ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ - ตอนที่ 931 การคาดเดาของจางเว่ยอวี่
หลิวอี้เจาเดินเข้าไปในภูเขาราชาหลี่ว์ในคืนที่มืดมิด เขามีท่าทีสบายๆ ก่อนหน้านี้เขาแทบจะไม่ได้พักเลยเพราะจะต้องแบกรับหน้าที่มีหลายปี เขาไม่สามารถประมาทได้เลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว
ตั้งแต่ตอนนั้นก็ผ่านมาแล้ว 18 ปี เขาไม่เคยได้มีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองอีกเลย แต่ต้องอยู่เพื่อภาระหน้าที่
มีชั้นขุนนางผู้หญิงและเจ้านายทาสมาตามจีบเขาเหมือนกัน แต่หลิวอี้เจาเลือกที่จะอยู่คนเดียว เขากลัวว่าเขาจะโพล่งความลับของเขาออกไปอย่างไม่รู้ตัวตอนนอน
สิ่งที่เขาคิดถึงมากที่สุดคือช่วงเวลาที่เขาเป็นทหารมังกรจักรพรรดิ ตอนนั้นไม่มีปัญหาอะไรให้ต้องขบคิดมาก ก็แค่ทำตามความสั่งที่ราชันสั่งให้ทำ พวกเขาก็เลยไม่ต้องคิดอะไรให้เปลืองสมอง
ราชันไม่เคยปฏิบัติต่อผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาอย่างไม่ยุติธรรมในเรื่องเกียรติยศ ญาติมิตร และชีวิตคน
ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปได้ดี และดูเหมือนว่าเขาจะสามารถกลับมาเป็นเบี้ยล่างได้อีกครั้งโดยไม่ต้องกังวลใดๆ เขาชอบงานสอดแนมของเขาในตอนนี้มาก
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีคนจ้องมองเขาอยู่ตลอดเวลาหลังจากเขาเลื่อนระดับขึ้นมาเป็นระดับหนึ่งแล้ว
แต่เมื่อเขาหันไปดูแล้วก็ตกใจมาก เขาเห็นหน่วยสอดแนมจากทัพเฮยอวี่สองสามคน ดูเหมือนว่าพวกเขายังไม่เห็นหลิวอี้เจาและกำลังจะเดินออกไปแล้ว…
เขาอดเคืองไม่ได้แต่เขาต้องท่องในใจว่าพวกนั้นไม่ได้เข้ามายุ่งอะไรกับเขา… พวกนั้นไม่ได้เข้ามายุ่งอะไรกับเขา…
หน่วยสอดแนมของทัพเฮยอวี่พึมพำในใจเช่นกัน ฉันไม่เห็นแก…ฉันไม่เห็นแก… แต่ก็สายไปเสียแล้ว…
เมื่อพวกหน่วยสอดแนมทัพเฮยอวี่เห็นหลิวอี้เจาบินมาทางพวกเขา พวกเขาก็รู้สึกว่าทัพที่ซ่อนตัวอยู่บนภูเขานั้นทำตัวไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย ปรมาจารย์ระดับหนึ่งสามารถรับรู้ถึงคนที่มองเขาได้ ทำให้ปรมาจารย์ระดับหนึ่งพวกนี้ตามหาศัตรูเจออยู่ตลอด
พวกเขาจะมัวแต่เหลือบมองศัตรูแค่หางตาไม่ได้ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะมาเป็นหน่วยสอดแนมทำไม…
หน่วยสอดแนมทัพเฮยอวี่ดึงเอาหลอดกระดาษออกมาก่อนที่พวกเขาจะตาย พาเปิดฝาหลอดนั้นออกก็มีประกายไฟสีแดงพุ่งออกมาจากหลอดนั้น จากนั้นพวกเขาก็พยายามโยนหลอดขึ้นไปฟ้า พวกเขาหวังว่าจะมีทัพเฮยอวี่อยู่ใกล้ๆ มาเห็นสัญญาณที่พวกเขาส่งไปและเข้ามาฆ่าหลิวอี้เจาเสีย
เชาใช้พลังของระดับสี่ที่มีในการโยนหลอดนั้นขึ้นไปประมาณร้อยเมตรเพื่อให้คนที่อยู่แถวนั้นได้เห็น
แต่ก่อนที่หลอดนั้นจะลอยขึ้นสูงไปเหนือต้นไม้ พวกเขาก็โดนหลิวอี้เจาฆ่าตายเสียแล้ว
หน่วยลาดตระเวนสิ้นหวังกันมาก สถานการณ์นี้มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด!
