ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ - ตอนที่ 778 ขอโทษทีที่รบกวน ลาล่ะ
ระหว่างที่หลี่ว์ซู่สอนก็มีคนยกหัวขึ้นมาแล้วพูดว่า “อาจารย์ผมอยากรู้ว่าตอนที่คุณฆ่าคนครั้งแรกรู้สึกตื่นเต้นไหม”
ตอนนี้ทุกคนเริ่มเรียกหลี่ว์ซู่ว่าอาจารย์โดยไม่รู้ตัว ก็หมายความว่านักศึกษาเหล่านี้เริ่มยอมรับเขาแล้ว
ไม่ต้องสนว่าทุกคนยังคิดสงสัยในฐานะการเป็นอาจารย์ของหลี่ว์ซู่อยู่หรือเปล่าหรือว่าวันหลังหลี่ว์ซู่จะสามารถบรรยายการสอนระดับสูงได้ไหมแต่ตอนนี้ทุกคนรู้สึกว่าวันนี้หลี่ว์ซู่สอน…ใช้ได้!
“ตื่นเต้นซิ” หลี่ว์ซู่คิดก่อนพูด “คนที่ฉันฆ่าคนแรกก็คือสายลับที่ชื่อฉางเหิงเยว่ เย็นวันนั้นฉันนั่งอยู่ที่นนเขาของโบราณสถานเป่ยหมังทั้งคืนจนถึงเช้าถึงจะปลงได้ว่าหนทางบนโลกนี้เมื่อเจอกับศัตรูถ้าไม่ใช่เขาตายก็คือเราม้วย ตอนนั้นฉันยังไม่คิดจะฆ่าแกงกันแต่ก็ลงมือฆ่าคนตายไปแล้ว แต่ต่อมาฉันเข้าใจแล้วว่ายุคนี้ไม่มีคนหนีไปได้”
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋นั่งฟังเงียบๆ อยู่ข้างล่างราวกับหลังจากหลี่ว์ซู่กลับจากโบราณสถานเป่ยหมังเขาก็ปล่อยให้เธอบำเพ็ญและให้เธอต่อสู้แม้กระทั่งที่โบราณสถานทะเลสาบเกลือชากาก็พาเธอไปด้วย
ในตอนนั้นหลี่ว์ซู่พูดกับเธอว่า ยุคนี้ที่ทุกคนต้องเผชิญ หลี่ว์เสี่ยวอวี๋กลับไม่สนใจ แต่ตอนนี้หลี่ว์ซู่เกรงว่าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋จะไม่มีพลังที่สามารถรับมือกับยุคนี้ได้จึงแข็งใจให้เธอได้เจอกับการต่อสู้
แต่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็ไม่ได้สนใจ หลี่ว์ซู่คิดมากไปเอง ไม่รู้ทำไมเธอถึงไม่ปฏิเสธเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่เกิดและพร้อมสู้เพื่อหลี่ว์ซู่ตลอดเวลา
หลี่ว์ซู่เตรียมจะเลิกเรียนแล้วทันใดนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งยกมือขึ้นถาม “อาจารย์มีแฟนหรือยัง เคยมีหรือเปล่า เป็นโสดมานานไหม”
หลี่ว์ซู่นิ่งไป “เป็นโสดมานานไหม เธอกำลังถามอายุฉันอยู่หรือเปล่า”
แล้วทุกคนก็หัวเราะพร้อมกันดังครืน เป็นการตอบคำถามที่สุดยอดเลย
ในบางครั้ง อารมณ์ขันของอาจารย์ก็สามารถช่วยให้นักศึกษามีความรู้สึกที่ดีกับอาจารย์
หลี่ว์ซู่สอนจบคาบแล้ว ครั้งแรกในชีวิตที่เป็นอาจารย์ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าสอนเป็นอย่างไรบ้างแต่เมื่อเขาพูดว่าเลิกเรียนทุกคนต่างตบมือให้เขา
เสียงตบมือไม่ได้ดังสนั่นถึงขนาดที่คนเป็นหมื่นนับถือ หลี่ว์ซู่เองก็ไม่ได้มีความสามารถถึงขนาดให้คนยอมศิโรราบแค่สร้างความยอมรับและเห็นด้วยให้แก่ทุกคน
หลังเหตุการณ์นี้ ในเว็บบอร์ดจึงมีวลีเด็ดออกมา 2 ประโยค ทุกคนโพสต์ชื่นชมคำพูดของหลี่ว์ซู่
ประโยคแรก นักบุญเคยออกรบหรือ ถ้าเคยออกรบป่านนี้เขาถูกฆ่าตายไปนานแล้ว
ประโยคที่สอง ในสงครามอาวุธที่สำคัญที่สุดไม่ใช่สติปัญญาของพวกนายและไม่ใช้อาวุธในมือแต่มันคือความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวที่จะเดินหน้าต่อ
ทันใดนั้นเอง นักศึกษามากมายถึงกับเปลี่ยนข้อความบอกนิสัยเป็นคำเหล่านี้ ด้วยความหวังที่เต็มเปี่ยมทั้งหัวใจว่าสักวันหนึ่งตนเองจะได้เข้าสู่สนามรบและมีความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวอย่างเช่นหลี่ว์ซู่
แต่ทุกคนก็ไม่ได้ครุ่นคิดอะไร คอรัลนั่งมองหลี่ว์ซู่ตาเป็นประกายอยู่ท่ามกลางฝูงชน เขาคนนั้นคือคนที่เธอชอบ
วัยรุ่นหนุ่มคนนี้ยืนอยู่สอนอยู่หน้าคนนับหมื่นในตอนนี้ โดดเด่นเป็นประกายราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า
แต่เธอก็รู้สึกกังวลอยู่เล็กน้อยความรักของศิษย์อาจารย์ไม่เป็นที่ยอมรับยิ่งในวัฒนธรรมของต่างประเทศถือว่าเป็นเรื่องต้องห้ามด้วยซ้ำ และในประเทศจีนก็เช่นกัน
เหล่านักศึกษาต่างโพสต์แสดงความรู้สึกของการเรียนในวันนี้ลงเว็บบอร์ดของวิทยาลัย รูปแบบประโยคพื้นฐานก็คือ “ถ้าฉันได้ออกรบเหมือนกับใต้เท้าหลี่ว์จะต้อง..”
และในตอนที่อารมณ์กำลังพรั่งพรูทันใดทุกคนก็สังเกตเห็นหลี่ว์ซู่ส่งข้อความในกรุป “ความกล้าหาญคือ เมื่อคุณยังไม่เริ่มต้นก็รู้ว่าตนเองจะแพ้แต่คุณยังลงมือทำต่อและไม่ว่าอย่างไรต้องทำมันให้ถึงที่สุดคุณอาจจะแทบไม่มีโอกาสชนะแต่มันก็ยังมีโอกาสอยู่”
ทุกคนเห็นข้อความนี้ก็ตกใจกัน ใต้เท้าหลี่ว์ทำไมดูจริงจังขึ้นมาอย่างนี้หรือว่าไปกดปุ่มเปิดนิสัยความเป็นอาจารย์ คำพูดของเขาฟังดูมีเหตุผลมีมากเลย
ทุกคนเห็นข้อความนั้นก็สูดหายใจเข้าลึก นี่มันสัจธรรมชีวิตแน่หรือ
หลี่ว์ซู่ส่งข้อความจริงจังสลับกับข้อความไม่สมเหตุสมผลแบบนี้ทำเอาทุกคนไม่รู้ว่าจะอันเฟรนด์เขาดีไหม
ภาพลักษณ์อาจารย์ที่อุตส่าห์สร้างสมมาตั้งแต่บ่ายกลับพังพินาศลง
ส่วนหลี่ว์ซู่นั้นกลับรู้สึกว่าในที่สุดก็หาที่ที่เขาได้แสดงสัจธรรมของชีวิตที่ตนได้สรุปมาเสียที! อุปสรรคใหญ่ที่สุดในตอนนี้ก็คือจำนวนเพื่อที่ถูกจำกัด หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าเขาต้องสมัครบัญชีอีกอันแล้วเพิ่มกลุ่มคนที่เหลือเป็นเพื่อนให้หมด
ถ้าทำแบบนี้นักศึกษาเหล่านั้นก็จะไม่มีทางพลาดสัจธรรมของเขาไปได้ แล้วหนทางในชีวิตของพวกเขาก็จะเดินทางได้ลำบากน้อยลง!
ในทันนั้นเองหลี่ว์ซู่ก็ได้รับข้อความหนึ่ง ไอดีอันนั้นเขาจำได้เป็นพ่อค้าในเวยป๋อตอนนั้นหลี่ว์ซู่ต้องการได้แต้มอารมณ์จึงเพิ่มพ่อค้าเป็นเพื่อนไปด้วยแต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าพ่อค้าคนนี้ส่งอะไรมาให้เขา
เมื่อเปิดดูแล้วพ่อค้าคนนั้นเขียนว่า “วันๆ ส่งแต่โพสต์อะไรมาก็ไม่รู้ ฉันเป็นพ่อค้าไม่ได้มีเพื่อนเยอะเท่าของเธอ ขออันเฟรนด์นะ บ๊ายบาย”
หลี่ว์ซู่เห็นก็ไม่พอใจถูกพ่อค้าขออันเฟรนด์มันรุ้สึกอย่างนี้นี่เอง! ทำเอาหลี่ว์ซู่แทบจะไปลากคนนั้นออกมาเลย! เขารับการกระทำแบบนี้ไม่ไหว!
ในเย็นวันหนึ่งหลี่ว์ซู่ส่งข้อความลงในกรุปเพื่อนไปพร้อมอ่านเว็บบอร์ดวิทยาลัยไปที่เข้าไปอ่านเว็บบอร์ดวิทยาลัยเขาก็แค่อยากจะรู้ว่าทุกคนชมเขาเวลาสอนอย่างไร…
เสี่ยวซยงสวี่แบกหนักสือเรียนกลับเข้ามาอย่างเงียบๆ หลี่ว์ซู่เงยหน้ามองมัน “การบ้านทำเสร็จหรือยัง จะออกไปเล่นหรือ”
เสี่ยวซยงสวี่รีบเขียนว่า “เขียนเสร็จแล้ว เขียนเสร็จแล้ว!”
“อืม ไปเถอะ” หลี่ว์ซู่ก้มดูมือถือต่อ “ช่วงนี้ข้างนอกวุ่นวายมากเลย เล่นสิบนาทีก็กลับมาได้แล้วนะ”
[ได้แต้มจากเสี่ยวซยงสวี่ +299!]
สิบนาทีพอทำอะไรที่ไหน อีกอย่างต่อให้ข้างนอกจะวุ่นวายแค่ไหนจะสู้อันตรายเท่าที่บ้านได้อย่างไร แต่เสี่ยวซยงสวี่ก็ไม่ได้เถียงอะไร เย็นนี้มันออกไปเพราะมีจุดประสงค์บางอย่าง
มันรีบออกไปที่ลานบ้านตรงไปยังตึกที่คอรัลอาศัยอยู่
เสี่ยวซยงสวี่แอบมุดเข้าไปใต้กำแพงและก็ใช้พลังควบคุมฝัน ขนสีม่วงบนกระหม่อมของมันย่อมนั้นประกายแสงสีม่วงออกมาเข้มขึ้นมาในย่ามค่ำคืน
แต่ดูเหมือนเสี่ยวซยงสวี่จะเจออุปสรรคอะไรบางอย่างทำให้ไม่สามารถใช้พลังควบคุมฝันกับอีกฝ่ายได้
ที่จริงเสี่ยวซยงสวี่ไม่ได้คิดจะทำอะไรหรอก มันก็แค่ได้ยินมาว่าหญิงสาวคนนี้ความจำเสื่อมไปจึงอยากมาดูว่าจริงหรือเปล่า
แต่แล้วมันกลับคาดไม่ถึงว่าปณิธานจิตวิญญาณของอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ตนเองทำให้อีกฝ่ายหลับและเข้าไปในโลกแห่งความฝันไม่ได้
ทันใดนั้นเองเหมือนว่าอีกฝ่ายจะลดการป้องกันลงและให้เสี่ยวซยงสวี่เข้าสู่โลกแห่งความฝัน เสี่ยวซยงสวี่มองผู้หญิงตรงหน้าที่แทบไม่ได้รับผลของพลังของมันเลยในโลกแห่งความฝัน แล้วเธอยังดูมีสติครบถ้วนและยิ้มมองมาที่มัน
เสี่ยวซยงสวี่รู้ว่าตัวเองถูกจับได้แล้ว จึงรีบแกล้งโง่แล้วพูดว่า “พี่ใหญ่ต้องการคอยน์ไหม”
คอรัลอึ้งไปครู่หนึ่ง “คอยน์ไว้ใช้ทำอะไรหรือ”
“เติมเงินแล้วทำให้พี่แข็งแกร่งไง!” เสี่ยวซยงสวี่ตอบกลับอย่างจริงจัง
คอรัลคิดอยู่สักพัก “งั้นเติมยี่สิบล้านละกัน”
เสี่ยวซยงสวี่ “???”
ในชีวิตมันไม่เคยเจอคนที่รับมือยากในความฝันขนาดนี้เลย “ไม่มีคอยน์เยอะขนาดนั้นหรอก ขอโทษที่มารบกวน ลาละ”
แต่แล้วเสี่ยวซยงสวี่พบว่าตนเองไม่สามารถออกจากโลกแห่งความฝันได้ คอรัลก็หัวเราะเบาแล้วพูดว่า “อย่าเพิ่งไปสิ
เธอคือกระรอกตัวนั้นของบ้านอาจารย์หลี่ว์ซู่ใช่ไหม ฉันขอถามอะไรเธอหน่อยสิ”