ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ - ตอนที่ 598 ความบอบช้ำทางจิตของหลี่ว์ซู่
ตอนที่ 598 ความบอบช้ำทางจิตของหลี่ว์ซู่
หากมองในมุมเฉินจู่อาน หลี่ว์ซู่ถือว่าหายตัวไปนานเหมือนกัน และในเวลาที่เขาหายตัวไปนั้นก็มีอสนีบาตสีม่วงแปลกตาปรากฏขึ้น เห็นได้ชัดว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นใต้ดินนั่นแน่
“ไปดูกันเร็ว! รีบไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นตรงนั้น” เฉินจู่อานพาคนไปดูบริเวณที่สายฟ้าฟาดลงไป ถ้าหลี่ว์ซู่โดนฟ้าผ่าเปรี้ยงเข้าใส่จริงๆ พวกเขาก็อาจช่วยทันเวลาก็ได้…
จากที่เฉินจู่อานเคยได้ยินมา ปกติแล้วสายฟ้าจะไม่ผ่าลงมาที่มนุษย์ แต่อิงตามความเชื่อของจีน หากทำความผิดร้ายแรงมาก็อาจถูกสายฟ้าฟาดตายเอาได้ แล้วเฉินจู่อานก็รู้สึกว่าหลี่ว์ซู่เป็นคนประเภทนั้นเสียด้วย… ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงสงสัยแล้วว่าทำไมฟ้าไม่ผ่าหลี่ว์ซู่สักที แต่ในที่สุดสิ่งนี้ก็เกิดขึ้นแล้วสินะ…
กลุ่มยอดฝีมือของเครือข่ายฟ้ารีบวิ่งไปที่จุดเกิดเหตุ ในขณะเดียวกันหลี่ว์ซู่ก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้น สายฟ้าที่ฟาดลงมาเมื่อกี้ถึงกับทำให้หินกลายเป็นฝุ่นผงเล็กๆ ได้
จากสายตาของหลี่ว์ซู่ เขาเห็นอสนีบาตสีม่วงนั้นผ่าลงมาคล้ายรูปมังกร
“อะไรน่ะ” หลี่ว์ซู่อารมณ์เสีย “ฟ้าลงโทษงั้นเหรอ!”
เขาจะลืมเรื่องนี้ได้อย่างไร ตำนานก็บอกกันมาว่ามังกรแบบนั้นจะถูกส่งมาเป็นบทลงโทษของสวรรค์ แต่หลี่ว์ซู่ไม่เชื่อเรื่องตำนานพวกนี้เลยไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ ยังไงก็ไม่มีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นกับเขาอยู่แล้วนี่
แต่แล้วเขาก็จำได้ขึ้นมาว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น เขาเรียกไห่กงจื่ออกมาเพื่อคุยด้วย ทำไมถึงยอมไม่ปล่อยให้เจ้านั่นพูดให้จบประโยคนะ?!
แต่มันจบแล้วล่ะ จบสิ้นแล้ว ถึงหลี่ว์ซู่จะแกร่งแค่ไหนแต่เขาก็ทนสายฟ้าทรงพลังแบบนี้ไม่ได้หรอก…
ในชั่วขณะนั้น เสาสีทองเปล่งแสงออกมาสว่างไสว ลำแสงนั้นพุ่งขึ้นไปยังอสนีบาตและปะทะกัน!
มีเสียงฟาดกันดังสนั่นราวกับว่าเสียงนี้ดังขึ้นมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เสาค่อยๆ พังทลายลงไปทีละต้น หนึ่ง สอง สาม สี่ แล้วเสาทั้งหมดก็ถูกทำลายร่วงหล่นลงไป!
ตอนที่เสาพวกนั้นพังร่วงลงมา หลี่ว์ซู่เห็นกับตาว่ามีวิญญาณอยู่ในเสาแต่ละต้น พวกมันเป็นวิญญาณของวิหคสีทอง ทั้งยิ่งใหญ่และสวยงาม ทว่าวิหคเหล่านั้นถูกอสนีบาตทำลายล้างไปเสียแล้ว
ในคราวแรกหลี่ว์ซู่ก็รู้สึกว่าตัวเขานั้นถูกขังไว้และไม่มีทางหลบหนี แต่พออสนีบาตสีม่วงนั้นทำลายเสาสีทองไปเป็นจุณไปก็ดูเหมือนว่ามันจะอ่อนแอลงมาก!
ตูม!
