ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ - ตอนที่ 788 เฟิงเยี่ยหมิงผู้เสกสรรโลก
หลี่ว์ซู่คิดว่าเฟิงเยี่ยหมิงเป็นอัจฉริยะที่ถูกซ่อนอยู่ในวงการอีสปอร์ต เขาคิดไว้ว่าเฟิงเยี่ยหมิงเป็นคนชอบเล่นเกมที่ต้องยอมสละความฝันการเป็นเกมเมอร์มืออาชีพเพื่อมาเป็นราชันฟ้า
ตอนที่หลี่ว์ซู่เจอเขาครั้งแรก หลี่ว์ซู่เห็นว่าเขาถือเมาส์และคีย์บอร์ดสีชมพูสดไปไหนต่อไหนนั้นดูเป็นมืออาชีพและมั่นใจในตัวเองมาก
แต่หลี่ว์ซู่ไม่คิดว่าเขาจะคาดเดาผิดไปหมด!
เอาเข้าจริงแล้วเขาก็ไม่ได้คุ้นกับการเล่นเกมมากเท่าไหร่ เขาเลยบอกไม่ได้ว่าทักษะการเล่นเกมของเฟิงเยี่ยหมิงนั้นได้มาตรฐานหรือเปล่า แต่หลี่ว์ซู่ก็พอมีความรู้เกี่ยวกับการเล่นเกมมาบ้าง อย่างเช่นการป้องกันพื้นที่ราบสูง เขาเรียนรู้เรื่องนี้มากจากเฉินจู่อานและเฉิงชิวเฉี่ยว และก็เคยเห็นพวกเขาเล่นในแลปมาก่อนด้วย
แต่เฟิงเยี่ยหมิงไม่ได้เล่นตามเกมเลย เขาเดินไปทั่วขณะที่เพื่อนร่วมทีมของเขากำลังป้องกันพื้นที่ราบสูงกันอย่างยากลำบาก หลี่ว์ซู่เห็นแล้วงงมาก…
หลี่ว์ซู่อยู่ดูเกมสองตา และเห็นว่าเฟิงเยี่ยหมิงเล่นอะไรไม่รู้อยู่คนเดียว ทำให้เพื่อนร่วมทีมแพ้ไปสองตาติด เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมราชันฟ้าคนนี้ถึงโดนเพื่อนด่า ถ้าเป็นหลี่ว์ซู่เล่นด้วยเขาก็คงจะบ่นเหมือนกัน…
แต่เฟิงเยี่ยหมิงนั้นเป็นคนใจเย็น เขาไม่ถือโทษที่โดนด่าเลย พอเขาเห็นหลี่ว์ซู่เขาก็รีบยืนขึ้นและเก็บอุปกรณ์ต่างๆ ของเขา แล้วเขาก็พูดกับเพื่อนนักศึกษาคนอื่นๆ “เดี๋ยวฉันไปละ พวกนายเล่นต่อกันเลย”
นักศึกษาคนอื่นๆ ก็เห็นหลี่ว์ซู่เหมือนกัน พวกเขาก็เลยเข้าใจแล้วว่าเฟิงเยี่ยหมิงถึงอยากออกเกมเพราะหลี่ว์ซู่ หลี่ว์ซู่เชื่อว่าถ้าเฟิงเยี่ยหมิงมีระบบหลังบ้านเหมือนกัน เขาคงได้แต้มความสุขเป็นพันแต้มแน่ๆ เพียงเพราะเขาออกจากเกมและทำให้คนอื่นๆ มีโอกาสชนะได้
ขณะที่เฟิงเยี่ยหมิงเดินมาหาหลี่ว์ซู่ หลี่ว์ซู่เลยถามไป “คุณรู้จักผมด้วยเหรอครับ”
“ก็อยากรู้จักท่านหลี่ว์อยู่เหมือนกัน แต่ไม่เคยเห็นรูปของนายเลย แล้วฉันก็รู้ด้วยว่านายจะพูดกับฉันก่อน” เฟิงเยี่ยหมิงอธิบายพร้อมกับยิ้มกว้าง เขาพูดความจริงทุกอย่าง เขาไม่รู้ว่าหลี่ว์ซู่มีหน้าตาเป็นอย่างไรมาก่อนและเขาก็ได้แต่ยิ้มให้อย่างสุภาพ ต่อมาคำพูดที่แสนจะไม่มีใครเหมือนของหลี่ว์ซู่ทำให้เขาต้องเก็บเป็นความลับไว้
ตอนนี้ข้อมูลของหลี่ว์ซู่นั้นเป็นความลับระดับสูงสุด ขนาดเฟิงเยี่ยหมิงยังเข้าไปดูไม่ได้เลย เขาได้แต่เดาเท่านั้นว่าหลี่ว์ซู่ตะมีนิสัยอย่างไร แต่ข้อมูลเท่านี้ก็คงไม่พอหรอก…
เหมือนกับในกรณีของนักร้องทั้งหลายที่ผู้คนจะจำได้ก็ต่อเมื่อพวกเขาอ้าปากร้องเพลงออกมา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยเห็นนักร้องคนนั้นมาก่อนก็ตาม
หลี่ว์ซู่เองก็มีบางอย่างเหมือนกับนักร้องพวกนั้น ปกติแล้วก็จะรู้เองเมื่อเขาเข้ามาพูดด้วยก่อน
หลี่ว์ซู่ถามอย่างสงสัย “เห็นว่าเพื่อร่วมทีมคุณบ่นใหญ่ คุณไม่ว่าอะไรจริงๆ เหรอครับ”
เฟิงเยี่ยหมิงตอบอย่างใจเย็น “ทุกคนก็มีชีวิตของตัวเอง ทำตามจังหวะชีวิตของตัวเอง และเราก็ไม่ควรหยุดทำอะไรเพราะกังวลว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรด้วย”
“อ๋อ เข้าใจแล้วครับ คุณก็เลยแกล้งพวกเขาเล่นใช่ไหม” หลี่ว์ซู่ยังรู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย “แล้วคุณไปปะทุพลังมายังไงครับเนี่ย ก็คุณเป็นเกมเมอร์นี่…”
เฟิงเยี่ยหมิงถอนใจ “ฉันมองเกมแตกต่างไปจากที่พวกเขามอง เเพื่อนในทีมเลยชอบด่าฉันตอนเล่นด้วยกัน หลายๆ คนขู่ว่าจะอัดฉันด้วย เพราะงั้นฉันก็เลยต้องปะทุพลังเพื่อการป้องกันตัวเองและเพื่อความรักที่มีต่อเกมด้วย”
หลี่ว์ซู่อึ้งไป
เหตุผลนี้มันอะไรกันเนี่ย ล้อเล่นกันแน่ๆ! งั้นสร้างศัตรูตอนเล่นเกมมากี่คนแล้วล่ะ
นายคนนี้ยังสติดีอยู่ไหมนะ ทำไมทำเหมือนกับว่าเขาต้องปะทุพลังเพราะไม่มีทางอื่นอีกแล้วด้วยเนี่ย
แต่หลี่ว์ซู่แอบสังเกมว่าที่เฟิงเยี่ยหมิงพูดมาก็ฟังดูเข้าที “เดี๋ยวก่อนนะ ไม่ยักรู้นะครับว่าคุณเป็นผู้มีพลังด้วย”
“ฉันเป็นผู้มีพลังนี่แหละ ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญ แต่ไม่ใช่ผู้มีพลังแบบ 100% หรอก” เฟิงเยี่ยหมิงตอบด้วยรอยยิ้มใจเย็น
หลี่ว์ซู่สงสัยนิดหน่อย “แล้วทำไมคุณไม่ฝึกบำเพ็ญล่ะครับ”
“เสียเวลาน่ะสิ แค่คนไม่มาหาเรื่องก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ แต่เอาจริงๆ ตอนกลางคืนก็ฝึกเหมือนกันนะ เพราะมันเป็นเวลาเหมาะที่จะเล่นเกมมากเลยน่ะสิ!” เฟิงเยี่ยหมิงอธิบายด้วยสีหน้าจริงจัง
หลี่ว์ซู่รู้สึกตกใจที่ได้รู้ความคิดของผู้ชายคนนี้ เขาไม่ฝึกบำเพ็ญเพราะว่าเสียเวลาเล่นเกมงั้นเหรอ
“คุณปะทุพลังออกมาธาตุไหนครับ” หลี่ว์ซู่ถาม
“ผู้มีพลังเสกสรร” เฟิงเยี่ยหมิงตอบ เขายิ้มอย่างถ่อมตัวและสุภาพ เหมือนกับว่าเขาได้รับการอบรมมาดี
หลี่ว์ซู่เพิ่งเคยเจอผู้มีพลังเสกสรรเป็นครั้งแรกในจีนเลย เขาถามต่อ “แล้วคุณเสกอะไรได้บ้างล่ะครับ”
ว่ากันว่าผู้มีพลังเสกสรรนั้นเป็นธาตุที่อ่อนแอที่สุด เพราะธาตุที่พวกเขาเสกขึ้นมาไม่ได้แข็งแกร่งเท่าคนธาตุนั้นๆ แต่จอห์นสันของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋เองก็เสกร่างปลอมของหลี่ว์ซู่ได้ ซึ่งทำให้ความสามารถของเขามีประโยชน์มากขึ้น แต่เฟิงเยี่ยหมิงล่ะ เขาจะต้องแข็งแกร่งมากๆ ถึงมาเป็นราชันฟ้าได้แน่ๆ เลย
“ฉันเสกสกิลที่เคยใช้ในเกมได้หมดเลยล่ะ” เฟิงเยี่ยหมิงยิ้ม “เอามาใช้ในชีวิตจริงได้ดีเลยนะ”
ในขณะที่พูดอยู่นั้นก็มีเงาโผล่ออกมาจากฝ่ามือของเขา กระนั้นคลื่นพลังงานที่ปล่อยออกมานั้นทรงพลังกว่าการโจมตีของระดับ B ธรรมดามาก ตอนนี้หลี่ว์ซู่รู้แล้วว่าเรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาเหมือนที่เฟิงเยี่ยหมิงอธิบายไว้ เฟิงเยี่ยหมิงไม่ได้เลียนแบบโลกเสมือนจริงแต่เขากลับจัดระเบียบโลกใหม่ และเขาก็สร้างสกิลขึ้นมาภายใต้กฎเหล่านั้น เพื่อก้าวข้ามระดับพลังของตัวเอง และตอนนี้เขาก็ได้รับพลังที่มีอยู่ในเกมแล้ว
และหลี่ว์ซู่ก็เข้าใจแล้วว่าข้อได้เปรียบของผู้มีพลังเสกสรรนั่นคือความสามารถในการเสกระบบโลกใหม่ทั้งหมดขึ้นมานั่นเอง!
