ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 691 พูดผิดไปแล้ว / ตอนที่ 692 อันตรายถึงชีวิต
ตอนที่ 691 พูดผิดไปแล้ว
เมื่อเห็นท่าทีนิ่งเฉยของนาง อวี้อาเหราก็เอ่ยขึ้นมาอย่างระมัดระวัง “คุณหนู ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยไปแล้ว หากว่าท่านเหนื่อย ให้บ่าวช่วยปรนนิบัติท่านนอนพักผ่อนเถิดนะเจ้าคะ”
“ไม่ต้องหรอก พวกเจ้าไปพักผ่อนเถิด” อวี้อาเหราส่ายหน้าปฏิเสธ
เมี่ยวอวี้ยืนขึ้น หมุนหายเกินไปทางประตู เท้าที่กำลังก้าวขึ้นไปนั้นหยุดชะงัก จากนั้นก็หมุนกายมา แล้วเอ่ยถามขึ้นอย่างระมัดระวังเป็นอย่างมาก “คุณหนู เมื่อครู่นี้ท่านได้ออกไปนอกหน้าต่างใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“เจ้าว่าอะไรนะ?” อวี้อาเหราเงยหน้าขึ้นถาม นางรู้ได้อย่างไร
“บ่าวเห็นว่าที่หน้าต่างนั้นมีรอยเท้าที่ย่ำหิมะ หิมะนั้นยังไม่ละลาย คิดว่าคงจะยังไม่นานนัก ก่อนหน้านี้คุณหนูยืนอยู่ข้างหน้าต่างตลอด ดังนั้นบ่าวจึงกล้าที่จะคาดเดาว่าท่านคงออกไปนอกหน้าต่างใช่หรือไม่…”
ยามที่เมี่ยวอวี้พูดนั้น น้ำเสียงของนางก็ยิ่งเบาลง เงยหน้าแอบมองอวี้อาเหราแล้ว เมื่อพบกับสายตาของอวี้อาเหรา นางก็ตื่นตกใจจนต้องก้มหน้า
อวี้อาเหรานิ่งงันไป ตีสีหน้าเรียบขรึม ไม่คิดว่านางจะช่างสังเกตถึงเพียงนี้ ที่สามารถสังเกตถึงจุดเล็กๆ น้อยๆ นี้ได้ สมแล้วที่ร่ำเรียนกับหลิงอ๋องมา แล้วนางยังช่างสังเกตเสียยิ่งกว่าพวกชิงอวิ๋นเสียอีก หรือว่าเป็นเพราะหญิงสาวมีความคิดที่ละเอียดลออกว่าชายหนุ่มกัน?
“คุณ…คุณหนู บ่าวพูดผิดไปแล้ว ขอให้คุณหนูอภัยให้ด้วย”
เมี่ยวอวี้เห็นว่านางไม่พูดอะไรเป็นเวลานาน และเมื่อเห็นสีหน้าหนักอึ้งของนางก็ตื่นตกใจเสียจนต้องคุกเข่าลงกับพื้น ร่างกายสั่นเทาไปหมด
“เจ้าพูดไม่ผิด เมื่อครู่นี้ข้าออกไปทางหน้าต่างจริงๆ แต่เพียงออกไปหาปิ่นปักผมที่ตกลงไปเท่านั้น เจ้าลุกขึ้นเถิด” อวี้อาเหราแสดงสีหน้าเหมือนเช่นเคย
นางไม่กังวลเลยว่าอีกฝ่ายจะมีแผนการอะไร หรือหากจะมีแผนการอะไรจริงๆ ก็คงไม่พูดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ออกมาทั้งหมดหรอก ในเวลาเดียวกัน จึงได้เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “อีกสักพักเข้าไปบอกเจาเอ๋อร์หน่อย บอกว่าข้าพักผ่อนแล้ว ไม่ต้องเข้ามารบกวนอะไรอีก”
“เจ้าค่ะ บ่าวขอตัวก่อน” หลังจากที่เมี่ยวอวี้จากไปแล้ว อวี้อาเหราจึงค่อยตีสีหน้าเคร่งขรึม มองออกไปนอกหน้าต่าง
หนิงจื่อเย่อยากให้นางไปเกลี้ยกล่อมจวินจื่อหร่าน ยากอะไรถึงเพียงนี้ แม้แต่สถานะอย่างนาง หากไม่ระวังก็คงมีคนรู้ตัว เมื่อถึงตอนนั้นนางจะทำอย่างไร?
