ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 715 เป็นลม / ตอนที่ 716 หาวิธีเอาเองสิ
ตอนที่ 715 เป็นลม
ฉู่ป๋าหนาวจนไอออกมา
ช่วงอกของเขาแทบไม่มีอะไรปกปปิด หากไม่หนาวก็คงแปลก
หิมะเหล่านั้นเกาะติดอยู่บนผิวของเขา จะไม่หนาวเสียจนกัดฟันได้อย่างไร?
เมื่อเห็นว่าผิวของเขาได้กลายเป็นสีขาวเผือดโดยฉับพลัน ริมฝีปากก็ไร้ซึ่งสีเลือด
ราวกับโดยดูดเลือด อวี้อาเหรายังไม่ทันที่จะทำอย่างไร ทันใดนั้นเขาก็ล้มลงไปเสียก่อน
อวี้อาเหรามองมาอย่างตื่นตะลึง สองมือของนางวุ่นวายจนไม่รู้จะเอาไปวางที่ไหน เขาคงจะไม่ได้เกิดเรื่องขึ้นเพราะนางปาหิมะใส่เขาหรอกใช่หรือไม่? นางเพียงแต่ล้อเล่นเฉยๆ มิใช่หรืออย่างไร! ยามที่นางกำลังนิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้น จึงได้สติเพราะเสียงร้องของเมี่ยวอวี้นั่นเอง
ฉู่ป๋ายยังคงมีสติอยู่อย่างเต็มที่ สองตาเบิดกกว้าง เอาแต่จ้องมองไปข้างหน้า
ราวกับแววตาในอารมณ์ค่อยๆ ถดถอย เหลือเพียงลูกตาดำขาวไร้แววเท่านั้น
อวี้อาเหราก้าวยาวๆ เข้าไป ประคองร่างของฉู่ป๋ายขึ้นมา เมื่อเห็นท่าทีย่ำแย่ของเขา แล้วจึงเอ่ยถามขึ้นมาอย่างลนลานว่า “เจ้าเป็นอะไรไปน่ะ”
ฉู่ป๋ายไม่ได้ว่าอะไร แม้แต่ขนตาก็ยังไม่กะพริบ
พวกของฉู่เกอที่กำลังเล่นกันอยู่นั้น เมื่อทราบว่าเกิดเรื่องขึ้นก็หันไปมองฉู่ป๋ายที่นอนอยู่ที่พื้นอย่างแปลกประหลาด
อวี้อาเหรามีท่าทีกระวนกระวาย คว้าแขนเสื้อของฉู่เกอ “เขาเป็นอะไรไป”
“พี่เหราเอ๋อร์ เมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น” ขณะที่ถาม ฉู่เกอก็ดึงกริชเล่มหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ แล้วจึงกรีดเบาๆ ลงไปที่นิ้วชี้ หยดลงบนริมฝีปากของฉู่ป๋าย หยดเลือดไหลลงไปในปากของเขา
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อครู่นี้ข้าปาหิมะใส่อกของเขา” อวี้อาเหรากระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด นางจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเหตุใดฉู่ป๋ายถึงล้มลงไม่เป็นท่าเช่นนี้
“พี่เหราเอ๋อร์ ท่านวางใจเถิด พี่ชายของข้าคงจะไม่เป็นอะไรเพราะเพียงถูกหิมะปาใส่หน้าอกหรอก มิเช่นนั้นคงจะทำให้ลมปราณในร่างกายยุ่งเหยิงเป็นแน่ แล้วข้าก็หมดเลือดออกไปแล้วหนึ่งหยด ผ่านไปไม่นานก็คงจะฟื้นแล้ว” หลังจากที่ฉู่เกอหยดเลือดออกไปแล้ว ก็มีท่าทีผ่อนคลาย แล้วจึงอธิบายให้อวี้อาเหราเข้าใจถึงสาเหตุ
อวี้อาเหราพยัก
ต่อไปคงไม่กล้าทำอะไรเช่นนี้อีกแล้ว
หากนางไม่ระวังแล้วทำให้เขาตายขึ้นมา นางจะทำอย่างไรเล่า?
แม้แต่จวนหลิงอ๋องทั้งหมดคงจะรับผิดชอบไม่ไหวเป็นแน่แท้!