หัวของหลี่ว์ซู่เต้นตุบๆ ขณะที่กำลังย่อยข้อมูลขนาดใหญ่นี้ เกมเมอร์คนนี้ได้รับพรสวรรค์ที่ซ่อนมากับตัวเขานั่นเอง อีกอย่างเขาได้แสดงให้เห็นถึงพลังที่แท้จริงของความสามารถของตัวเองแล้วด้วย และหลี่ว์ซู่ก็คิดว่าชายหนุ่มคนนี้มีพลังที่แข็งแกร่งอย่างไม่อาจจินตนาการได้เลย
แต่เขามีอีกคำถามผุดขึ้นมาในหัว แล้วค้นพบเส้นทางใหม่สำหรับผู้มีพลังเสกสรรได้หรือเปล่า หรือนี่จะเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเครือข่ายฟ้าดินถึงได้เก็บความสามารถของเฟิงเยี่ยหมิงไว้เป็นความลับมาตลอดกันนะ
ตอนนั้นเองมีนักศึกษาคนหนึ่งตะโกนมาจากทางด้านหลังของร้านเกม “ราชันฟ้าเฟิง ราชันฟ้าเฟิงอวิ๋นลู่พี่ชายของคุณอยากจะสู้ตัวต่อตัวกับคุณน่ะ เขาบอกด้วยนะว่าคุณสู้เขาไม่ได้หรอก”
เฟิงเยี่ยหมิงได้ยินอย่างนั้นเขาก็มีสีหน้าโกรธจัด “เวรเอ๊ย! บอกเขาไปเลยนะว่าให้สร้างห้องรอเลย! เดี๋ยวจะไปเหยียบให้แบนแน่!”
จากนั้นเฟิงเยี่ยหมิงก็รีบวิ่งกลับไปที่เก้าอี้ของเขาขณะที่ถือเมาส์และคีย์บอร์ดอยู่ในมือ…
หลี่ว์ซู่พูดไม่ออกเลย…
หลี่ว์ซู่เคยลองดูรายชื่อของราชันฟ้ามาก่อน เขาสงสัยว่าเฟิงเยี่ยหมิงและเฟิงอวิ๋นลู่เป็นญาติกันหรือเปล่าเพราะนามสกุลเหมือนกัน และตอนนี้การคาดเดานั้นก็ถูกต้อง พี่น้องสองคนนี้ได้รับมอบหมายให้ไปอยู่คนละที่กัน เฟิงเยี่ยหมิงอยู่ในเมืองซานโจวและหลู่โจว แต่พี่ชายของเขาไปอยู่ที่เมืองเหมิงโจว…
แล้วทำไมราชันฟ้าถึงได้มีพี่น้องเกมเมอร์สองคนนี้ด้วยนะ พวกเขาดูจะไม่สนใจโลกเลย แถมกลายเป็นผู้เล่นหัวร้อนตอนเล่นเกมกันเสียอย่างนั้น…
แล้วเฟิงอวิ๋นลู่จะเป็นผู้มีพลังเสกสรรเหมือนกันหรือเปล่านะ!
หลี่ว์ซู่เล่าเรื่องนี้ให้หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ฟังว่าไปเจอคนน่าสนใจมาหลังจากเขามาถึงบ้านแล้ว จากนั้นเขาก็ถามเธอว่า “อยากเล่นเกมบ้างมั้ย ดูเหมือนว่าผู้มีพลังสายเสกสรรจะเก่งเกมกันนะ”
แต่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ปฏิเสธกลับอย่างไร้เยื่อใย “ไม่เอาอะ ขอผ่าน”