ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ - ตอนที่ 744 เรื่องเบื้องหลังเผ่ามังกร
หลังจากที่หลี่ว์ซู่ใส่กระบี่เฉิงอิ่งเข้าไปในช่องแล้ว เขาก็มองเนี่ยถิงและไห่กงจื่อพูดกันด้วยสีหน้าไม่ใส่ใจ จากนั้นไห่กงจื่อก็หันมามองแล้วพูดว่าเขาเป็นเจ้าของกระบี่เฉิงอิ่ง เขาควรเป็นคนตัดสินใจว่าจะเปิดประตูดีหรือไม่
นี่มันเรื่องอะไรกัน หลี่ว์ซู่พูดไม่ออกเลย ไม่มีใครบอกว่าการเป็นเจ้าของกระบี่เฉิงอิ่งจะมีความรับผิดชอบมากมายขนาดนี้มาก่อน โยวหมิงอวี่ก็แค่เอามาให้เขา ตอนนั้นเนี่ยถิงก็บอกให้เขาใจเย็นด้วย แต่ไม่มีใครบอกว่าให้ใจเย็นเรื่องอะไร
ทำไมเขาจะต้องรับหน้าที่ตัดสินใจเรื่องใหญ่ขนาดนี้แบบไม่ทันตั้งตัวด้วย
หลี่ว์ซู่อารมณ์เสีย “ทำไมไม่ไปคุยกันเองล่ะครับ จะมาเอาผมไปเกี่ยวด้วยทำไม ทำไมไม่บอกผมก่อน อธิบายมาหน่อยสิครับว่าเรื่องหลัวหนานนั่นมันอะไรกัน แล้วทำไมมังกรถึงถูกสะกดให้อยู่ที่นี่”
หลี่ว์ซู่ไม่เชื่อว่าเนี่ยถิงไม่มีส่วนรู้เห็นอะไรกับเรื่องนี้ที่ว่าถ้าไม่มีกระบี่เฉิงอิ่งประตูก็จะไม่เปิด เนี่ยถิงอยากจะเอาเขามาที่นี่เพื่อเป็นกุญแจและเอามาเป็นเหยื่อล่อแน่ๆ!
แล้วมังกรตัวนั้นโดนสะกดเพราะกระบี่เฉิงอิ่งงั้นเหรอ
ตอนนี้ไม่มีใครพยายามซ่อนความจริงสักคน หลี่ว์ซู่เคยปลอมตัวเป็นคนอื่นมาหลายครั้ง เขารู้ได้เลย
ฮุ่นตุ้นกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในตราแผ่นดิน เหมือนกับว่ามีของกินที่มันจะต้องกินให้ได้อยู่ หลี่ว์ซู่กำลังคิดว่าจะเอาฮุ่นตุ้นออกมาอย่างไรดีโดยที่คนอื่นๆ ไม่เห็น หลี่ว์ซู่ไม่อยากให้ทุกคนรู้ว่าเขามีมังกรผานหลงอยู่กับตัว
ไห่กงจื่อมองหลี่ว์ซู่ “เอามังกรร้ายตัวเล็กนั่นออกมาเถอะ ข้างในนั่นมีสิ่งดีๆ รอมันอยู่ ก็มันกล้าจะเปลี่ยนตัวเองเป็นมังกรแล้วนี่ มันก็สมควรได้รับสิ่งนั้นไป”
เนี่ยถิงประหลาดใจและมองหลี่ว์ซู่ “งั้นการลงทัณฑ์จากสวรรค์เกิดขึ้นก็เพราะงูเปลี่ยนเป็นมังกรงั้นเหรอ!”
หลี่ว์ซู่ตอบ “พูดเรื่องอะไรกันเนี่ยครับ ผมไม่เห็นเข้าใจเลย”
ขณะที่พูดหลี่ว์ซู่ก็จะให้ไห่กงจื่อกลับเข้าไปในกระบี่เฉิงอิ่ง แต่ไห่กงจื่อก็พูดอย่างใจเย็น “ไม่ต้องหลบซ่อนอีกแล้ว มันเป็นมังกรร้ายสีดำยาวสิบเมตร ชื่อของมันก็คือฮุ่นตุ้น”
หลี่ว์ซู่ก้มหาของในตราแผ่นดิน “…เอ ถั่วแขกผมไปไหนนะ”
พูดอะไรออกมาเนี่ย!
[ได้รับแต้มจากไห่กงจื่อ +567]
“เอ๋าเสี่ยนก็คงรู้สึกเหมือนถูกสวรรค์ลงทัณฑ์เหมือนกัน การลงทัณฑ์จากสวรรค์ไม่เกิดขึ้นมานานแล้ว เพราะฉะนั้นเขาเลยควบคุมมนุษย์และไปเจอเบาะแสว่าเจ้ามีฮุ่นตุ้นอยู่กับตัว เขาเลยอยากใช้มันมาเพื่อฟื้นคืนจิตวิญญาณของเขา”
หลี่ว์ซู่อึ้งไปเลย “แล้วทำไมท่านไม่ทำแบบเดียวกันล่ะครับ”
ทันใดนั้นก็มีบรรยากาศเย่อหยิ่งแผ่ออกมาจากไห่กงจื่อ “เอ๋าไห่คนนี้จะไม่มีวันทำเรื่องต่ำช้าแบบนั้น ฮุ่นตุ้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา แล้วข้าจะเอาร่างของมันมาใช้ประโยชน์ส่วนตนได้อย่างไร”
หลี่ว์ซู่อึ้ง ถึงแม้ว่าไห่กงจื่อจะวิจารณ์การใช้กระบี่ของเขาบ่อยๆ แถมยังเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำอย่างหนัก เขาก็เป็นคนแบบที่หลี่ว์ซู่ไม่ค่อยได้เจอเท่าไหร่ เขาภาคภูมิและซื่อตรง และเขาก็มีเอกลักษณ์ที่ชัดมากจริงๆ
“แล้วมังกรทำอะไรไว้ล่ะครับ” หลี่ว์ซู่ถาม คำถามแรกของเขายังไม่ได้คำตอบเลยนะ!
“ข้าตอบไม่ได้” เอ๋าไห่ตอบเสียงเรียบ
หลี่ว์ซู่เงียบ “…ฮ่าๆ ฟังคำนักปราชญ์ก็เหมือนเสียเวลาไปสิบนาทีสินะครับ…”
[ได้รับแต้มจากเอ๋าไห่ +133]
มีเรื่องอื่นๆ ที่เขาบอกไม่ได้อีกใช่ไหม ตอนนั้นหลี่ว์ซู่ก็เคยถามหลี่เสียนอีเกี่ยวกับปรมาจารย์หุ่นเชิด แต่หลี่เสียนอีก็ไม่ยอมบอกเขา ตอนนี้เขาก็มาเจอมังกร และเอ๋าไห่ก็ไม่บอกอะไรเขาเหมือนกัน
เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับปรมาจารย์หุ่นเชิดหรือเปล่านะ
พูดกันตามจริงแล้วหลี่ว์ซู่กังวลอยู่ เพราะสุดท้ายมูลนิธิก็มีระดับ A เพียงคนเดียว แต่มีปรมาจารย์หุ่นเชิดถึงสองคนด้วยกัน เขารู้ว่ามูลนิธิกำลังติดตามเบาะแสของปรมาจารย์หุ่นเชิด แต่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามูลนิธิตามเจอปรมาจารย์หุ่นเชิดหรือยัง มีเรื่องอะไรที่เขาไม่รู้หรือเปล่า
เนี่ยถิงเลิกคิ้วขึ้น “เปิดประตูซะ”
หลี่ว์ซู่มองเนี่ยถิง เขาซ่อนมีดอยู่ใต้ผ้าคลุมจริงๆ ด้วย เขาหันไปพูดกับไห่กงจื่ออย่างใจเย็น “เปิดประตูเถอะ”
ไห่กงจื่อชี้ไปที่กระบี่เฉิงอิ่ง และกระบี่นั้นก็สั่นเหมือนระลอกน้ำ
ปัง! ประตูถูกยกขึ้นจากพื้น
แล้วทั้งหุบเขามรณะก็เริ่มสั่นไหวไปหมด เฉินจู่อานยืนอยู่ข้างหลี่ว์ซู่อย่างเชื่อฟัง เขาไม่ได้พูดหรือกระดิกตัวเลย เขากลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเขา ทุกคนที่อยู่ที่นี่เป็นตัวเป้งกันหมด เขาพูดแทรกอะไรเข้าไปในการพูดคุยนี้ไม่ได้เลย
หลังจากที่ประตูถูกเปิดออกจนสุด เนี่ยถิงก็เดินเข้าไป
มีแท่นบูชาขนาดใหญ่อยู่ในถ้ำ และชายชรากำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่น เมื่อหลี่ว์ซู่เห็นเขาก็ตกตะลึง “แท่นมังกร!”