หลี่ว์ซู่เกือบโดนสายฟ้าฟาด ทว่าเขาไม่ใช่คนที่จะปล่อยตัวเองให้ถูกจับง่ายๆ หรอก เขาหยิบน้ำเต้าม่วงทองออกมาจากตราแผ่นดินแล้ววางไว้บนหัว สายฟ้าจะได้ฟาดลงมาที่น้ำเต้าก่อน เขาใช้มันเป็นสิ่งกำบัง!
น้ำเต้าม่วงทองถึงกับงง
หากอสนีบาตผ่าลงมา มันก็จะต้องผ่าลงมาที่น้ำเต้าม่วงทองก่อนจะมาโดนตัวหลี่ว์ซู่ กระบี่บินพุ่งออกจากน้ำเต้าม่วงทองออกไปที่สายฟ้า เขาไม่มีตัวเลือกแล้ว ถ้าไม่โจมตีไปที่สายฟ้านั่น เขาก็คงเป็นฝ่ายถูกโจมตีก่อน!
ถ้าไม่มีสายฟ้าฟาดอยู่ตรงหน้า น้ำเต้าม่วงทองก็คงจะโจมตีเข้าไปที่เจ้าของของมันเองแล้ว!
หลี่ว์ซู่เองก็ต้องโจมตีกลับเหมือนกัน เขาบังคับกระบี่บินสองเล่มขึ้นไปหวังจะตัดสายฟ้าให้ขาด ดาบเฉิงอิ่งในมือเขาฟันอากาศฉับโดยไม่ลังเล แล้วทันใดนั้นอากาศก็เริ่มบิดเบี้ยว
มีเสียงดังขึ้นมา จากนั้นก็เงียบไป หลี่ว์ซู่ที่กำลังงุนงงอยู่ได้ยินเสียงคนตะโกนอยู่ข้างบน “พี่ซู่! พี่ซู่โดนสายฟ้าฟาดเหรอพี่ซู่!”
หลี่ว์ซู่ที่นอนแผ่บนพื้นลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ และมองดูดวงจันทร์ผ่านหลุมข้างบน “เปล่า เข้าใจผิดแล้ว…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบก็เกิดเหตุฟ้าผ่าเปรี้ยงเสียงดังตามมา หลี่ว์ซู่รีบลุกขึ้น แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น…
“ฮ่าๆ” หลี่ว์ซู่หัวเราะเสียงเย็น
เขาลงไปนอนแผ่อีกครั้งด้วยความสลดใจ เขาเกือบเอาชีวิตไม่รอดแล้ว มิน่า ไห่กงจื่อถึงได้บอกว่ามังกรนั้นควบคุมยาก
เมื่อก่อนเจ้าโกลาหลนั้นควบคุมง่ายแสนง่าย มาตอนนี้ก็น่าประทับใจจริง มันทำให้เขาโดนฟ้าผ่าเอาซะได้
หลี่ว์ซู่รู้สึกเสียดายเสาสีทองที่พังทลายไปเหมือนกัน ถ้าเขาเก็บมันไว้เองได้ เขาก็คงได้ใช้วิหคสีทองตอนที่เขาเลื่อนเป็นระดับ A แล้ว
เขามองดูตราแผ่นดิน น้ำเต้าม่วงทองของเขากลายเป็นสีดำไหม้ ขนาดกระบี่บินที่อยู่ข้างในยังเป็นสีดำด้วยเลย ราวกับกับว่ากระบี่บินรู้ว่าหลี่ว์ซู่เข้าตาจนสุดๆ แล้วถึงพยายามโจมตีออกไปแบบนั้น…
เฉินจู่อานโยนเชือกลงไป แล้วเฉินเฮ่าก็ตรึงเชือกไว้ขณะที่เฉินจู่อานโปรยตัวลงไปในหลุม เฉินจู่อานสังเกตเห็นว่ากิ้งก่ากินคนถูกกำจัดไปหมดแล้ว เพราะเขาไม่เห็นวี่แววเลยสักตัว ขนาดเสาสีทองยังสลายกลายเป็นฝุ่นผงแล้วเลย
เพราะฉะนั้นเฉินจู่อานจึงคาดว่าไม่มีอะไรอย่างอื่นเหลืออยู่ในหลุมแล้วนอกจากหลี่ว์ซู่ เขากะว่าจะหาข้ออ้างให้หลี่ว์ซู่ แต่ในนี้ไม่มีใครเลยนอกจากหลี่ว์ซู่เอง ถ้าสายฟ้าไม่ได้พุ่งเป้าไปที่หลี่ว์ซู่แล้วมันจะพุ่งเป้าไปที่ใครอีกล่ะ…
