ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ - ตอนที่ 785 บทของหลี่ว์ซู่
การแข่งขันระหว่างวิทยาลัยได้รับความสนใจอย่างมาก นักเรียนทุกคนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากราวกับว่าความล้มเหลวในการแข่งขันจะนำความอัปยศมาสู่วิทยาลัยอันเป็นที่รักของพวกเขา
ขนาดคนที่ไม่เข้าร่วมยังรู้สึกแบบเดียวกันเลย พวกเขาจะเฉลิมฉลองความสำเร็จด้วยความสุขและจะรู้สึกเศร้ามากถ้าแพ้ขึ้นมา
บางคนคาดหวังว่าวิทยาลัยของพวกเขาจะรักษาตำแหน่งแชมป์ไว้ได้ตลอดปีการศึกษา เพียงที่พวกเขาจะได้แนะนำตัวเองในฐานะศิษย์เก่าของ ‘วิทยาลัยแชมป์เปี้ยน’ ได้อย่างภาคภูมิใจ เมื่อพวกเขาไปทำงานที่เครือข่ายฟ้าดินในอนาคต
นอกจากนี้ทีมทุกทีมจะมีคนที่ได้รับการแต่งตั้งให้รายงานความคืบหน้าต่อวิทยาลัยที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับข้อมูลของทีมอื่นๆ ตลอดจนสถานการณ์ปันจุบันในการแข่งขัน และเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ ก็จะได้รับข้อมูลใหม่อยู่เสมอแม้จะอยู่ห่างไปหลายพันไมล์ก็ตาม
ทุกวิทยาลัยจะมีเครื่องแบบของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่นวิทยาลัยของเฟิงเยี่ยหมิงจะเป็นสีแดงสด เมื่อใส่สีนี้แล้วทุกคนในทีมก็จะมีคนจำได้ง่ายๆ และเป็นขวัญกำลังใจที่ดีด้วย เหมือนกับว่าพวกเขากำลังตะโกนอย่างภูมิใจว่าพวกเขามาจากวิทยาลัยที่เขาภูมิใจ
อีกอย่างเครื่องแบบของพวกเขาก็มีตราสัญลักษณ์พิมพ์อยู่ข้างหน้า ซึ่งสะกดว่า ‘ความกระตือรือร้น’ และ ‘ชัยชนะ’
เมื่อทั้งหกทีมมารวมตัวกันที่วิทยาผู้บำเพ็ญลั่วเสินแล้ว ผู้เข้าแข่งขันที่อยู่ใต้แสงสปอตไลท์นั้นดูราวกับว่าพวกเขาเป็นคนดังก็ไม่ปาน เพื่อนนักศึกษาต่างพูดเรื่องข้อมูลส่วนตัวของพวกเขา อย่างเช่น ใครเป็นระดับ C ขั้นสูง และใครปะทุพลังการควบคุมอากาศ และใครสามารถปล่อยการระเบิดจากระยะไกลเพื่อโจมตีร่วมกับผู้ที่ใช้มีดบินได้
และหลังจากนั้นก็จะเป็นเรื่องอายุของพวกเขา ความสูง น้ำหนัก งานอดิเรก มีแฟนมาแล้วกี่คน เลิกกันเพราะอะไร ด้วยเช่นกัน
ทันใดนั้นบรรยากาศก็เริ่มร้อนแรงขึ้นมา ในกระทู้วิทยาลัยผู้บำเพ็ญเองก็มีนักศึกษากำลังส่งโหวตให้กับคนที่พวกเขาชื่นชอบ
ในบรรดาคนทั้งหมดนั้น อู๋เฮ่าซูจากวิทยาลัยบำเพ็ญหลู่โจวและไป๋นั่วจากวิทยาลัยผู้บำเพ็ญตะวันตกเฉียงเหนือ ได้รับความนิยมมากที่สุดและพวกเขาก็ได้รับคะแนนโหวตใกล้เคียงกันด้วย
อู๋เฮ่าซูเป็นผู้ชาย และไป๋นั่วเป็นผู้หญิง แต่ทั้งสองเป็นผู้ที่มีศักยภาพระดับ A เหมือนกัน นอกจากนั้นพวกเขายังปะทุพลังที่พิเศษมากอีกต่างหาก
นอกจากนั้นพวกเขาก็มีสิ่งที่เหมือนกันอีกอย่าง ก็คือหน้าตาดีเหมือนกับไอดอล
ที่จริงแล้วพวกเขาไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุดในทีมหรอก แต่โลกนี้ตื้นเขินเหลือเกิน และพวกเขาก็สนใจแต่หน้าตา…
ในขณะเดียวกันนักศึกษาจากวิทยาลัยผู้บำเพ็ญลั่วเสินก็เป็นแค่เข้าชมธรรมดาเท่านั้น พวกเขาไม่ได้มีทีมที่เชียร์ และไม่รู้สึกว่าตัวเองจะมีส่วนร่วมมากเท่าไหร่