เมี่ยวอวี้และเจาเอ๋อร์ก็ต่างพากันตื่นตกใจ
ฉู่เกอหัวเราะ “ไม่เป็นไร ให้พี่ชายข้าไปพักผ่อนที่เตียงก่อนเถิด”
หลังจากส่งเขาไปที่เตียงเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็พากันมาอยู่ที่ข้างเตียง ผ่านไปไม่นาน ฉู่ป๋ายก็หลับตาลง เริ่มมีปฏิกิริยาตอบรับ
หลังจากหลับตาแล้วก็ลืมขึ้นอีกครั้ง สายตาเริ่มมีประกายเหมือนเก่า
เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังยืนอยู่ข้างๆ สีหน้าของเขาก็ชะงักไปเล็กน้อย ในสมองกำลังคิดสะระตะว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จากนั้นก็ราวกับเข้าใจขึ้นมา มุมปากโค้งเป็นรอยยิ้มบางๆ ส่งให้อวี้อาเหรา “ข้าไม่เป็นอะไร ไม่ตายง่ายๆ หรอก”
“เจ้าไม่เป็นอะไรจริงๆ หรือ” เมื่อเห็นว่าเขาฟื้นขึ้นมาแล้ว อวี้อาเหราก็ผ่อนลมหายใจออกมา เมื่อครู่นี้นางตกใจเสียแทบแย่ เสี่ยงเหลือเกิน โชคดีที่ประตูผีได้ปิดลงไม่ต้อนรับคนผู้นี้ หากไมมีฉู่เกออยู่ด้วย นางก็ไม่รู้จริงๆ ว่าจะต้องทำอย่างไรดี
ฉู่ป๋ายส่ายหน้า ก่อนจะค่อยๆ ยื่นมือออกไปกุมกำไลหยกเลือดที่นางสวมเอาไว้ สายตาฉายแววสับสนขึ้นมา “เจ้ารักษาชีวิตของตัวเองให้ดีเถิด ข้าจะตายไวถึงเพียงนี้ได้หรือ? หากจะตาย ก็ต้องตายเสียด้วยกัน”
ชั่ววินาทีนั้นอวี้อาเหราก็ตื่นตกใจเสียจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี “เจ้าพูดเล่นอะไรของเจ้า!”
“ไม่ได้พูดเล่นเสียหน่อย” ฉู่ป๋าพูดขึ้นอย่างมั่นคง
ฉู่เกอเห็นท่าทีหวานชื่นของพวกเขาทั้งสอง ก็ราวกับลืมพวกเขาไปกันเสียหมดแล้ว ดังนั้นจึงลอบหัวเราะแล้วหันไปพูดกับทุกคนว่า “ท่านคุยกับพี่เหราเอ๋อร์ไปเถิด ข้าจะพาพวกเขาออกไปก่อน”
ตอนที่ 716 หาวิธีเอาเองสิ
ทั้งสองคนต่างก็ไม่ได้พูดอะไร
คนอื่นๆ ล้วนเดินตามฉู่ป๋ายออกไป
อวี้อาเหรามองมาที่ฉู่ป๋ายอย่างระมัดระวัง มองไปที่ใบหน้าขาวซีดของเขา หลุบตาลงต่ำ จึงเห็นว่าเขานั้นกำลังกุมกำไลข้อมือของนางเอาไว้แน่น นางสะบัดแขนขึ้นมา เพื่อให้เขาปล่อยมือออก
เงยหน้าขึ้นถามเขา “เจ้ารู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง”
“ก็ดีอยู่ เพียงแค่กระหายน้ำเล็กน้อย” มุมปากของฉู่ป๋ายโค้งขึ้น
“ถ้าอย่างนั้น ข้าจะไปรินน้ำชามาให้เจ้า” อวี้อาเหราว่าอย่างกระตือรือร้น เมื่อนางกำลังจะจากไป ทว่ามือของเขากลับยังไม่ปล่อยกำไลที่ข้อมือนั้น ในช่วงเวลาเช่นนั้นราวกับเขาจับมันแน่นกว่าเดิม
เมื่อหันกลับไป จึงได้เห็นใบหน้าอาลัยอาวรณ์ของฉู่ป๋าย “แต่ข้าอยากจับเจ้าเอาไว้เช่นนี้ หากจู่ๆ ข้าเกิดอาการทรุดหนักเข้าจะทำอย่างไรกัน”
“เจ้าพูดเรื่องอะไรไร้สาระ เจ้าดีขึ้นตั้งมากแล้ว ทำไมจู่ๆ จะอาการทรุดหนักลงได้เล่า” อวี้อาเหราถามกลับอย่างโกรธๆ ในใจไม่อาจแสดงความโกรธเคืองขึ้นมาได้ ทว่ากับคนที่กำลังอ่อนแอเช่นนี้ ความโกรธของนางก็คงจะเป็นเรื่องเพียงชั่วคราวเท่านั้น “เจ้าบอกว่าหิวน้ำมิใช่หรือ หากข้าไม่ไปรินน้ำให้เจ้าแล้วเจ้าจะดื่มน้ำได้อย่างไรกันเล่า”
