ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ - ตอนที่ 911 มนุษย์เหล็กหลี่เฮยทั่น
จางเว่ยอวี่จ้องหลี่เฮยทั่นอยู่สักพัก เขารู้ว่าเส้นชีพจรถูกปะทุจะเจ็บปวดแค่ไหน ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าทหารกว่าจะปีนเขาเสร็จกลับมาก็คงจะมืดค่ำแต่หลี่เฮยทั่นไปไม่นานก็กลับมา
เขาทอดถอนใจ ไม่ใช่ว่าหลี่เฮยทั่นพลังสูงกว่าคนอื่นแต่เจ้าวู่วามเกินไป คนอื่นๆ บาดเจ็บก็หยุดพักแล้วค่อยฝึกต่อ แต่หลี่เฮยทั่นไม่ทำแบบนั้น เขากัดฟันวิ่งไปกลับทีเดียวไม่มีเวลาให้ปรับชีพจรเลย…
แต่จางเว่ยอวี่รู้ว่าที่จริงทำแบบนี้ก็มีข้อดี แค่ฟื้นฟูร่างกายกลับมาได้ ชีพจรและพลังของหลี่เฮยทั่นจะสูงกว่าคนอื่นๆ แน่นอน
หนทางสู่วิถีอันยิ่งใหญ่ย่อมพบเจอกับความเจ็บปวด ความโดดเดี่ยว ความทรมาน การล่อลวงและอื่นๆ มากมาย
จางเว่ยอวี่ชื่นชมหลี่เฮยทั่นจริงๆ เพราะเขารู้ว่ามีเพียงคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์เท่านั้นที่สามารถเดินทางบนถนนสายนี้ต่อไปได้
ดึกคืนนั้นที่ท้องฟ้าเพิ่งเริ่มเห็นดวงดาว ส่วนใหญ่ต่างกลับมากันแล้ว หลี่เฮยทั่นยังคงนอนร้องโหยหวนอยู่บนพื้น
หลี่ว์ซู่เข้ามาดูสีหน้าเจ็บปวดของแต่ละคนแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
จางเว่ยอวี่เอามือไพล่หลังและเดินนำสหายหน่วยมังกรหลวงกลับไปที่ค่ายทหาร เสียงของจางเว่ยอวี่ดังขึ้นในเวลากลางคืน “แค่นี้ยังไม่พอกลับไปอาบน้ำพักผ่อน คืนนี้ไม่ต้องนอน นั่งสมาธิไปทั้งคืน พรุ่งนี้จะต้องฝึกต่อ! อย่าขี้เกียจ เดี๋ยวอีกสักพักจะมาตรวจ! “
หลายคนปวดเนื้อปวดตัวจนอยากจะนอนแต่ก็ยังนอนไม่ได้ นี่มันทรมานกันชัดๆ!
ไม่ใช่แค่นี้ พวกเขาถูกสั่งให้ไปอาบน้ำแล้วถึงจะเข้าไปในค่ายทหาร …
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง พวกจางเว่ยอวี่เริ่มลงมือ เดินถือไม้พลองเข้าไปในค่ายทหารแต่ละที่และฟาดทหารที่แอบนอน จนทั้งค่ายมีแต่เสียงร้องเจ็บปวดอย่างกับตกนรก
จางเว่ยอวี่ตรวจค่ายทหารสามสิบกว่าที่ เมื่อมั่นใจว่าทุกคนเริ่มบำเพ็ญแล้วก็เดินออกไปด้วยความพอใจ เขาเพิ่งพบกับหลี่ว์ซู่ ยิ้มให้และพูดว่า “ไม่ต้องสงสารพวกเขาหรอก มันมีผลดีกับพวกเขา เอื่อยเฉื่อยมานานก็ต้องมีปัญหาแบบนี้ จิตใจ วิชา ชีพจรต้องถูกปรับทั้งหมด พรุ่งนี้มีเรื่องประหลาดใจแน่นอน”
หลังจากพูดจบ จางเว่ยอวี่ก็เดินจากไป หลี่ว์ซู่คิดว่าเขากำลังจะเข้านอน แต่เขาพบว่าคนกลุ่มนี้จะมาตรวจทุกชั่วโมงเพื่อดูว่ามีใครขี้เกียจบ้าง ที่จริงจางเว่ยอวี่และคนอื่นๆ ร่างกายอ่อนแอกว่าคนธรรมดาและการฝึกฝนที่เข้มข้นเช่นนี้ก็กินแรงพวกเขาไปไม่น้อย
และเป็นเหตุให้หลี่ว์ซู่เริ่มชื่นชมจางเว่ยอวี่และพรรคพวกขึ้นบ้าง พวกเขาสามารถทุ่มเทแรงกายแรงใจและหยาดเหงื่อเพื่อความคิดบางอย่างในใจได้
ถ้าฝึกเช่นนี้ต่อไป ทัพอู่เว่ย …คงจะต้องเปลี่ยนโฉมไปได้แน่นอน!