ใช้โอกาสตอนนี้ที่ยังไม่ดึกสงัด อวี้อาเหราเปลี่ยนชุดเป็นสีดำ แล้วออกไปทางหน้าต่าง
จวินจื่อหร่านไม่เหมือนองค์ชายคนอื่นๆ เขาอยู่ข้างนอกวัง ดังนั้นการจะไปหาเขานั้นจึงไม่ใช่ปัญหา นี่ก็เป็นเรื่องที่ง่ายมาก หากเขาอยู่ในวังหลวงนางคงบุกเข้าไปไม่ได้ ร่างกายนี้ก็ช่างอ่อนแอนัก ไม่มีพลังยุทธ์ใดๆ แต่โชคดีที่ความสามารถในภพก่อนนางยังจำได้ ไม่อย่างนั้นอย่าว่าแต่ไปหาจวินจื่อหร่านเลย แม้แต่ออกจากจวนหลิงอ๋อง นางก็คงจะออกไม่ได้หรอก
อย่างไรเสีย นางก็มาถึงจุดมุ่งหมายแล้ว
นางมาถึงที่พักของจวินจื่อหร่าน ในจวนนั้นไม่ใหญ่มาก ดังนั้นจึงไม่ยากที่จะหาคนพบ
ผ่านไปนาน นางก็มองเห็นห้องๆ หนึ่งมีแสงตะเกียง มีคนยืนอยู่ข้างหน้าต่าง สองแขนไพล่อยู่ด้านหลัง แสงไฟวูบวาบไปทั่วร่างของเขาจนมองเห็นเงาของเขาท่ามกลางแสงสลัว อวี้อาเหราจึงมองเห็นเขาอย่างชัดแจ้ง เงาร่างของคนผู้นั้นช่างเหมือนจวินจื่อหร่าน ไม่ต้องคิดให้มากความ นางก็ค่อยๆ ปีนเข้าไปในหน้าต่างแล้ว
ชั่ววินาทีนั้นนางก็ได้ยินเสียงแว่วเข้ามา เสียงนั้นฟังดูรันทดใจเป็นอย่างมาก
มุมปากของอวี้อาเหราโค้งขึ้น องค์ชายใหญ่ผู้นี้ ดึกดื่นไม่ยอมหลับยอมนอน กลับมานั่งถอนหายใจ ช่างน่าขันเสียเหลือเกิน
เกิดเสียงเคาะประตูดังจากหน้าประตู เมื่อได้ยินเสียงจวินจื่อหร่านดังขึ้นมาอย่างราบเรียบ อีกฝ่ายจึงเข้ามาในห้อง
โค้งคำนับจวินจื่อหร่าน “กระหม่อมถวายบังคมองค์ชายใหญ่”
“ลุกขึ้นเถิด” จวินจื่อหร่านพยักหน้า แล้วถามขึ้นมาในทันที “เสด็จพ่อทรงมีความคิดเห็นเช่นไรกับการแต่งงานของรัชทายาท?”
ตอนที่ 692 อันตรายถึงชีวิต
“ได้ยินมาว่าฝ่าบาททรงเห็นแก่พระทัยของไทเฮา ดังนั้นจึงเตรียมการทุกอย่างเอาไว้พร้อมแล้ว ขอเพียงองค์รัชทายาทไม่ก่อเรื่องวุ่นวายอะไรขึ้นมา ก็จะทรงพอหลับพระเนตรข้างเดียวได้” คนผู้นั้นกล่าวตอบ
“หึ ปิดตาข้างเดียวหรือ?” มุมปากของจวินจื่อหร่านโค้งเป็นรอยยิ้มเย็นชา “เป็นหลานชายเหมือนกัน เสด็จย่านั้นทรงโปรดแต่องค์รัชทายาท ไม่เคยทอดพระเนตรมามองเราเลย เรามีตรงไหนที่แย่กว่าเจ้าขยะนั่นกัน?”
“องค์ชายใหญ่อย่าได้ทรงกริ้ว หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง!” อีกฝ่ายรีบเอ่ยปลอบโยนทันที
“เราสู้รบตั้งมานานหลายต่อหลายปี ตอนแรกไทเฮากับฮองเฮาแย่งตำแหน่งรัชทายาทจากเราไป ไม่เพียงพากันรังแกเสด็จแม่ของเรา ทั้งยังรังแกเราที่มิใช่พระโอรสเอก เพราะฉะนั้นต้องให้พวกเขาได้รู้ว่ ไม่มีใครที่เหมาะสมกับตำแหน่งรัชทายาทอีกแล้วนอกจากเรา!”
จวินจื่อหร่านกล่าวอย่างแข็งกร้าว พร้อมทั้งกัดฟันไปด้วย
อีกฝ่ายไม่กล้าที่จะกล่าวอะไรต่อ “องค์ชายใหญ่ทรงมีความสามารถเหนือกว่าองค์รัชทายาทเสมอมา มิเช่นนั้นคงไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากขุนนางมากมายถึงเพียงนี้แน่ ในเมื่อรัชทายาท…”
“แน่นอนอยู่แล้ว ตอนนี้เสด็จย่าปกป้องเขาได้ แต่เราไม่เชื่อว่าจะสามารถปกป้องไปได้ทั้งชีวิต!”