พูดง่ายๆ ก็คือท่านหลี่ว์ควรจะรับผิดชอบเพราะวิทยาลัยของพวกเขาโดนห้ามไม่ให้เข้าแข่งขันเพราะเขานั่นแหละ
สำหรับนักศึกษาที่นี่แล้ว พวกเขามีความสุขที่สุดในวันที่ได้เรียนการต่อสู้จริงกับท่านหลี่ว์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิชาเลือกของพวกเขา พวกเขาไม่เพียงแต่ได้รับประสบการณ์การต่อสู้ผ่านการบรรยายของเขาเท่านั้น แต่พวกเขาก็ยังได้ฟังเกี่ยวกับเรื่องซุบซิบที่น่าสนใจของหลายๆ องค์กรผ่านการเล่าเรื่องของท่านหลี่ว์อีกด้วย
ที่โบราณเกาะช้าง หลี่ว์ซู่พูดเรื่องหลักๆ เกี่ยวกับกลุ่มทวยเทพและพูดเรื่องกลุ่มเพลดจ์ด้วยเช่นกัน เขาพูดถึงเรื่องที่ผู้บำเพ็ญลับพยายามจะเอาชีวิตรอดในโลกอันโหดร้ายนี้ แน่นอนว่าเขาใช้เรื่องนี้เป็นการยกตัวอย่างไม่ให้นักศึกษาทำตาม
วันนี้เขาจะเริ่มพูดเรื่องโบราณสถานลบนัวร์ และเรื่องที่เกิดนอกโบราณสถานลบนัวร์ ชั้นเรียนของเขาจะเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมและการให้ข้อมูลไปด้วย
หลายๆ คนเข้าเรียนกับเขาเพราะสงสัยเท่านั้น แต่หลายๆ คนมาเรียนเพราะสนใจเรื่องที่หลี่ว์ซู่เอามาเล่าซึ่งเป็นเรื่องที่พวกเขาไม่ค่อยรู้เรื่องที่เกิดในโลกภายนอกนั่นมาก่อน
หลายครั้งที่หลี่ว์ซู่จะเชิญแขกพิเศษมาด้วย รวมถึงเฉิงชิวเฉี่ยว เฉินจู่อาน และเฉาชิงฉือ เพื่อมาแบ่งปันเรื่องเกี่ยวกับภารกิจที่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณชนได้
ซึ่งนั่นดึงความสนใจของนักศึกษาส่วนใหญ่ได้มาก สำหรับวัยรุ่นแล้ว แรงจูงใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขาก็คือการออกไปสำรวจโลก โลกนี้คือความอยากรู้อยากเห็นที่ไม่มีสิ้นสุด เมื่อหลี่ว์ซู่อธิบายเรื่องโบราณสถานเกาะช้างแล้ว ก็มีนักศึกษาหนึ่งคนตัดบทถามขึ้นมา “อาจารย์หลี่ว์ครับ อาจารย์เคยพูดถึงเรื่องที่กลุ่มเพลดจ์จับผู้บำเพ็ญลับมาเป็นทาสเพื่อสกัดอาวุธวิเศษที่แตกหักออกมา แต่อาจารย์ไม่ได้อธิบายว่าอาจารย์จัดการกับเรื่องนั้นอย่างไรในตอนจบ อาจารย์ปล่อยพวกเขาไปหรือเปล่าครับ หรือว่าก็แค่มองผ่านไป”
ตามที่คาดการณ์แล้วอาจารย์หลี่ว์น่าจะอยู่ข้างความยุติธรรม ซึ่งเครือข่ายฟ้าดินสนับสนุนเรื่องนี้มาเป็นเวลานาน ความกระตือรือร้นและความยุติธรรมจะต้องเป็นสิ่งที่ต้องยึดถือไว้ตลอด…
แต่ถ้าหลี่ว์ซู่ไม่ได้ทำอะไรก็เข้าใจได้เหมือนกัน สุดท้ายแล้วเขาก็แพ้ที่จำนวน และท่านหลี่ว์ก็เป็นแค่คนระดับ C ในตอนนั้น
ต่อมาเฉินจู่อานก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “อาจารย์หลี่ว์ไม่ได้เข้าไปช่วยพวกนั้นหรือมองผ่านไปหรอก เขาไปตามล่าพวกเพลดจ์และเข้าไปจับผู้บำเพ็ญลับพวกนั้นเป็นทาสเองต่างหาก…ได้ยินมาว่าผู้บำเพ็ญลับพวกนั้นยังเข้าไปในกระทู้มูลนิธิเพื่อไปบ่นเรื่องอาจารย์หลี่ว์ถึงทุกวันนี้เลยนะ”
นักเรียนทั้งหมดในห้องบรรยายตกใจกันไปตามๆ กัน อะไรกันเนี่ย
นี่ไม่ได้เป็นไปตามบทที่พวกเขาคาดกันเลยนี่! ผู้บำเพ็ญลับพวกนั้นจะสิ้นหวังกันมากขนาดไหนเนี่ย!