ตอนที่หลี่ว์ซู่เข้าไปในโบราณสถานหลัวปู้พัวเขาก็เคยเห็นแท่นมังกรนี้มาก่อน แท่นมังกรที่เขาเห็นตอนนั้นเล็กกว่านี้มาก แต่แท่นที่เห็นในตอนนั้นก็สามารถชุบชีวิตทหารเกราะทองแดงในทะเลได้ถึงพันๆ นาย
แต่ทำไมถึงได้มีแท่นมังกรที่คล้ายๆ กันอยู่ที่นี่ล่ะ
ชายชราคนนั้นลืมตามาดูหลี่ว์ซู่ “อย่าตัดสินอะไรจากภายนอก เจ้ารู้จักแท่นมังกรนี้เหรอ เจ้า…”
“เดี๋ยวก่อนครับ!” หลี่ว์ซู่พูดแทรกชายชรา “อย่าตัดสินอะไรจากภายนอกเกี่ยวอะไรกันครับ หน้าผมมีอะไรแปลกเหรอครับ บอกผมที”
[ได้รับแต้มจากเอ๋าเสี่ยน +666]
หลี่ว์ซู่จะจริงจังมากเกินไปหรือเปล่า เขาแค่พูดขึ้นมาอย่างนั้นเอง!
ไห่กงจื่อและเนี่ยถิงมองหลี่ว์ซู่อย่างใจเย็น เฉินจู่อานอ้าปากค้างด้วยความตกใจ หลี่ว์ซู่คิดแบบนั้นได้อย่างไรกัน…
หลี่ว์ซู่ยังคิดอะไรออกอีก และเขาก็กล่าวบางอย่างออกไป “ต่อเลยครับ”
เอ๋าเสี่ยนที่นั่งอยู่บนแท่นมังกรมองเนี่ยถิง ไห่กงจื่อ หลี่ว์ซู่ และเฉินจู่อานอย่างใจเย็น…เมื่อกี้เขาจะพูดอะไรนะ
เอ๋าเสี่ยนรู้สึกเหมือนกำลังถูกไม้ตีหัว และอารมณ์ก็สับสนปนเปไปหมด…
“ท่านลุง ท่านคิดว่าในที่สุดวันนี้จะมาถึงหรือเปล่า” ไห่กงจื่อถาม เอ๋าเสี่ยนเป็นลุงของไห่กงจื่อจริงๆ เขาพูดต่อ “ก่อนนั้นท่านกวาดล้างเผ่ามังกรและมนุษย์ไปหมดเพื่อเอามาสร้างแท่นมังกรให้เผ่าโบราณอี๋ และท่านจะได้ความอมตะจากพวกเขาเป็นข้อแลกเปลี่ยน แต่ท่านไม่เคยคิดละสิว่าจะต้องพึ่งแท่นมังกรจวบจนลมหายใจสุดท้ายของท่าน”
ครั้งนี้หลี่ว์ซู่ตกใจมากจริงๆ เอ๋าเสี่ยนฆ่าเผ่าพันธุ์ตัวเอง ถึงว่าไห่กงจื่อถึงไม่ยอมเคลื่อนไหวใดๆ
เอ๋าเสี่ยนตอบกลับอย่างใจเย็น “ก่อนหน้านี้พลังจิตวิญญาณถดถอยไปมาก กำลังของเราก็ลดน้อยลงเช่นกัน ถึงข้าไม่ทำอย่างนั้นพวกเขาก็จะต้องตายอยู่ดี”
“สุดท้ายแล้วทุกคนล้วนตายกันทั้งนั้น” ไห่กงจื่อตอบ “ข้าเข้าใจว่าท่านอยากมีชีวิตยืนยาว แต่ข้าให้อภัยท่านที่ฆ่าพวกเขาไม่ได้”
หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าโลกนี้เป็นโลกที่แตกต่างไปจากตำนานที่มนุษย์สร้างขึ้น เขาไม่รู้เรื่องเอ๋าเสี่ยนมาก และเขาก็ไม่รู้เรื่องในช่วงพลังจิตวิญญาณถดถอยด้วย
ข้อมูลที่เขาได้รับมาก็คือโลกนี้เคยเต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างมันกลับหายไปเสียอย่างนั้น