“ตรัสได้ดี” ยามนั้น อวี้อาเหราที่สวมผ้าคลุมหน้าสีดำ ก็เดินเข้ามาจากหน้าต่างพลางปรบมือไปด้วย
“กล้าที่จะแอบฟัง…” หลังจากที่คนของเขาได้ยินดังนั้น ก็หันไปมองทางหน้าต่างอย่างกราดเกรี้ยว ในเวลาเดียวกัน มือก็ปล่อยอาวุธลับอาบยาพิษที่พุ่งเข้าสู่ใบหน้าของอวี้อาเหราอย่างเต็มที่ นางผินหน้าหนีเพื่อหลบการโจมตี ทำให้อาวุธลับอาบยาพิษปักเข้าที่บานประตู
เพราะการโจมตีเมื่อครู่นี้ ทำให้หน้าต่างเปิดออก
คนรับใช้เห็นว่าอวี้อาเหราหลบไปได้ จึงเตรียมจะปาอาวุธลับอาบยาพิษเป็นชิ้นที่สอง
ในเวลาเดียวกันนั้น อวี้อาเหราก็หันไปมองจวินจื่อหร่านอย่างรวดเร็ว “หรือว่าองค์ชายไม่ต้องการตำแหน่งรัชทายาทแล้ว?”
จวินจื่อหร่านสะดุ้งตกใจเพราะคำพูดของนาง ในเมื่อโดนจับได้เช่นนี้เขากำลังจะมีอันตรายถึงชีวิตใช่หรือไม่เล่า?
คนใต้บังคับบัญชาผู้นั้นสุดจะทน หันไปทำความเคารพจวินจื่อหร่าน “องค์ชาย นางจะต้องได้ยินในสิ่งที่เราคุยกันแน่ กระหม่อมว่าฆ่านางให้ตายเสียเถิด!”
“ช้าก่อน!” จวินจื่อหร่านแสดงท่าทีสนใจขึ้นมา หันไปโบกมือกับคนของตัวเอง “เจ้าออกไปก่อน”
“องค์ชาย…” อีกฝ่ายไม่ยินยอม จ้องมองอวี้อาเหราอย่างคาดโทษ
อวี้อาเหราหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ “เจ้ากลัวว่าข้าจะทำอะไรองค์ชายของเจ้าหรือ? วางใจเถิด หากเกิดอะไรขึ้น ข้าคงไม่รอมาจนถึงตอนนี้หรอก”
คำพูดของนางมีเหตุผล
จวินจื่อหร่านหันไปมองข้ารับใช้ของตัวเองด้วยสายตาดุ “ออกไป”
เขาไม่มีทางเลือก จึงจำต้องถอยออกไป ออกไปคุมสถานการณ์ที่ด้านนอกเอาไว้
เมื่อเขาออกไปแล้ว จวินจื่อหร่านก็เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง มองไปทางอวี้อาเหราที่อยู่ข้างหน้าต่าง ขมวดคิ้วมุ่น “ที่เจ้าพูดเมื่อครู่นี้ เจ้าคงจะไม่ได้ยินสิ่งที่เราพูดหรอกใช่หรือไม่ เจ้าเป็นใคร ถึงได้กล้าบุกเข้ามาถึงที่นี่?”
“ข้าคือใคร องค์ชายไม่จำเป็นต้องใส่ใจ” อวี้อาเหราส่ายหน้า แล้วหันกลับไปตรงๆ แล้วพูดขึ้นอย่างตั้งใจ “ทว่าสิ่งที่องค์ชายตรัสเมื่อครู่นี้ หม่อมฉันได้ยินหมดแล้ว”
“เจ้าไม่กลัวว่าเราจะฆ่าเจ้าหรือ?” จวินจื่อหร่านมีสีหน้าเคร่งขรึม ไม่คิดว่าจะมีคนรนหาที่ตายถึงหน้าประตู
“องค์ชายก็ทรงลองดูเถิด อยากรู้นักว่าพระองค์จะทรงทำได้หรือไม่ มิเช่นนั้นแล้ว หากทำให้หญิงตัวเล็กๆ เช่นหม่อมฉันโกรธขึ้นมา หม่อมฉันจะได้เอาเรื่องที่ได้ยินมาทั้งหมดไปประกาศให้คนอื่นรู้เสียให้ทั่ว ว่าองค์ชายใหญ่ปรารถนาตำแหน่งฮ่องเต้เสียเหลือเกิน!” น้ำเสียงของอวี้อาเหราเย็นเฉียบ ไม่เกรงกลัวคำขู่ของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย