ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 693 ช่วยข้า / ตอนที่ 694 ไร้ความสามารถ
ตอนที่ 693 ช่วยข้า
จวินจื่อหร่านโกรธขึ้นมาในทันที เขาโกรธจัดเสียจนหัวเราะออกมา “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ลองไปพูดสิ เพียงคำพูดของเจ้า ดูสิว่าจะทำอะไรข้าได้บ้างหรือไม่?”
“แม้เพียงคำพูดของข้าจะไม่ได้ผล แต่หากคนอื่นเห็นว่าข้านั้นได้รับบาดเจ็บเพราะองค์ชายใหญ่แล้ว ก็เหมือนเติมน้ำมันลงในกองไฟ ในโลกนี้สิ่งที่ห้ามไม่ได้คือข่าวลือและคำติฉิน แม้ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ข่าวลือก็อาจจะไม่ใช่เรื่องจริง ทว่า…”
ยามที่พูดเช่นนี้ อวี้อาเหราก็หยุด แล้วเลียริมฝีปากที่แห้งผาก “ไม่ทราบว่าองค์ชายใหญ่จะยอมรินน้ำชามาให้สักถ้วยได้หรือไม่?”
รินน้ำชาหรือ? จวินจื่อหร่านมองนางเหมือนคนเสียสติ ไม่เคยเห็นใครที่กล้าบุกเข้ามาถึงเรือนพักของเขาในยามวิกาล อีกทั้งยังกล้าให้เขารินน้ำชาให้เช่นนี้ หญิงสาวตรงหน้าของเขานี้โง่เง่าหรืออย่างไร? แต่เมื่อพิจารณาถึงคำพูดของนางแล้ว นางก็ไม่เหมือนคนโง่เลยสักนิด
เพียงแต่นางเหิมเกริม เหิมเกริมเสียเหลือเกิน ไม่กลัวตายเลยแม้แต่น้อย
เมื่อคิดถึงสิ่งที่นางพูดเมื่อครู่ ในใจก็รู้สึกไม่ยินยอม แต่กลับเดินปึงปังไปยังโต๊ะ แล้วรินน้ำชา ยื่นส่งให้อวี้อาเหรา
นางไม่พูดไม่จา ดื่มรวดเดียวเสียหมด
จวินจื่อหร่านเห็นนางสำเริงสำราญถึงเพียงนี้ ก็เลิกคิ้วอย่างเหนือความคาดหมาย “เจ้าไม่กลัวหรือว่าในน้ำชาจะใส่ยาพิษเอาไว้?”
“ไม่กลัว หากองค์ชายใหญ่ต้องการที่จะฆ่าหม่อมฉัน เมื่อครู่นี้คงจะลงมือไปแล้ว นั่นเป็นเรื่องของคนที่ชอบคิดฟุ้งซ่านเท่านั้นแหละที่จะคิดได้” อวี้อาเหราหัวเราะ
เมื่อถูกมองออกว่ากำลังคิดอะไร จวินจื่อหร่านก็ตีสีหน้าเคร่งขรึมอย่างคนอารมณ์ไม่ดี
“องค์ชายใหญ่ ตอนนี้คนทั้งแผ่นดินก็คงรู้กันหมดแล้วว่าพระองค์ไม่ทรงโปรดองค์รัชทายาท หากมีข่าวลืออะไรเพิ่มขึ้นมาอีก คนทั่วไปใครก็คงเข้าใจดี หากฮ่องเต้ทรงทราบก็คงจะยิ่งจับตามองดูพระองค์ อีกอย่างไทเฮานั้นก็ทรงรักใคร่เอ็นดูองค์รัชทายาทมาแต่ไหนแต่ไร หากรู้ว่าจะมีใครมาแย่งตำแหน่งรัชทายาทไป พระองค์ทรงคิดดูสิว่านางจะยอมปล่อยท่านไปง่ายๆ หรือ? สถานการณ์เช่นนี้ คิดว่าจะเอาชนะนางได้หรือ?”
อวี้อาเหราถามอย่างกล้าหาญ นางเข้าใจว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไร เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ทางที่ดีก็ควรที่จะวางแผนร่วมกับนางเสียดีๆ
จวินจื่อหร่านไม่รู้จะกล่าวว่าอย่างไร นางพูดได้ถูกไปเสียหมด จนไม่รู้ว่าจะตอบกลับอย่างไรดี
อวี้อาเหรายิ่งขำหนักขึ้น ก้าวเข้าไปใกล้ “องค์ชายใหญ่ ครั้งนี้ข้าอุตส่าห์เสี่ยงอันตราย เป็นเพราะต้องการจะช่วยเหลือจะพระองค์”
น้ำเสียงของนางอ่อนโยนขึ้นมาก ทั้งยังเผยเสน่ห์ออกมาในถ้อยคำนั้น จนทำให้จวินจื่อหร่านหลงกลโดยไม่ได้ตั้งใจ
แต่ก็ไม่ได้ง่าย ทันทีที่ได้สติ เขาก็จ้องหน้านางด้วยความระแวดระวัง
หัวเราะเสียงเย็น “จะมาช่วยข้าหรือ? ข้าใช่เด็กน้อยสามขวบเสียเมื่อไหร่ เจ้าพูดเรื่องอะไรของเจ้ากัน แม้ว่าข้าจะไม่พอใจรัชทายาท แต่ก็ไม่อาจลงมือทำเรื่องไร้ประโยชน์ได้หรอก”
อวี้อาเหราหัวเราะเสียงเย็นในใจ เขาจะไม่ทำหรือ? ใครเล่าจะเชื่อ? จากนั้นนางก็ใช้น้ำเสียงที่อ่อนหวานมากยิ่งขึ้น “องค์ชายใหญ่ หม่อมฉันจะพูดกับพระองค์อย่างจริงจัง ข้านั้นมีความแค้นต่อองค์รัชทายาท เขานั้นไร้คุณธรรมและจริยธรรม เอาแต่ตามติดพี่สาวข้า ข้าไม่มีทางอภัยให้เขาแน่!”
น้ำเสียงของนางทั้งสะอึกสะอื้นและเศร้าสร้อย ราวกับเรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างที่นางพูดขึ้นมาจริงๆ
ทว่าจวินจื่อหร่านนั้นก็ไม่ใช่คนที่หลอกง่ายถึงเพียงนี้ เขามองอวี้อาเหราด้วยสายตาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “เจ้าพูดจริงหรือ?”
“แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง” อวี้อาเหราพยักหน้าอย่างหนักแน่น ก้มหน้าลง เส้นผมนั้นปิดบังใบหน้าด้านข้าง จนเห็นถึงสีหน้าน่าสงสารเป็นอย่างมาก
ตอนที่ 694 ไร้ความสามารถ
สายตาของจวินจื่อหร่านดูไร้ซึ่งอารมณ์เป็นอย่างมาก ไม่ว่าสิ่งที่อวี้อาเหราพูดจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ก็ล้วนแล้วแต่ไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญก็คือจะช่วยตัวเขาได้หรือไม่ ในเมื่อหญิงสาวผู้นี้อุตส่าห์บุกเข้ามาเพื่อบอกว่าจะช่วยให้เขาได้รับตำแหน่งรัชทายาท อย่างไรก็ควรที่จะฟังเอาไว้บ้าง
หากอาศัยเพียงความพยายามของเขาเอง การที่จะแย่งตำแหน่งรัชทายาทมานั้น ก็เป็นเรื่องยากเหลือเกิน
ในเมื่อมีคนที่ต้องการที่จะช่วยเหลือ หากไม่มีแผนการที่แน่นอนแล้ว คงจะไม่กล้าที่บุกเข้ามาพูดกับเขาอย่างตรงไปตรงมาแน่ เมื่อคิดเช่นนี้จวินจื่อหร่านก็เงยหน้าขึ้นมา เขามองไปรอบๆ ด้าน แล้วเอ่ยกับอวี้อาเหราว่า “แม่นาง เชิญเข้ามาดื่มชาแล้วค่อยพูดเถิด”
อยู่ข้างนอกเช่นนี้ไหนเลยจะปลอดภัย ใครจะรู้ว่าคนของไทเฮาอยู่ตรงไหนบ้าง
จวินจื่อหร่านคิดเอาไว้ว่าจะให้นางเข้ามาทางประตู ใครจะคิดว่านางจะปีนเข้ามาทางหน้าต่างเช่นนี้ได้ เขาอดไม่ได้ที่จะชะงัก แล้วถามขึ้นเรื่อยๆ “เมื่อครู่นี้แม่นางบอกว่าจะช่วยเหลือข้า จะช่วยด้วยวิธีใดหรือ?”