“พี่ซู่ ต่อไปนี้ทำตัวดีๆ นะ อย่าโดนสายฟ้าฟาดอีกล่ะ” เฉินจู่อานพูดเสียงหนักแน่น
“ไสหัวไป” หลี่ว์ซู่ที่นั่งอยู่บนพื้นอารมณ์เสียเต็มที เขาไม่มีแรงแล้ว ลุกขึ้นยังไม่ได้เลย
เฉินจู่อานมัดหลี่ว์ซู่ติดไว้กับหลังแล้วปีนเชือกขึ้นไป เขาเอ่ยถาม “พี่ซู่ ข้างล่างนี้ยังมีกิ้งก่ากินคนอยู่ไหม”
แต่พูดกันจริงๆ แล้วเฉินจู่อานนั้นเคารหลี่ว์ซู่มาก นอกจากเฉินไป่หลี่ที่เป็นอาจารย์และราชันฟ้าเนี่ยแล้วก็มีหลี่ว์ซู่นี่แหละที่เขาเคารพ หลี่ว์ซู่อาจจะโดนสายฟ้าฟาดอย่างไม่มีที่มาที่ไป แต่เขาก็รอดชีวิตมาได้ถึงจะโดนจนอ่วมก็เถอะ…
เฉินจู่อานแน่ใจว่าว่าหลี่ว์ซู่คงไปทำอะไรมาแน่ๆ ถึงได้โดนสายฟ้าฟาดแบบนี้ แต่ในเมื่อหลี่ว์ซู่ไม่ได้พูดอะไรเขาก็ไม่อยากถามต่อ เฉินจู่อานรู้ว่าถ้าเป็นเขาเอง เขาก็คงไม่น่ารอด…
ไม่แน่หลี่ว์ซู่อาจจะมาเล่าการผจญภัยใต้ดินให้เขาฟังเองก็ได้
พอเฉินจู่อานเอาหลี่ว์ซู่ขึ้นมาบนพื้นได้แล้ว จู่ๆ ก็มเกิดเสียงฟ้าผ่าตามมาอีก หลี่ว์ซู่มองขึ้นไปบนฟ้าและเห็นอสนีบาตอยู่หลังก้อนเมฆ เขารีบตะโกน “วิ่งเร็ว! จะไม่ยอมจบง่ายๆ ใช่ไหม!”
เฉินจู่อานรีบวิ่งออกไปอย่างแตกตื่น ตอนมาถึงที่นี่ มีเฉินจู่อานกับเฉินเฮ่าแค่สองคนเท่านั้น แต่ตอนนี้พวกเขาสามคนต้องวิ่งเพื่อเอาชีวิตตัวเองให้รอดในทะเลทรายนี้
แล้วสุดท้าย…ฝนก็ตกลงมา เป็นฝนปรอยๆ ที่ร่วงหล่นลงมาในทะเลทรายแห่งนี้ เสียงฟ้าผ่านั่น…เป็นเพียงฟ้าผ่าธรรมดาๆ เท่านั้น
หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าอายุสั้นลงไปอีกปีครึ่ง เขาคงหลอนเสียงฟ้าผ่าไปอีกนาน ฮ่าๆ …
หลี่ว์ซู่นอนแผ่ร่างในเต็นท์ ใบหน้าของเขาดำปี๋ เขาดูเหมือนคนที่เพิ่งดัดผมมา เป็นผลจากการโดนฟ้าผ่าเข้าไป…
แล้วเขาจะเข้าไปในโบราณสถานในเวลาแบบนี้ได้อย่างไร สภาพแบบนี้ดูท่าจะต้องพักสองถึงสามวันกว่าร่างกายจะกลับมาฟื้นฟูเต็มที่ เขาน่าจะเติมพลังดาบรัศในช่วงเวลานี้ได้ เขามานี่ก็เพื่อเข้าไปในโบราณสถาน แต่กลายเป็นว่าต้องมาเจ็บตัวก่อนเข้าไปเสียอีก
ก็ได้แต่หวังว่าโบราณสถานจะไม่ปิดไปก่อนในเร็วๆ นี้นะ แต่หลี่ว์ซู่ก็ไม่เสียใจเท่าไหร่แล้วล่ะ เขาได้อะไรกลับคืนมาอย่างงามแล้ว
และในขณะนั้น หลี่ว์ซู่ก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าต้นแบบกระบี่ทั้งหมดทุกเล่มของเขาในทะเลแห่งพลังนั้นมีสายฟ้าสีม่วงพันอยู่รอบๆ!