ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ - ตอนที่ 536 หลี่ว์ซู่ล้มเลิกแผน
พวกชาวบ้านต้องการให้ซีเฟ่ยช่วยพูด พวกเขาก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่หรอก แต่ซีเฟ่ยเป็นเจ้าหน้าที่จากเครือข่ายฟ้าดินที่รับผิดชอบส่วนของเมืองลั่วทั้งหมด เขาก็น่าจะอยู่ตำแหน่งสูงกว่าหลี่ว์ซู่สิ
ทว่าภายในเครือข่ายฟ้าดินนั้นไม่ค่อยเคร่งเรื่องกฎระเบียบการทำความเคารพเท่าไหร่นัก ไม่เหมือนอย่างในกลุ่มทวยเทพ แต่ในใจพวกเขาก็รับรู้ลำดับขั้นความอาวุโสเป็นอย่างดี
ด้วยเหตุนี้ซีเฟ่ยจึงทักทายหลี่ว์ซู่ด้วยการวันทยหัตถ์ และหลี่ว์ซู่ก็ทำเช่นเดียวกันตอบ พวกเขาทำเหมือนว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่ด้วย
ถึงแม้ว่าพวกชาวบ้านจะไม่รู้ว่าใครอยู่ตำแหน่งไหน แต่พวกเขาก็เห็นว่าซีเฟ่ยและทีมค่อนข้างที่จะนอบน้อมกับหลี่ว์ซู่ พวกเขาไม่โง่นะ อย่างนี้ก็แปลว่าหลี่ว์ซู่มีตำแหน่งที่สูงกว่าซีเฟ่ยน่ะสิ!
พอเห็นแบบนี้แล้วหลิวเผิงเซิงว่าจะวิ่งหนีไปให้รู้แล้วรู้รอด แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ทำแบบนั้น หลี่ว์ซู่ก็หันมาหัวเราะเสียงเย็นใส่เขาเสียก่อน
“เป็นอะไรไป คิดว่าจะขโมยกุยช่ายไปได้ง่ายๆ เพราะคิดว่าฉันตายไปแล้วงั้นเหรอ เรายังไม่จบกันง่ายๆ นะ”
ซีเฟ่ยทำเป็นไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น
คนคนนี้เป็นคนที่จงอวี้ถังไม่อยากทำให้โกรธ คนพวกนี้ทำตัวเองทั้งนั้น ดีแล้วเสียอีกที่หลี่ว์ซู่กล้าทำให้คนพวกนี้อับอายบ้าง เพราะหากเป็นพวกเขาที่เจอเหตุการณ์เช่นนี้ พวกเขาก็ทำได้แค่เป็นฝ่ายก้มหน้ายอมรับความอับอายเท่านั้นแหละ พวกเขาไม่สามารถใช้กำลังหรือด่าว่าประชาชนได้ถึงแม้ว่าพวกเขาอยากจะทำแบบนั้นก็ตามที หากพวกเขาทำอะไรเกินขอบเขตไปแม้แต่นิดเดียวก็อาจถูกจงอวี้ถังตำหนิได้
จงอวี้ถังไม่ใช่คนไม่รู้ผิดรู้ถูก เขารู้ว่าโดยปกติแล้วกลุ่มของซีเฟ่ยจัดการเรื่องเช่นนี้ได้ แต่เขาไม่มีทางเลือกเลยในเรื่องนี้
กลุ่มของซีเฟ่ยก็เข้าใจเหมือนกัน จงอวี้ถังนั้นคอยดูแลจัดการเรื่องต่างๆ ในอวี้โจว ซึ่งมันก็ต้องมีบ้างที่ต้องจัดการขั้นเด็ดขาดเพราะไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรที่จงอวี้ถังจะตำหนิพวกเขา
แต่ในกรณีของหลี่ว์ซู่นี่น่าทึ่งกว่ามาก จงอวี้ถังไม่กล้าตำหนิอะไรเขาเลย… ถ้าจะให้พูดให้ถูกก็คือจงอวี้ถังรู้สึกดีเสียอีกที่หลี่ว์ซู่ไม่เรียกหาเขาบ่อยๆ เขาเองก็ไม่อยากเรียกหาหลี่ว์ซู่ว์โดยไม่มีเหตุผลด้วย
พอหลิวเผิงเซิงรู้ว่าหลี่ว์ซู่กล้าพูดออกมาท่ามกลางคนเยอะๆ แบบนี้ เขาก็นอบน้อมขึ้นมาทันที หลี่ว์ซู่ประเมินความป่าเถื่อนของพวกชาวบ้านต่ำไป ในตอนแรก ชาวบ้านในหมู่บ้านหลิวทะเลาะกันกับหมู่บ่านหวังเรื่องแหล่งน้ำจนเกิดการชุมนุมคนกว่าสามร้อยคน ตำรวจยังไม่เข้าไปยุ่งกับพวกเขาเลย ขนาดยิงปืนขู่ไปก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้
หลิวเผิงเซิงยึกยักไม่รู้จะทำอย่างไร เขารู้ว่าหลี่ว์ซู่ไม่ใช่พวกเล่นตามกติกา เขาจึงคิดหนักมากว่าจะปกป้องสตรอวเบอร์รีที่เหลือยังไงดี
ซีเฟ่ยว่าพลางหัวเราะกับหลี่ว์ซู่ “ก็ดีแล้วที่ไม่เป็นอะไรมาก หลังนายไปรายงานกับหน่วยรักษาความปลอดภัยเรียบร้อยแล้วเดี๋ยวจะเลี้ยงข้าวเป็นการต้อนรับ”
“ได้เลย” หลี่ว์ซู่ตอบรับอย่างดีใจ ก่อนที่ทุกคนจะกลับ เขาก็แจกสตรอว์เบอร์รีกันคนละตะกร้า “อันนี้ผมปลูกไว้ที่บ้านครับ ทุกคนเอาไปสิ เอาไปแจกที่บ้านกินด้วย”
พวกชาวบ้านใจหายใจคว่ำ บ้านแกมีแต่กุยช่ายไม่ใช่เรอะ พูดอะไรออกมาเนี่ย!
[ได้แต้มจากหลิวเผิงเซิง +666!]
[ได้แต้มจาก…]
…
ขณะนั้น ที่บ้านบนถนนหลิวไห่ในเมืองหลวง เนี่ยถิงนั่งอยู่บนหินแล้วเปิดอ่านเอกสารในมือ รายละเอียดในเอกสารนี้เกี่ยวข้องกับอนาคตของหลี่ว์ซู่
สือเสวจิ้นถือชามข้าวต้มอยู่ข้างๆ เนี่ยถิง แล้วอยู่ๆ เขาก็หัวเราะขึ้นมา “พวกกลุ่มเทพเจ้าบอกว่าอยากเป็นพันธมิตรด้วย ถามมาทุกวันเลยว่าใครรับผิดชอบหน้าที่ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่ม พวกเขาอยากคุยด้วย ถ้าพวกเราไม่ส่งคนไป พวกเขาจะมาคุยกับเราด้วยตัวเอง”
เนี่ยถิงนวดขมับก่อนตอบ “หลังจากหลี่ว์ซู่กลับมา เขาไม่ได้โทรหาจงอวี้ถังเลยสักครั้ง เขาน่าจะตัดใจเรื่องเข้ามหาวิทยาลัยแล้วล่ะ ตอนนี้น่าจะกำลังอยากเพาะปลูกอะไรอย่าสงบๆ แล้วล่ะมั้ง”
“เพาะปลูกเพาะงั้นเหรอ” สือเสวจิ้นหัวเราะ “ผมก็อยากกลับบ้านเกิดไปทำแบบนั้นบ้างเหมือนกันถ้าไม่ได้ยุ่งมากขนาดนี้ แต่เขามีเวลาเหรอ เขาต้องฝึกด้วยนี่”
“เขามีตราแผ่นดินอยู่ในมือนี่ อยากทำอะไรก็แล้วแต่เขาเลย อยากปลูกทองก็ยังทำได้ ไม่ได้พูดเกินจริงด้วย” สีหน้าเนี่ยถิงหม่นไป เขาเอ่ยต่อ “เมื่อคืนระดับพลังจิตวิญญาณบริเวณบ้านของหลิวหลี่แปลกไป แม้แต่พืชที่อยู่แถวคฤหาสน์ก็แปลกไปจนทำให้คฤหาสน์พังลงมา นี่เหมือนกับที่เคยเกิดที่สถานที่ฝึกของเจียงซู่อีตอนนั้น ต้องเป็นฝีมือหลี่ว์ซู่แน่ เขาคงต้องการให้หลิวหลี่แข็งแกร่งขึ้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตราแผ่นดินอยู่ในมือเขาแล้ว”
“แน่นอนว่าพวกหน่วยรักษาความปลอดภัยไม่ได้ผลประโยชน์อะไร แต่พวกเขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้อยู่แล้ว พวกเขาสนใจแต่กำจัดปีศาจและสัตว์ประหลาด แต่ถ้าคุณคิดว่าอยากจะช่วยเขาหาผลกำไรเพิ่มโดยการส่งเขาออกไปนอกประเทศเพื่อทำภารกิจล่ะก็ ผมกลัวว่าเราจะเจ๊งกันก่อน” สือเสวจิ้นพูดอย่างสบายใจแม้สถานการณ์จะไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก
“สถานการณ์ในต่างประเทศตอนนี้ไว้ใจไม่ได้เลย มีเงาของปรมาจารย์หุ่นเชิดอยู่ทุกที่ มารโลหิตก็ดูเหมือนจะกลับมาแข็งแกร่งอย่างรวดเร็วด้วย” เนี่ยถิงขมวดคิ้ว “เครือข่ายฟ้าดินต้องการคนที่จะมารับผิดชอบหน้าที่การระหว่างประเทศ ฉันอยากเห็นว่าเขาจะไปต่อได้นานอีกแค่ไหน”
“อย่าเพิ่งย่ามใจไป” สือเสวจิ้นพูดขณะกลืนข้าวต้มที่เหลือเข้าปาก “เรื่องนี้ถ้าเป็นคนอื่นผมไม่กล้าพูดมากเท่าไหร่หรอก แต่ถ้าเป็นหลี่ว์ซู่ละก็งานนี้มีนอกแผนกันบ่อยแน่”
เนี่ยถิงเลิกคิ้วขึ้นทันที เขาแสดงท่าทีใจเย็นออกมา เขารู้สึกว่าเขาค่อยๆ สูญเสียการควบคุม เรื่องที่หลี่ว์ซู่ทำสองวันที่ผ่านมาก็ไม่ใช่วีรกรรมธรรมดาๆ เลย
เขาอดคิดไม่ได้ว่าการที่เขาเอาหลี่ว์ซู่เข้าไปไว้ที่หน่วยรักษาความปลอดภัยนี่เป็นเรื่องถูกต้องหรือไม่
…
คืนนั้นหลี่ว์ซู่พาเสี่ยวอวี๋กับเจ้ากระรอกไปปฏิบัติภารกิจอีกรอบ ก่อนที่จะออกเดินทางกัน เขาถึงกับต้องชมเจ้ากระรอกว่าทำดีมาก เพราะเจ้ากระรอกไปก่อกวนครอบครัวนั้นจนได้แต้มอารมณ์มามากมาย…
เขาไม่สามารถเล่นงานจนถึงขั้นฆ่าแกงคนได้ แต่พอหลี่ว์ซู่คิดว่าเขาวางแผนจะสร้างฐานชั่วคราวที่นี่แล้ว เขาก็ต้องทำให้พวกเขารู้เสียบ้างว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร
เรื่องอื่นหลี่ว์ซู่อาจจะไม่เชี่ยวชาญ แต่เรื่องนี้ขอบอกเลยว่าเขาน่ะเป็นปรมาจารย์!
หลี่ว์ซู่เดินอย่างวางมาด คืนนี้พวกชาวบ้านได้รับบทเรียนแล้ว พวกเขาอยู่ในฟาร์มแล้วปลูกสตรอว์เบอร์รีไปตามปกติ แต่พอเจ้ากระรอกเดินผ่านชาวบ้านที่กำลังเฝ้ายามปกป้องเรือนกระจกอยู่ พวกเขาก็ถูกทำให้สลบไปทีละคน
ยุคสมัยนี้ คนธรรมดาจะต่อต้านพลังของพวกผู้บำเพ็ญได้ยังไงล่ะ
หลี่ว์ซู่หยุดตรงเรือนกระจกของหลิวเผิงเซิง แต่พอพวกเขาเข้าไปในเรือนกระจกก็กลับพบว่ามีป้ายป้ายหนึ่งปักตระหง่านอยู่ มันเขียนไว้ว่า ‘ในเรือนกระจกนี้จะมีสตรอว์เบอร์รีหนึ่งลูกที่ถูกอาบยาพิษไว้’
ฮ่าๆ ตลกมาก หลี่ว์ซู่โกรธขึ้นมา แต่เขาไม่สามารถหยุดหัวเราะได้ เขาจะไม่เอาสตรอว์เบอร์รีจากครอบครัวนี้ไปแม้แต่ลูกเดียวเลย เขาเขียนเติมป้ายเข้าไป ‘ตอนนี้มีสองลูกที่อาบยาพิษละ’
วันรุ่งขึ้นหลิวเผิงเซิงตื่นมาพบป้ายที่ถูกเขียนเติม เขาแทบลมจับ ไอ้โจรนี้ไร้ศีลธรรมจริง! เขาไม่เคยเจอโจรใจหยาบทรามแบบนี้มาก่อนเลย!
[ได้แต้มจากหลิวเผิงเซิง +999!]