“เจ้าก็คิดหาวิธีเอาเองสิ ข้าจะจับเจ้าไว้เช่นนี้นี่ล่ะ” ยามที่ฉู่ป๋ายว่า ราวกับแสดงให้เห็นถึงนิสัยพาลพาโลของเขา ไม่เหมือนตัวเขาในยามปกติเลยแม้แต่น้อย อวี้อาเหราไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย จึงเอ่ยตามน้ำไปว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็จะให้เจาเอ๋อร์ไปรินน้ำให้เจ้าก็แล้วกัน”
“ก็ได้” ฉู่ป๋ายรับปากส่งๆ
อวี้อาเหราจึงรีบเรียกเจาเอ๋อร์เข้ามา จากนั้นจึงค่อยถามฉู่ป๋ายว่า “เจ้ายังอยากกินอะไรอีกหรือไม่”
ฉู่ป๋ายลังเลอยู่สักครู่ แล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า “ข้าเพียงสลบไปเท่านั้น เหตุใดเจ้าถึงได้อ่อนโยนถึงเพียงนี้เล่า”
อวี้อาเหรากลอกตาใส่เขา เขาก็หมายความเมื่อก่อนนี้นางนิสัยแย่นักหรืออย่างไร? แต่ถึงอย่างนั้นก็เถิด ที่จู่ๆ เขาก็สลบไปเช่นนี้ แล้วยังเป็นนางที่สร้างเรื่องจนทำให้เขาตกใจจนแทบตายอีก แล้วนางจะกล้าโมโหได้อีกหรือ
“คุณหนู นี่เจ้าค่ะ” เจาเอ๋อร์รินน้ำชามาให้ แล้วจึงยื่นเข้ามา
แม้ปากของฉู่ป๋ายจะบอกว่าอยากดื่มน้ำ แต่เขาก็ไม่ได้ดื่มเสียทันที ดังนั้นจึงหันไปมองเจาเอ๋อร์ “เจ้าออกไปก่อนเถิด ไปต้มโจ๊กเสียหน่อย ใส่เกลือไปเล็กน้อยก็พอแล้ว ไม่ต้องใส่มากหรอก”
เมื่อเจาเอ๋อร์ออกไปแล้ว อวี้อาเหราก็ส่งชาให้ตรงหน้า ฉู่ป๋ายเลิกคิ้วขึ้น
“ตอนนี้ข้าไม่มีเรี่ยวมีแรง เจ้าทำเช่นนี้ ข้าจะดื่มได้อย่างไรกัน?”
อวี้อาเหราไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ยื่นถ้วยชามาที่ปากของเขา ปรนนิบัติเขาอย่างตั้งใจ
ฉู่ป๋ายจิบเล็กน้อย ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้ว “ร้อนไปหน่อยนะ”
“ร้อนหรือ? ร้อนตรงไหนกัน” อวี้อาเหราลองดื่มเอง
ท่าทีของนางชะงักไป ฉู่ป๋ายขยับเข้ามาใกล้ แล้วก้มลงหาริมฝีปากของนาง สายตาทั้งคู่มองสบกัน ริมฝีปากแนบบชิด สายตาของเขาราวกับย้อนไปเมื่อครั้งที่นางพบกันเป็นครั้งแรก เต็มไปด้วยแสงดาวสว่างไสวไปหมดทั่ว ราวกับจะสะท้อนจิตใจของนางออกมาจนหมด
ทว่ากลับไม่รู้ถึงใจของตัวเอง
เขาประทับเข้าที่ริมฝีปากของนางแผ่วเบา ช่างอ่อนนุ่ม ช่างหวานหอม ราวกับวุ้นผลไม้ไม่มีผิด
หากได้ทานวุ้นผลไม้ในยุคปัจจุบันแล้วก็คงจะให้ความรู้สึกแบบเดียวกัน ทว่ามีความอบอุ่น ทั้งยังนุ่มยุ่นกว่าวุ้นผลไม้เสียอีก ทั้งยังหอมหวาน ชวนให้อยากกิน ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเท่าใดนักหรอก
อวี้อาเหราถูกเขาปิดปากเอาไว้ ทันใดนั้นหัวสมองก็กลายเป็นสีขาว ทุกอย่างล้วนถูกลืมเสียสิ้น
รอยจูบเบาๆ ของฉู่ป๋ายนั้นราวกับผ่านไปหลายสิบวินาที ในที่สุดก็ผละออก แล้วถอยหลังไป
เมื่อมองอีกครั้งก็เห็นว่ามุมปากของเขานั้นโค้งขึ้น “เช่นนี้ ก็ไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่”
หลังจากนั้นเพียงชั่วพริบตา อวี้อาเหราก็ได้สติ ว่าที่แท้ เขาก็พูดเรื่องน้ำชาหรือ?