เช้าวันรุ่งขึ้น หลี่ว์ซู่อยู่ในถ้ำก็ได้ยินเสียงร้องดีใจจากข้างนอก เขาเดินออกจากถ้ำอย่างสงสัยและพบว่ามีทหารมากมายกระโดดโลดเต้นอยู่นอกค่าย เหมือนกับกำลังฉลองอะไรบางอย่าง
แล้วเมื่อลองถามดูเขาก็ถึงกับประหลาดใจที่พบว่าทหารที่มีพลังเพียงระดับห้ามาแต่เดิมได้เลื่อนระดับเป็นระดับสี่ภายในชั่วข้ามคืน! มันเป็นไปได้ยังไง
จางเว่ยอวี่ยืนอยู่ข้างๆ เขาและอธิบายด้วยรอยยิ้ม “คนเหล่านี้ติดอยู่ที่จุดสุดยอดของระดับห้ามาหลายปี ขาดไปแค่วิชาเท่านั้น ดังนั้นการฝึกฝนเข้มข้นสูงเมื่อวานนี้ทำให้เกิดความปั่นป่วนในชีพจร บวกกับมีวิชาใหม่จึงเป็นเหตุเป็นผลให้ปะทุพลังได้ ส่วนผู้ที่ยู่ระดับสี่ ภายในหนึ่งเดือนก็น่าจะทำได้เหมือนกัน”
หลี่ว์ซู่ตะลึงไปชั่วขณะ หากพลังโดยรวมของกองทัพอู่เว่ยเพิ่มขึ้นระดับหนึ่ง พลังโดยเฉลี่ยก็จะน่าประทับใจทีเดียว!
จางเว่ยอวี่เหมือนจะมองเห็นความคิดของหลี่ว์ซู่ออกจึงหัวเราะ “ไม่ต้องรีบร้อน นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น”
เมื่อมีความก้าวหน้าของกลุ่มคนชุดแรก คนอื่นๆ ที่ยังไม่ได้ปะทุพลังก็เริ่มเห็นความหวังและคนที่ปะทุพลังก็ได้ลิ้มรสความภูมิใจ
จางเว่ยอวี่รู้ว่ากองทัพอู่เว่ยเป็นกลุ่มคนที่ไร้ระเบียบวินัย ดงันั้นถ้าอยากให้พวกเขาตั้งใจต้องให้พวกเขาได้เห็นประโยชน์ที่จับต้องได้
เขาวางเชือกนุ่มๆ ไว้บนโต๊ะแล้วหยิบปลายเชือกเดินลากไปมันถึงจะเดินไปเป็นเส้นตรงตามคนจูง ถ้าลากไปข้างหลัง เชือกก็จะคด ไม่เคลื่อนที่ไปข้างหน้า
ด้วยการปะทุพลังแบบกลุ่มอย่างกะทันหันนี้ทำให้ภูเขาราชาหลี่ว์หวังเต็มไปด้วยความหวังและความสุข เดิมทีกองทัพอู่เว่ยมีจำนวนผู้มีพลังระดับห้ามากที่สุด ดังนั้นจึงเป็นผู้ได้รับประโยชน์มากที่สุดเมื่อปะทุพลังกลุ่ม
วันรุ่งขึ้นถึงทุกคนจะบำเพ็ญกันอย่างเหน็ดเหนื่อยแต่พวกเขาก็มีความหวังและกระตือรือร้น
ในตอนนี้จางเว่ยอวี่หยิบภาพที่เขาเพิ่งวาดด้วยมือ “วันนี้ ถ้าเห็นต้นไม้แบบนี้บนภูเขาให้นำมันกลับมาให้ฉัน บนภูเขามีอยู่แน่นอน ฉันเห็นมันที่ตีนเขาเมื่อวานนี้”
เมื่อตกกลางคืน ทุกคนในหน่วยทหารกลับมาพร้อมกับต้นไม้จางเว่ยอวี่ต้องการกลับมามากบ้างน้อยบ้าง จากนั้นแทบรอไม่ไหวที่จะอาบน้ำและกลับไปที่ค่ายทหารเพื่อฝึกฝน
แต่จางเว่ยอวี่และพรรคพวกถือหม้อขนาดใหญ่มากและเริ่มผสมน้ำมันสัตว์และสมุนไพรที่เด็ดได้จากภูเขา
หลี่ว์ซู่ปวดใจ “ใช้ประหยัดหน่อย น้ำมันนั้นฉันจะเอามาทำสบู่”
จางเว่ยอวี่อึ้งไปชั่วขณะ “น้ำมันสัตว์ป่าภูเขาเหล่านี้มีคุณภาพสูง เอามาทำสบู่อาจช่วยบำรุงผิวได้ มันเป็นความคิดที่ดีแต่อย่าตระหนี่ในตอนนี้ นายเลี้ยงดูทหารพวกนี้ดีๆ แผนของนายถึงจะใช้ได้”
หลี่ว์ซู่จำใจเห็นด้วย เขาเห็นว่าไขมันในหม้อใบใหญ่มากกว่าสิบใบเริ่มข้นเป็นสีขาวขึ้นเรื่อยๆ และค่อยๆ ข้นคล้ายเนย น่าประหลาดใจมาก
ใช้เวลาเคี่ยวห้าชั่วโมงเต็ม จางเว่ยอวี่และพรรคพวกต่างสับเปลี่ยนกันมาคน คนเดียวคนตลอดไม่ไหว
“พวกนายพักหน่อยไหม ให้พวกหลี่เฮยทั่นมาเคี่ยว?” หลี่ว์ซู่พูด
“ไม่ได้” จางเว่ยอวี่ปฏิเสธเด็ดขาด “ตอนนี้ชีพจรไม่เสถียร กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ จะให้พวกเขาเสียเวลาบำเพ็ญไปเสียเปล่าไม่ได้”
ในตอนเช้า ทหารส่วนน้อยที่อยู่จุดสุดยอดของระดับสี่ได้ปะทุไปสู่ระดับสาม เพียงแค่ระดับสี่มีจำนวนน้อย วันนี้จึงมีการฉลองไม่มากนัก
จางเว่ยอวี่ยิ้มและเรียกหลี่เฮยทั่นและคนอื่นๆ เข้ามา “มาๆๆ ถอดเสื้อออก แต่ละคนเอายาหม่องพวกนี้ไปนวด มันช่วยฟื้นฟูการบาดเจ็บของชีพจรและยังทำให้ผิวพรรณดีอีกด้วย! “
หลี่เฮยทั่นได้ยินก็ไปพอใจ “นี่มันของที่พวกลูกสาวขุนนางทากัน ผู้ชายอย่างพวกเราจะเอาผิวสวยไปทำอะไร พวกเราไม่ต้องทาพวกนี้”
จางเว่ยอวี่โมโหหลี่เฮยทั่น “ถ้าอย่างนั้น นาบอกฉันซิว่าผู้ชายทาอะไรกัน”
หลี่เฮยทั่นเกาหัวอยู่นานและพูดว่า “เลือดศัตรู?”
จางเว่ยอวี่ “… “
หลี่ว์ซู่หัวเราะเสียงดังลั่นอยู่ข้างๆ หลี่เฮยทั่นเป็นมนุษย์เหล็กโดยแท้จริง