียอีกที่ไม่ได้อยู่ในจวนแล้ว ที่นี่มีสายตาคนจ้องมองมากเกินไป หากจะไปที่ไหนก็คงถูกผู้อื่นเห็นได้ง่ายๆ และยิ่งทำให้เกิดความยุ่งยากมากมาย แต่หากนางถูกขับออกจากจวนไป สายตาที่เฝ้ามองก็จะน้อยลง นางเองก็จะได้แอบออกไปที่พระอารามจีซูได้โดยง่าย
นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้นางทำให้ตัวเองกลายเป็นหญิงบ้าอย่างไรเล่า
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางจะได้มีโอกาสถูกไล่ออกจากจวน
อนุรองคงคิดไม่ถึงแน่ว่านางจะมีเป้าหมายเช่นนี้ อย่างมากก็เพียงคิดว่านางอยากจะออกไปเพื่อหย่อนใจจริงๆ เพราะคิดว่านางไม่อยากแต่งงานกับจวินฉางอวิ๋นเฉยๆ
แต่ใครจะรู้เล่า ว่านางมีเรื่องอื่นให้ต้องทำอีก
แน่นอนว่านางจะไม่แต่งงานกับจวินฉางอวิ๋นแน่ หนึ่งเพราะนางไม่ยอม สองเพราะไม่มีประโยชน์อะไรเลย หากแต่งงานกับเขาไปแล้วจะต้องตายเล่า? นางไม่ใช่เจ้าของร่างเสียหน่อย ทำไมจึงจะต้องวิ่งหาความตายเช่นนั้น
เจาเอ๋อร์ทำปากคว่ำ “บ่าวไม่ทราบหรอกเจ้าค่ะว่าคุณหนูคิดอะไรอยู่กันแน่ ท่านว่าท่านไม่อยากแต่งงานกับรัชทายาท แต่ก็ไม่เห็นว่าท่านจะทำอะไร หากท่านจะต้องแต่งงานหลังจากช่วงปีใหม่เล่าจะทำอย่างไรเจ้าคะ”