“แน่นอนว่าต้องมีวิธีแน่” อวี้อาเหรายิ้ม
จวินจื่อหร่านมองท่าทีของนางที่เอาแต่ยิ้มไม่ยอมพูด แล้วยื่นชาให้หนึ่งถ้วย
อวี้อาเหราไม่ดื่มชา ทว่ากลับจุ่มนิ้วลงไปในน้ำแล้วเขียนลงไปบนโต๊ะ
ตัวหนังสือสองตัวนั้น คือ ‘เม่ยเก๋อ’
จวินจื่อหร่านก้มตัวลงมามอง แล้วก็เข้าใจขึ้นมาในทันที
เม่ยเก๋อหรือ? นั่นคือชื่อนักฆ่าที่ทำให้เหล่าผู้มีอันจะกินและขุนนางต่างพากันหวาดกลัวมิใช่หรือ มีกำลังอำนาจมากมาย มีกำลังคนมหาศาล ได้ยินมาว่าคนของเม่ยเก๋อล้วนแล้วแต่เป็นหญิง สวมชุดดำ เคลื่อนไหวว่องไว ที่แท้แล้วหญิงตรงหน้านี้เป็นคนของเม่ยเก๋อนี่เอง
หลังจากที่จวินจื่อหร่านนิ่งคิดแล้ว เขาก็หัวเราะเสียงเยาะ “แต่แม่นาง หรือว่าเจ้าต้องการที่จะฆ่ารัชทายาท?”
“การฆ่าคนนั้นเป็นเพียงวิธีสุดท้ายที่เหลืออยู่เท่านั้น ไหนเลยท่านเจ้าสำนักของเราจะใช้วิธีที่น่าเบื่อถึงเพียงนั้นได้เล่า” อวี้อาเหราแสดงสีหน้าไม่ชอบใจ จนทำให้จวินจื่อหร่านไม่รู้จะแสดงสีหน้าอย่างไรดี ถึงเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวมากยิ่งขึ้น “ถ้าอย่างนั้น แม่นางมีวิธีอะไรกัน?”
“องค์ชายใหญ่ ลองคิดดูสิ วิธีที่จะทำให้คนต้องโทษถึงที่สุดเพราะก่ออบฏนั้น จะต้องทำอย่างไร?”
อวี้อาเหราที่เรียนรู้มาจากหนิงจื่อเย่ถามขึ้นมา
“เรื่องนี้…” คิ้วของหนิงจื่อเย่โค้งขึ้นในทันที ก่อกบฏนั้นมีความผิดประหารเก้าชั่วโคตร ที่นางต้องการก็คือจะให้โยนความผิดเช่นนี้ให้จวินฉางอวิ๋น? อย่าว่าแต่ตำแหน่งรัชทายาทเลย แม้แต่ชีวิตก็ยากที่จะรักษาเอาไว้ได้แล้ว
“องค์ชายใหญ่ หรือว่าท่านจะไม่กล้า?” อวี้อาเหรามองท่าทีลังเลของเขา ก็เอ่ยขึ้นอย่างละล่ำละลัก “หรือท่านลืมไปแล้วว่ารัชทายาทแย่งชิงตำแหน่งของท่านไป ลืมไปแล้วหรือว่าแต่เดิมตำแหน่งรัชทายาทควรจะเป็นของท่าน สิ่งที่ท่านทำก็เป็นเพียงการยึดเอาสิ่งที่เป็นของท่านอยู่แล้วกลับคืนมา เป็นเรื่องที่เหมาะสมแทบจะทุกประการนะเพคะ”
“แต่หากเกิดอะไรขึ้น คนที่ตายก็จะกลายเป็นเรา!” คิ้วของจวินจื่อหร่านที่ขมวดมุ่นอยู่ตลอดเวลาได้ผ่อนลงไปครึ่งหนึ่ง ยืนขึ้นจากที่นั่งอย่างโกรธเคือง แล้วหันไปต่อว่าอวี้อาเหราด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แม่นาง เจ้าไปเสียเถิด ถือเสียว่าเราไม่ได้ยินในสิ่งที่เจ้าพูดเมื่อครู่นี้ เพื่อเห็นแก่หน้าของเจ้าสำนักของเจ้า”
สีหน้าของอวี้อาเหราก็พลอยเคร่งขรึมตามไปด้วย “องค์ชายใหญ่ไร้ซึ่งความกล้าเช่นนี้ หรือว่าไม่ต้องการตำแหน่งรัชทายาทแล้ว? ข้าไปช่วยรัชทายาทเสียยังดีกว่าองค์ชายที่อ่อนแอไร้ความสามารถเช่นท่าน อย่างน้อยต่อไปก็คงได้ประโยชน์ขึ้นมาเสียบ้าง”
“เจ้ากล้าบอกว่าข้าไร้ความสามารถหรือ?” ความโกรธของจวินจื่อหร่านได้ถูกคำพูดของนางเมื่อครู่นี้ยั่วยุให้โมโหมากยิ่งขึ้น
“ใช่!” อวี้อาเหราไม่เกรงกลังเลยแม้แต่น้อย หันไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายทันที