ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ - ตอนที่ 902 ฝึกทหาร
จางเว่ยอวี่เคยได้ยินข่าวเรื่องสบู่ในเมืองเถียนเกิ่ง ตอนนี้ทุกคนที่เลื่อมใสในศาสตร์แห่งราชาต่างแย่งกันซื้อ ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้บุกเบิกว่าก่อนเปิดบทกวีอ่านต้องล้างมือให้สะอาดก่อน ไม่เช่นนั้นจะถือว่าเป็นการไม่เคารพราชาองค์เก่า
ตอนนี้สบู่เป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมแบบม้ามืด ทำกำไรได้ดีมาก!
ก่อนนี้จางเว่ยอวี่ยังทอดถอนหายใจตัวเอง หากเขามีฝีมือแบบนี้เขาคงไม่ต้องมาทำงานหนัก
หลี่ว์ซู่พูดอย่างถ่อมตัว “ทำๆ ด้ด้วยความบังเอิญ เพื่อเลี้ยงดูครอบครัว…”
[ได้แต้มจากจางเว่ยอวี่ +481!]
จางเว่ยอวี่คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าหลี่ว์ซู่จะทำการค้าที่ทำกำไรได้ขนาดนี้ ปัจจุบันมีผู้คนนับไม่ถ้วนในจักรวาลหลี่ว์ที่ชื่นชอบบทกวีของราชาและบทกวี อาจมีหลายแสนคนในสี่เมืองใหญ่และเมืองหลวง
ยิ่งไปกว่านั้นสบู่เป็นของใช้สิ้นเปลือง ถ้ากระจายการค้าออกไปได้ รายได้ที่ได้จากสบู่จะมากขนาดไหน
ที่จริง ธุรกิจสบู่บนโลกก็ทำกำไรได้เช่นกันแต่มีบริษัทนับร้อยแข่งขันกัน ถ้ามีการผูกขาดอุตสาหกรรมสบู่ ยาสระผมและสบู่หอมทั่วโลกได้ก็คงจะน่ากลัวมาก
ตอนนี้ สตรีชนชั้นสูงของจักรวาลหลี่ว์หลายคนใช้สบู่สระผม
ปกติ สตรีเหล่านั้นจะใส่น้ำมันบนหัวเพื่อให้ผมเงางาม สวยงาม
แต่ความสวยก็ส่วนความสวย แต่มันกลิ่นที่สุดจะรับได้ เพราะน้ำมันล้างออกยาก นานวันเข้าจะเหลือน้ำมันตกค้างที่ศีรษะ กลิ่นจึงแรงมาก สบู่จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการกำจัดน้ำมัน
ทันใดนั้น หลี่ว์ซู่ก็พูดว่า “ทำไมพวกคุณไม่ต้องไปเมืองหนานตูหรอก อยู่กับฉันแหละ”
ทั้งสองฝ่ายต่างเงียบลง หลี่ว์ซู่มีเหตุผลที่อยากให้จางเว่ยอวี่อยู่ที่นี่ เขาสงสัยว่าจางเว่ยอวี่เคยบัญชาการทหารมาก่อนและสิ่งที่ หลี่ว์ซู่ขาดมากที่สุดในตอนนี้ก็คือบุคลากรในการฝึกทหาร!
ในตอนแรก จางเว่ยอวี่สามารถวิเคราะห์เรื่องต่างๆ ได้อย่างแม่นยำจากธนูของทหารลาดตระเวนทัพเฮยอวี่ซึ่งเขาต้องการคนแบบนี้ในตอนนี้
“คงจะไม่ได้” จางเว่ยอวี่ส่ายหัวขณะทานอาหาร “พวกเราคิดว่าเดินทางขึ้นเหนือไปต่อจะปลอดภัยกว่า …”
ยังพูดไม่ทันจบ หลี่เฮยทั่นก็ยกอาหารของเขาไป จางเว่ยอวี่จึงได้แต่ถือตะเกียบกับโต๊ะว่างเปล่าตรงหน้า “??? “
[ได้แต้มจากจางเว่ยอวี่ +666!]
หลี่ว์ซู่มองหลี่เฮยทั่นและรู้สึกตกใจเล็กน้อย “เอาอาหารวางกลับคืนไป ใครบอกให้ยกออก! “
หลี่เฮยทั่นชะงักไปครู่หนึ่ง “เมื่อครู่ท่านไม่ได้บอกว่าถ้าพวกเขาไม่อยู่ก็ให้ยกอาหารออก…”
“ไปให้พ้น” หลี่ว์ซู่พูดอย่างใจเย็น
ในที่สุดหลี่ว์ซู่ก็รู้แล้วว่าทำไมหลี่เฮยทั่นถึงไม่ค่อยเป็นที่รักในหมู่บ้านชิงหลง… ขวานผ่าซากไปหน่อย
“อะแฮ่ม” หลี่ว์ซู่มองจางเว่ยอวี่ด้วยรอยยิ้ม “ไม่คิดอีกครั้งหรือ”
จางเว่ยอวี่ปวดหัว เห็นว่าถ้าไม่ตอบตกลงก็เห็นท่าว่าจะอดทานอาหารมื้อนี้ วัยรุ่นใสซื่อคนหนึ่งทำไมถึงกลายมาเป็นแบบนี้ได้
อันที่จริง จางเว่ยอวี่รู้จักหลี่ว์ซู่ไม่นาน ถ้ารู้จักเขานานกว่านี้ก็จะรู้ว่า ใต้เท้าหลี่ว์ถือว่าเป็นคนที่ใจดีมาก…
หลี่ว์ซู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “ถ้าอยู่ที่นี่เพื่อช่วยฝึกทหาร แต่ละคนจะได้ 2,000 ธนบัตร ว่าไง”
ในกลียุคธนบัตรไม่ด้อยค่าลงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะไม่ว่าหนานโจวหรือซีโจวจะต่อสู้กันอย่างไร ขอแค่เมืองหลวงยังไม่ล้ม ธนบัตรก็ยังเป็นสกุลเงินของจักรวาลหลี่ว์เสมอ
ก่อนหน้านี้หลี่ว์ซู่ใช้ข้าวครึ่งกิโลเพื่อวัดมูลค่าธนบัตรของจักรวาลหลี่ว์และธนบัตรของโลก อย่างไรก็ตามเขาละเลยเรื่องหนึ่งไป จักรวาลหลี่ว์นั้นกำลังการผลิตด้อยกว่าโลกมากดังนั้นข้าวที่นี่จึงมีราคาแพงมาก
และตอนนี้ หลี่ว์ซู่สัญญาว่าจะให้ 2,000 ธนบัตรแก่คนคนหนึ่ง 56 คนจึงเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่มาก พวกเขาทำเงินได้มากมายจากการขายสบู่มาก่อน แต่การค้าดีแบบนี้ทำกำไรได้ไม่นานก็มาเกินสงครามซะได้
ดังนั้นนี่จึงเป็นความใจกว้างที่หายากซักครั้งหนึ่งของหลี่ว์ซู่ เพียงเพราะเขาสนใจในความสามารถของอีกฝ่าย หลี่ว์ซู่รู้ดีว่าหากอีกฝ่ายเต็มใจ เขาอาจได้รับประโยชน์ที่สูงกว่าจากขุมกำลังอื่น
จางเว่ยอวี่ครุ่นคิดหนัก เขากำลังชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียของเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะคิดเรื่องนี้จบ หลี่ว์ซู่ก็รู้สึกเสียดายเงิน เขาจึงลองพูดไปว่า “ถ้า 1,000 ล่ะ? “
จางเว่ยอวี่เงยหน้าขึ้นและพูดว่า ” 2000 ไม่ต่อรอง แต่นายต้องสัญญากับเราเงื่อนไขหนึ่ง”
“เงื่อนไขอะไร” หลี่ว์ซู่รู้สึกสงสัย
“หากรับเงื่อนไขได้ ถ้าทัพชื่อเยี่ยนและทัพปู้โต้วกลับมามีชัย นายต้องช่วยพวกฉันชิงเมืองเถียนเก่งกลับมา ถ้าทัพเฮยอวี่ยึดครองดินแดนแถบนั้น นายต้องลอบคุ้มครองพวกฉันกลับไป ส่วนจะปกปิดฐานะยังไง พวกเราจัดการเอง” จางเว่ยอวี่พูด
หลี่ว์ซู่ชะงักไปครู่หนึ่ง “เมืองเถียนเกิ่งสำคัญขนาดนั้นเขียวหรือ พวกคุณทำไมต้องอยู่ที่เมอืงนั้นด้วย”
“เรื่องนั้นนายไม่ต้องสนใจ” จางเว่ยอวี่พูดอย่างใจเย็น
“ตกลง! ” หลี่ว์ซู่เห็นด้วย “แต่มีเงื่อนไขว่าทัพอู่เว่ยจะต้องมีพลังแบบที่คุณพูดก่อน เรื่องขว้างไข่ใส่หินเป็นเรื่องที่ฉันไม่คิดจะทำ”
“ไม่ต้องห่วง พวกเราจะไม่ฝืนใจใคร” จางเว่ยอวี่รู้ว่านี่เป็นข้อตกลงที่ไม่ยุติธรรม เพราะหลี่ว์ซู่เป็นตัวแทนของอำนาจ ถ้าหลี่ว์ซู่ เปลี่ยนใจพวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้แต่ถึงหลี่ว์ซู่เชื่อว่าพวกเขาสามารถฝึกทหารอู่เว่ยได้ จางเว่ยอวี่ก็เชื่อว่าหลี่ว์ซู่ไม่ได้เป็นคนตระบัดสัตย์
ในตอนนี้ คนที่อยู่ข้างหลังจางเว่ยอวี่พูดอย่างเย็นชาว่า “ให้พวกเราฝึกพวกเขาก็อย่าเสียใจและอย่าแทรกแซงด้วย”
หลี่ว์ซู่หัวเราะร่าและพูดว่า “วางใจเถอะ ให้ผู้ชำนาญจัดการไปแต่ฉันบอกอะไรไว้ก่อนว่า ถ้าพวกนายไม่ได้เรื่องก็อย่าหวังว่าจะจ่าย”
เรื่องขัดใจแก้ไขไปได้แล้ว ก็เหมือนกับมีคนยื่นหมอนให้เวลาจะนอน หลี่ว์ซู่คาดหวังมากว่าคนกลุ่มนี้จะสอนทหารอู่เว่ยที่เหลืออยู่สามพันกว่าคนออกมาเป็นอย่างไร เขาจะได้ถือโอกาสดูศักยภาพของพวกจางเว่ยอวี่
หากเขาพบว่าพวกจางเว่ยอวี่ไม่ได้เก่งจริง เขาก็จะไม่จ่ายเงินให้เปล่าประโยชน์
หลี่ว์ซู่รู้ว่าพวกจางเว่ยอวี่ยังระแวงเขาอยู่ แต่เขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้ คนเราไม่จำเป็นต้องเพื่อนกับทุกคนและหลี่ว์ซู่ก็ไม่คิดจะเป็นเพื่อนกับคนเหล่านี้
ตอนนี้อยู่ในทัพอู่เว่ย หลิวเชียนจือมีพลังระดับสาม หลี่เฮยทั่นและคนอีกสามร้อยกว่าคนอยู่ระดับสี่ ที่เหลืออยู่ระดับห้า ในนั้นมีคนเกินครึ่งยังไม่มีวิชาระดับสูงดังนั้นจึงพัฒนาพลังไม่ได้
หลี่ว์ซู่คิดอยู่ว่าเป็นไปได้ไหมที่จะมอบวิชาแบบเดียวกันให้กับคนกลุ่มนี้เพื่อพัฒนาพลังของพวกเขา
ตอนนั้นเขารู้สึกอิจฉาเมื่อได้ยินจางเว่ยอวี่พูดว่าทหารมังกรหลวงมีแต่พลังระดับหนึ่งหรือสอง สามารถกำจัดได้ง่ายดาย ด้วยการต่อสู้ของกลุ่มขุมพลังนี้ หากมีแค่ห้าพันคนก็สามารถต่อกรกับทหารนับหมื่นนับพัน
ถ้าทัพเฮยอวี่เป็นชาแนล ทหารมังกรหลวงก็เป็นไมบัค อิเซเรโร่ที่มีเพียงคันเดียวในโลก มันต่างกันคนละโลกเลย…
หลี่ว์ซู่ถามจางเว่ยอวี่ด้วยความสงสัย “ตอนนี้ทหารมังกรหลวงยังร้ายกาจเดิมไหม”
จางเว่ยอวี่ชำเลืองมองเขา “ตอนนี้ไม่มีทหารมังกรหลวงแล้ว”