ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ - ตอนที่ 816 ฉันจะรอทุกคนไปเอาชัยชนะกลับมา
เหล่าองค์กรต่างประเทศคิดว่าเครือข่ายฟ้าดินจะยอมแพ้เพราะกองกำลังได้ล่าถอยไปในวันที่เนี่ยถิงเดินทางมาถึงค่าย พวกเขาประหลาดใจที่ทหารของเครือข่ายฟ้าดินผู้กล้าและไม่กลัวตายพวกนี้กำลังถอยหนี
แต่ผู้มีพลังจากองค์กรใหญ่อื่นๆ ไม่คิดว่าเรื่องจะจบง่ายขนาดนั้น เพราะทุกคนได้เห็นความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของสมาชิกเครือข่ายฟ้าดินแล้ว พวกเขาคงจะไม่ถอยไปเพราะหวาดกลัวแน่นอน
สงครามบนภูเขาจั่งไป๋ผ่านไปได้ครึ่งเดือนแล้ว แม้ว่าองค์กรต่างชาติจะหยิ่งผยองขนาดไหน แต่พวกเขาก็ไม่กล้าจะดูถูกความสามารถของเครือข่ายฟ้าดิน พวกผู้บำเพ็ญในป่าพวกนั้นบ้าคลั่งสุดๆ พวกเขาเข้าสู้ประชิดตัวกับผู้มีพลังธาตุต่างๆ แบบไม่เกรงกลัว และพวกเขาพร้อมจะยอมสละชีวิตเพื่อช่วยสหายร่วมรบด้วย
ผู้บำเพ็ญต่างชาติเกือบจะเห็นภาพหลอนของไฟที่ลุกโชติช่วงในใจของสมาชิกเครือข่ายฟ้าทุกคนเลยทีเดียว
เนี่ยถิงยืนเอามือไพล่หลังอยู่กลางค่าย เขามองเกราะทองแดงกว่าสองหมื่นชุดตรงหน้า เกราะพวกนี้นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นราวกับว่ารอให้เจ้าของกลับมาหาพวกมัน
ห่าวจื้อเชา โยวหมิงอวี่ เฟิงเยี่ยหมิง และคนอื่นๆ ยืนล้อมปกป้องเนี่ยถิงอยู่เงียบ ๆ
จากนั้นยอดฝีมือของเครือข่ายฟ้าจึงตรงมาที่เกราะทองแดงเพื่อนำไปสวมใส่ ทุกคนมีตำแหน่งของตัวเอง กลุ่มที่เพิ่งจะล่าถอยออกมาจากป่ารีบเดินเข้ามาค่ายและสวมเกราะทองแดงของตัวเอง
ตอนนี้ค่ายคลาคล่ำไปด้วยผู้คน เนี่ยถิงมองภาพระลอกทะเลทองแดงที่ทอดยาวตรงหน้า
ผู้บำเพ็ญของเครือข่ายฟ้าดินแตกต่างจากผู้มีพลังจากองค์กรต่างประเทศเพราะพวกเขาได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี พวกเขาดูตัวสูงใหญ่อย่างกับภูเขาหลังจากที่สวมชุดเกราะทองแดงแล้ว ทุกคนเดินเข้าไปประจำที่อย่างเรียบร้อย และแม้แต่ระยะห่างระหว่างพวกเขาก็ราวกับถูกวัดด้วยไม้บรรทัด
ทุกคนยืนสงบนิ่ง แต่คนที่สวมเกราะนั้นรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเป็นไฟที่แผดเผา เพราะมันร้อนจนจะไหม้ไปถึงท้องฟ้าได้อยู่แล้ว
เนี่ยถิงพูดออกมาอย่างใจเย็น “บรรพบุรุษของเราลุกขึ้นสู้ ให้เราได้ปกป้องบ้านเกิดของเราด้วยกระบี่ที่ถือในมือ ทุกคนไม่ได้กำลังสู้เพื่อฉัน แต่สู้เพื่อตัวเอง ครอบครัว และบรรพบุรุษที่หลับใหลอยู่ในสุสาน ฉันจะรอทุกคนไปเอาชัยชนะกลับมาให้ได้”
เนี่ยถิงพูดด้วยน้ำเสียงใจเย็นแต่ดังก้องกังวานไกลออกไป
แล้วท้องทะเลทองแดงก็กู่ร้องกลับมา
“ใครหน้าไหนที่ล่วงเข้ามาในเขตแดนเราจะต้องตาย!”
“ใครหน้าไหนที่ล่วงเข้ามาในเขตแดนเราจะต้องตาย!”
“ใครหน้าไหนที่ล่วงเข้ามาในเขตแดนเราจะต้องตาย!”
ระลอกทะเลทองแดงหันหลังกลับและมุ่งหน้าไปที่ป่าในภูเขาจั่งไป๋แล้ว พวกเขาเป็นเหมือนระลอกคลื่นที่กำลังจะพัดป่าให้ราบด้วยจิตสังหารอันแรงกล้า
ในความเป็นจริงแล้ว ทางที่ดีที่สุดที่เครือข่ายฟ้าจะต้องใช้ก็คือการรุดไปข้างหน้าเพื่อหาตำแหน่งที่เหมาะสมในการต่อสู้กับศัตรู เพราะถ้ายังการต่อสู้อยู่ในระหว่างภูเขาและป่าจะทำให้องค์กรต่างประเทศได้เปรียบกว่า
ถ้าพวกเขาสามารถกำหนดแนวรบและเปลี่ยนขบวนรบได้ พวกเขาก็จะต่อสู้ได้ง่ายขึ้น แต่ผู้บำเพ็ญของเครือข่ายฟ้าดินไม่ได้คิดถึงวิธีที่ง่ายกว่า พวกเขาไม่ได้หวังจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบในสงคราม แต่พวกเขาแค่ต้องปกป้องดินแดนบ้านเกิดในทุกๆ ตารางนิ้วเท่านั้น
ความเป็นความตายไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ใครหน้าไหนที่ล่วงเข้ามาในเขตแดนเราจะต้องตาย และนี่แหละคือสิ่งสำคัญที่แท้จริง
ผู้มีพลังจากองค์กรใหญ่ต่างประเทศพยายามรุกคืบมาข้างหน้าอย่างระมัดระวัง เป้าหมายของพวกเขาคือดันทัพมาด้านหน้าไปทางตะวันตกของแนวกระบี่ และควบคุมพื้นที่นั้นไว้
องค์กรพวกนี้รู้เรื่องการสังหารหมู่ที่แม่น้ำขั้นบันไดแล้ว เพราะฉะนั้นพวกเขาก็เลยส่งกลุ่มทหารที่ดีที่สุดเพื่อแก้ตัว พวกเขาหวังว่าจะล้อมผู้บำเพ็ญของเครือข่ายฟ้าดินได้ที่แนวป้องกัน
แต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงฝีเท้าที่ดังเหมือนฟ้าฝ่าจากที่ไกลๆ เสียงฝีเท้าพวกนั้นเข้าใกล้พวกเขามาอย่างรวดเร็ว มันไม่เหมือนกับจังหวะของการล่าสัตว์ในป่า เพราะปกติแล้วทุกคนจะเดินกันอย่างระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงการโดนซุ่มโจมตี
แล้วตินนั้นเองก็มีทหารเกราะทองคำจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏตัวขึ้นมาระหว่างต้นไม้ พวกเขาเคลื่อนไหวเข้าจังหวะกันอย่างดีเหมือนกับเป็นคนคนเดียวกัน
เสียงนั้นดังเหมือนทหารกว่าหนึ่งพันนายมุ่งหน้าเข้ามาทางพวกเขา ระลอกทะเลทองแดงกำลังจะเอาชนะศัตรูอย่างง่ายดายแล้ว!
พวกผู้บำเพ็ญเห็นอย่างนั้นก็ใช้ความสามารถของตนเองโจมตีอย่างตื่นตกใจ แต่ก็มาเห็นทีหลังว่าชุดเกราะทองแดงนั้นเป็นอาวุธเวทมนตร์ และชุดเกราะนั้นก็สามารถปัดป้องการโจมตีของธาตุต่างๆ ได้!
ก่อนที่พวกเขาจะทันได้หาวิธีโจมตีต่อไป พวกทหารเกราะทองแดงก็ปรากฏอยู่ที่ด้านหน้าของพวกเขาแล้ว มีทหารใส่เกราะทองแดงตัวสูงใหญ่คนหนึ่งพุ่งเข้ามาหา ทหารพวกนี้สวมชุดเกราะทองแดงที่ดูน่าเกรงขามและดูเหมือนอาวุธสังหารเคลื่อนที่ได้
“ตายซะ!”
ทหารในชุดเกราะทองแดงสุดแข็งแกร่งเข้าไปฟันหัวของผู้มีพลังออกเป็นสองส่วน!
ผู้มีพลังคนอื่นๆ พยายามจะเข้าไปล้อมฆ่าทหารเกราะทองแดงคนนั้น แต่เขาก็ได้เตรียมส่งมีดบินเข้าไปโจมตีอีกรอบแล้ว!
ทหารคนนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องการบาดเจ็บเลยเพราะมีเกราะทองแดงป้องกันตัวอยู่ เขาพุ่งเข้าใส่ขบวนรบของศัตรู ราวกับว่าเป็นกระบี่แห่งเปลวเพลิงและพุ่งเข้าใส่คู่ต่อสู้ให้แหลกเป็นชิ้น ๆ
มีหลายองค์กรจากต่างประเทศรู้ว่าเครือข่ายฟ้าดินได้เกราะนี้มาอย่างไร เพราะลำพังจะให้เอาเกราะใส่คลังไร้รูปของเฉินไป่หลี่ก็คงไม่พอ เพราะฉะนั้นข้อมูลเรื่องเกราะที่ได้จึงรั่วไหลออกไปเป็นธรรมดา
แต่ไม่มีใครคิดว่าเครือข่ายฟ้าดินจะเอาเกราะมาใช่ที่นี่ พวกเขาใช้เกราะเพื่อเปลี่ยนสถานการณ์ในสงครามนี้
หลายกลุ่มได้ยินเสียงดังวุ่นวายจึงรีบออกมาดู แต่เมื่อพวกเขาเห็นเกราะทองแดงแล้วพวกเขาก็ต้องหันหลังกลับไป ทหารคนหนึ่งที่อยู่ในเกราะทองแดงตัวใหญ่หัวเราะออกมาเสียงดัง “เฉินจู่อานอยู่นี่แล้ว ใครกล้าเข้ามาสู้ฉันก็มา!”
เมื่อเฉินจู่อานกล้าหาญขนาดนั้นจึงทำให้ไฟในใจของพวกผู้บำเพ็ญจากเครือข่ายฟ้าดินแผดเผามากขึ้นเรื่อย ๆ
เฟิงเยี่ยหมิงและเฟิงอวิ๋นลู่ราชันฟ้าพี่น้องได้ร่วมกลุ่มกัน พวกเขาไม่ได้ใส่เกราะทองแดง แต่พวกเขาวิ่งไปอย่างอิสระในป่า กลุ่มทหารทองแดงพร้อมจะโจมตีได้ทุกเมื่อ และทั้งกลุ่มก็เหมือนหัวลูกศรที่พุ่งเข้าไปในป่า
ราชันฟ้าทั้งสองได้ใช้วิธีแปลกๆ มากมาย ผู้บำเพ็ญเครือข่ายฟ้าดินที่เคยเล่นเกมเห็นว่าพวกเขาได้ใช้กลยุทธ์จากการเล่นเกมในสงครามครั้งนี้
อยู่ๆ ระลอกทองแดงก็ต้องต่อสู้กับอีกหลายกลุ่ม พวกเขาได้ยินเฟิงอวิ๋นลู่ตะโกนออกมาว่า “เดมาเซีย!”[1] จากนั้นกระบี่เล่มใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในมือของเขาและพุ่งเข้าใส่ศัตรูอย่างไม่รีรอ…
ก่อนที่เฟิงอวิ๋นลู่จะได้เข้าไปใกล้พวกเขานั้น เฟิงเยี่ยหมิงก็ดุพี่ชายที่ทำตัวบ้าบิ่น “ใจร้อนชะมัด” จากนั้นเขาก็ตะโกนว่า “เดมาเซีย!” และพุ่งไปข้างหน้าเช่นกัน…
พวกเขามีกลยุทธ์อีกหลายอย่าง แต่การต่อสู้แบบนี้ดูเหมือนจะทำให้สงครามนองเลือดมากขึ้น
ตอนนี้เครือข่ายฟ้าดินจะใช้เลือดเพื่อชะล้างภูเขาจั่งไป๋แห่งนี้
แนวป้องกันยังไม่ขยับเขยื้อนไปไหนในครึ่งเดือนที่ผ่านมา แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ระลอกทองแดงจะไม่หยุดนิ่งอีกต่อไป พวกเขาจะรุดหน้าไปเรื่อยๆ
เสียงตะโกนและการสังหารในภูเขาจั่งไป๋สั่นสะเทือนไปทั่ว แต่ทุกคนไม่คาดคิดว่าคนที่โดดเด่นที่สุดในศุกครั้งนี้จะเป็นเฉินจู่อาน
——
[1] ชื่ออาณาจักรในเกม League of Legends มีประวัติทางการทหารอันเกรียงไกร นักรบจะตะโกนว่า เดมาเซีย เพื่อบ่งบอกว่าพวกเขาสู้ให้กับอาณาจักรนี้