ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ - ตอนที่ 510 คาวาโยชิผู้จงรักภักดี
คาวาโยชิผู้จงรักภักดี
หลี่ว์ซู่แค่หวังจะปกป้องศิลาวิญญาณจากอันตรายก็เท่านั้น
คาวาโยชิสูดหายใจเข้าลึก จริงๆ แล้วเขาเพียงอยากใช้หลี่ว์ซู่เป็นเบ๊เพื่อจะได้พุ่งความสนใจไปที่การฝึกไต่อันดับขึ้นเป็นระดับ C แต่แผนก็พังทลายเสียอย่างนั้น
“งั้นก็ขอให้โชคดีข้างบนนั่นก็แล้วกัน” คาวาโยชิพึมพำอย่างดูถูกดูแคลน
“คนความคิดตื้นเขินอย่างนายไม่เข้าใจฉันหรอก นายสนใจแต่เงินทองและชื่อเสียงเท่านั้นแหละ” หลี่ว์ซู่ยักไหล่ตอกกลับ
คาวาโยชิใช้ความพยายามอย่างมากที่จะตอกกลับไปบ้าง กล้าดีมาจากไหนถึงพูดกับเขาแบบนี้!
[ได้แต้มจากคาวาโยชิ +666]
หลี่ว์ซู่แทบรอที่จะกลับขึ้นไปอยู่บนดินไม่ไหว แต่ตอนนี้เขาจะทำตื่นตูมให้เสียแผนไม่ได้
คาวาโยชิเองก็เก็บความตื่นเต้นไว้ไม่ไหวหลังจากเดินออกมาจากกรมกิจการภายในพร้อมกับหลี่ว์ซู่ เขาทำตาระยิบระยับในขณะโบกมือทักทายผู้หญิงตัวสูงคนหนึ่งที่โถงทางเดิน
“สวัสดีครับคุณมิยาซากิ บังเอิญจริงๆ เลยนะครับเนี่ยที่มาเจอคุณที่นี่”
หลี่ว์ซู่จ้องมองพิจารณาผู้หญิงคนนั้น เธอสวมชุดฝึกซ้อมต่อสู้ตามปกติและเธอหน้าตาสะสวยจริงๆ นั่นแหละ ทว่าเธอเมินคาวาโยชิไปอย่างสิ้นเชิง ทำให้คาวาโยชิเสียหน้าเล็กน้อย
“คนนี้ใครน่ะ” หลี่ว์ซู่ถามอย่างสงสัย
“เธอเป็นคนของท่านทาคาชิมะ อยู่ระดับ C ฉันมั่นใจว่าเธอต้องกลับมาสนใจฉันแน่ๆ ตอนที่ฉันอยู่ระดับ C แล้ว ถึงตอนนั้นฉันจะขอเธอมาเป็นภรรยาให้ได้!” คาวาโยชิตอบ
หลี่ว์ซู่อึ้งไปเลย เขาไม่ยักรู้ว่าคาวาโยชิจะรักเดียวใจเดียวกับผู้หญิงคนนี้เพราะเขาเห็นคาวาโยชิกะลิ้มกะเหลี่ยไปทั่วกับสาวๆ คนอื่น
“นายจะพยายามต่อไปถึงแม้เธอจะไม่สนใจนายสักนิดเนี่ยนะ” หลี่ว์ซู่ ‘ปลอบใจ’ คาวาโยชิ
“แล้วไงล่ะ” คาวาโยชินิ่งไปแล้วถามกลับ
หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าคาวาโยชิควรจะโดนเตือนสติบ้าง ถึงแม้คำแนะนำจะไม่มีประโยชน์มากนักก็ตาม
“เธอต้องเอานายไปนินทาลับหลังแหง” หลี่ว์ซู่ตอบยิ้มๆ
[ได้แต้มจากคาวาโยชิ +888]
คาวาโยชิหน้าสลด “ขอบใจสำหรับคำปลอบใจที่ไม่มีใครเหมือนจากนายนะ”
วันต่อมา หลี่ว์ซู่สวมชุดยูนิฟอร์มของกลุ่มทวยเทพ เขาเดินไปขึ้นลิฟต์อย่างมีความสุข ในขณะนั้นที่ห้องทำงานของคุริยามะ คุริยามะวางเอกสารในมือลงไปที่โต๊ะทำงานไม้ตัวใหญ่และมองคาวาโยชิพร้อมกับถามว่า
“นายบอกว่าเขาอาสาขึ้นไปทำงานบนดินอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่ครับท่าน ผมขออภัยด้วยที่ท่านอุตส่าห์ช่วยให้เขามาทำงานกับเราข้างล่างนี่ เจ้านี่ไม่ใช่แค่แสดงท่าทีไม่สำนึกนะครับ แต่ยังต่อว่าผมด้วยว่าผมสนใจแค่เงินทองกับชื่อเสียง” คาวาโยชิกระแนะกระแหนหลี่ว์ซู่
“มีตาหามีแววไม่จริงๆ” คุริยามะพูดเสียงเยาะ “ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้ทำงานข้างบนนั่นกับคนธรรมดาไปก็แล้วกัน ฉันไม่มีโอกาสที่สามให้อีกต่อไปหลังจากเจ้านั่นปฏิเสธฉันเป็นครั้งที่สองแล้ว”
“ถูกต้องที่สุดเลยครับท่านคุริยามะ” คาวาโยชิกล่าวด้วยความเคารพ “จริงๆ แล้วเขาก็ไม่น่าจะมีปัญญาช่วยท่านได้มากเท่าไหร่ ปล่อยให้ย่อยยับด้วยตัวเองดีกว่า ผมล่ะสงสัยจริงๆ ว่าเราจะจ่ายค่าจ้างให้เป็นศิลาวิญญาณจำนวนเท่าไหร่…”
“ไม่ต้องจ่ายให้ นายเก็บไว้ได้เลย” คุริยามะตอบอย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณมากครับท่านคุริยามะ!”
…
หลี่ว์ซู่สำรวจตำแหน่งกล้องวงจรปิดด้วยหางตาขณะขึ้นลิฟต์ ถือว่ามีการรักษาความปลอดภัยแน่นหนาใช้ได้เลยทีเดียว มีกล้องเกือบจะทุกจุดตัดถนน แถมยังมีกล้องหนึ่งตัวในลิฟต์ด้วย
เมื่อมาถึงข้างบนแล้ว เขาต้องไปรายงานตัวที่กรมการรักษาความปลอดภัย เขาแปลกใจมากที่ได้รับแต่งตั้งให้มาทำงานในหน่วยรักษาความปลอดภัยบนพื้นดินที่มีผู้บำเพ็ญระดับ E ร้อยยี่สิบคนอยู่ใต้บังคับบัญชา
ประตูแรกในกำแพงด้านนอกของฐานมีมาตรการรักษาความปลอดภัยสูงสุด รักษาการความปลอดภัยโดยระดับ C ถึงสามคนและมีคนในระดับอื่นๆ ด้วย ฐานข้างล่างมีแค่ระดับ C สิบคน และคาวาโยชิเป็นแค่ระดับ D คนเดียวในบรรดาหัวหน้ากรมทั้งหมด เจ้าคาวาโยชิต้องไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนแน่ๆ
อย่างไรก็ตามหน้าที่ของหลี่ว์ซู่คือจัดการคนธรรมดา เขาไม่ได้มาปกป้องฐานจากศัตรูข้างนอก นี่เป็นงานแรกของหลี่ว์ซู่ในการปฏิบัติการเป็นเจ้าหน้าที่ แถมยังได้เป็นถึงเจ้าหน้าที่ของพวกทวยเทพด้วย ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าทวยเทพใจดีกับเขามาก ทั้งให้งานทำและยังไงให้เขาสะสมแต้มอารมณ์ได้อีกต่างหาก
หลี่ว์ซู่พอใจมากที่เขาได้งานนี้และได้ผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาเป็นคนระดับ E ถึงร้อยยี่สิบคน ห้องทำงานของเขาหันหน้าไปที่โกดังเก็บของ เขาจะได้เฝ้าศิลาวิญญาณของเขาได้ตลอดเวลา แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องมาคิดว่าจะเอาศิลาออกมายังไงดี
ระหว่างที่คิด ก็มีชายระดับ E เคาะประตูกระจกห้องทำงานของหลี่ว์ซู่ เขาอนุญาตให้เข้ามาได้ ชายระดับ E คนนั้นยิ้มอย่างประจบสอพลอแล้วพูดว่า “สวัสดีครับท่านยามาดะ ผมเป็นคนขยันขันแข็งและเป็นผู้บำเพ็ญที่มีความสามารถ ไม่เชื่อไปถามหัวหน้าคนเก่าได้เลยครับ ผมฝันมาตลอดว่าอยากได้ยศร้อยเอก แต่ว่าหัวหน้าคนเก่าเขาออกไปก่อน ผมเชื่อว่าหัวหน้าคนเก่าน่าจะได้คุยกับท่านก่อนที่เขาจะออกไปใช่ไหมครับ…”
หลี่ว์ซู่มองด้วยหางตา “ไม่เห็นจะได้ยินอะไรมาเลย ถ้าหัวหน้าคนเก่าเขาสัญญาไว้กับนายจริงละก็ ไปพูดกับเขาเองสิ บอกฉันทำไม” หลี่ว์ซู่มาที่นี่เพื่อศิลาวิญญาณ เขาไม่อยากจะมาสนใจในเรื่องเลื่อนตำแหน่งไร้สาระ
[ได้แต้มจากโทโมซากะ โทชิ +555]
โทโมซากะกัดฟันแล้วตอบหลี่ว์ซู่ “ผมว่าท่านน่าจะกำลังเหนื่อยจากงาน นี่ครับ รับกล่องนี่ไป ผมเป็นห่วงสุขภาพท่าน”
หลี่ว์ซู่รับกล่องมาแล้วเหลือบตามองของในกล่อง นี่มันเป็นเงินสดหนึ่งหมื่นเยนเลยทีเดียว น่าจะราวๆ หนึ่งล้านหยวนได้ การติดสินบนนี่เป็นเรื่องธรรมดาในฐานหรือเปล่านะ เงินนี่ก็ไม่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ อาจจะมาจากการแสวงหาผลประโยชน์ของพวกคนธรรมดาข้างนอกหรือพวกเขาอาจจะมีกองทุนสาธารณะสำหรับเงินส่วนตัวแบบสุจริตก็ได้ อย่างไรก็ตามมันก็น่าจะมีบันทึกว่าของในสต็อกขาดหายไป
“โอเค… นายกลับไปทำงานได้” หลี่ว์ซู่เตะกล่องเข้าไปใต้โต๊ะ
โทโมซากะดีใจมาก เขาคิดว่าหลี่ว์ซู่รับเงินเขาไปก็แปลว่าคำขอของเขาได้รับการยอมรับแล้ว!
แต่ผ่านไปสองวันหลี่ว์ซู่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีสนใจอะไร โทโมซากะเลยเข้าไปกระซิบกับหลี่ว์ซู่ตอนที่เขาขึ้นมาบนดินในวันที่สาม “ท่านยามาดะครับ เงินของผมไม่ได้หามาง่ายๆ นะครับเนี่ย”
หลี่ว์ซู่เลิกคิ้วตอบกลับ “อ้าวเหรอ แต่เงินฉันมันหามาง่ายว่ะ”
โทโมซากะตัวแข็งเป็นหินไปในทันตา
[ได้แต้มอารมณ์จากโทโมซากะ โทชิ +999]