หลี่ว์ซู่หันไปหาเฉิงชิวเฉี่ยวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ต่อยมัน”
เฉินจู่อานอึ้งไปเลย
เฉินจู่อานลอยไปข้างหลังมากกว่าสี่เมตรได้แบบไม่ทันตั้งตัวด้วยเสียงที่ดังก้อง เฉิงชิวเฉี่ยวเอาคืนได้แล้วและได้ใส่อารมณ์กับเฉินจู่อานเข้าไปด้วย หมัดของเขาโหดร้ายมากจนทำให้เฉินจู่อานเกือบอ้วกเอาน้ำวิเศษที่ยังไม่ได้ย่อยในท้องของเขาออกมาเลย…
[ได้รับแต้มจากเฉินจู่อาน +666]
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเฉิงชิวเฉี่ยวโกรธมากเพราะเขาคิดแต่เรื่องการปะทุของเขา นักศึกษาทุกคนที่มีรายชื่ออยู่ในป้ายประกาศของวิทยาลัยนั้นเป็นธาตุไฟ ธาตุลม ธาตุดิน หรือธาตุสายฟ้า แต่เขาล่ะเป็นธาตุอะไร ก็ธาตุคาถาไง! หอยสังข์ตัวน้อย! และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือมันเป็นเพลงแบบฉบับที่เฮงซวยอีก!
เมื่อก่อนเฉิงชิวเฉี่ยวเป็นเด็กดีมาตลอดและไม่กล้าจะพูดคำหยาบด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้คาถาที่เขาต้องท่องกลับต้องทำให้เขาพูดคำหยาบคายออกไป!
กระนั้นมันก็จะเป็นทักษะที่ทรงพลังถ้าเขาสามารถสั่งการท้องฟ้าได้ แล้วเขาจะเอาไปแสดงบนเวทีได้อย่างไรกันล่ะ อีกอย่างฝ่ายตรงข้ามเขาก็ยังไม่มีใครอยู่ระดับ A เลยสักคน แปลว่ายังไม่มีใครบินได้ แล้วที่เขามีความสามารถควบคุมวัตถุที่บินได้มันจะมีประโยชน์อะไรกัน
แต่หลังจากนั้นทุกคนก็เข้าใจท่านหลี่ว์ในแบบใหม่กันหมด พวกเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมท่านหลี่ว์ถึงได้ถูกห้ามเข้าร่วมการแข่งขัน!
นักศึกษาทั้งหลายอดคิดว่าท่านหลี่ว์จะมีความลับอะไรซ่อนไว้ในเรื่องราวของเขาอีกไหมหนอ มีคนบอกว่าท่านหลี่ว์เคยเอาทองแท่งออกมาใช้เป็นไม้บรรทัดในวิชาวาดเขียน ดังนั้นเรื่องราวที่เขาได้ทองคำแท่งมานั้นจะต้องเป็นเรื่องที่เลือดเย็นพอดู!
คอรัลนั่งฟังเรื่องที่หลี่ว์ซู่เล่าอย่างเงียบๆ เธอรู้ว่าเธอเคยเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่เขาเจอมาเพราะเธอตั้งใจฟังเขาทุกคำ
แต่ก็ไม่ได้สำคัญอะไรเพราะวันหนึ่งเธอก็คงจะจำทุกอย่างได้เอง และหลี่ว์ซู่ก็จะไม่ลืมเรื่องไหนไปเลยด้วย
ในตอนที่วิทยาลัยผู้บำเพ็ญที่อื่นๆ กำลังยุ่งอยู่กับเตรียมการเพื่อแข่งขันระหว่างวิทยาลัยอยู่นั้น นักศึกษาวิทยาลัยลั่วเสินก็ได้รับอภิสิทธิ์มานั่งฟังเรื่องราวและได้ใช้ชีวิตการเรียนในวิทยาลัยราวกับว่าไม่มีอะไรพิเศษๆ เกิดขึ้น