ในขณะเดียวกันนั้นเองทัพเฮยอวี่ก็กำลังเตรียมตัวสำหรับการรบ ทัพอู่เว่ยเองก็ไม่ได้นั่งเฉยๆ เช่นกัน พวกเชาใช้ประโยชน์จากภูมิประเทศให้ดีที่สุด
ทัพเฮยอวี่ไม่กล้าจะเข้าไปในถ้ำหินปูน วันนั้นทัพเฮยอวี่ก็เลยได้สลับกันพักผ่อนอย่างไม่ต้องกังวล แต่พวกทัพเฮยอวี่เองจะมาพักผ่อนอย่างสบายใจไม่ได้ พวกเขาจะต้องเฝ้ายามกันตลอดเพื่อไม่ให้ทัพอู่เว่ยมาซุ่มโจมตี
พอตกกลางคืนทหารทัพเฮยอวี่จะต้องบังคับให้ตัวเองตื่นตัวอยู่เสมอ ในขณะที่ทัพอู่เว่ยมีกำลังวังชาแบบเต็มพลัง!
โดยปกติแล้วทัพอู่เว่ยจะไม่ให้ใครออกไปไหนในยามวิกาล พวกเขาเลยไม่ค่อยมีกิจกรรมทำให้ตอนกลางคืน และพวกเขาก็เป็นเหมือนเด็กที่ตื่นเต้นก่อนในคืนก่อนปีใหม่ ในที่สุดพวกเขาก็ตื่นกันแบบไม่ต้องฝึกตลอดเวลาได้เสียที พวกเขาไม่ได้รู้สึกง่วงนอนกันเลย หนำซ้ำยังอยากจะจุดประทัดเล่นกันอีกด้วย!
โลกนี้ก็มีการฉลองปีใหม่เช่นกัน ราชาแห่งทวยเทพองค์เก่ากำหนดว่าวันแรกของเดือนจันทรคติจะถือว่าเป็นวันปีใหม่ ทุกอย่างจะเริ่มต้นใหม่อย่างสดใส และทุกคนสามารถลืมปีเก่าเพื่อเปลี่ยนเข้าปีใหม่ได้
ทัพอู่เว่ยจึงถูกส่งตัวออกไปกลางดึก คนที่ต้องซุ่มโจมตีในตอนกลางวันก็เริ่มมาพักผ่อนกันได้เพื่อรอรุ่งเช้าของวันต่อไป
ถึงแม้หลี่ว์ซู่จะบอกว่ากลยุทธ์ของทัพอู่เว่ยทั้งคือเป็นแบบไม่มีกลยุทธ์ แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเขาไม่ได้ไร้กลยุทธ์โดยสิ้นเชิง พวกเขาแบ่งกันออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกจะติดตามหลิวอี้เจาและแอนโทนี่ไป ส่วนคนอื่นๆ จะตามหลี่ว์เสี่ยวอวี๋และหัวหน้าบาทหลวง
ส่วนหลี่ว์ซู่หายตัวไปในป่าแล้ว เขาตัดสินใจที่จะลองดูผลลัพธ์จากการออกไปฝึกคนเดียวเสียหน่อย
จางเว่ยอวี่อยากจะบอกให้หลี่ว์ซู่หยุดทำแบบนั้นได้แล้ว เพราะถ้าหลี่ว์ซู่ถูกปรมาจารย์ระดับหนุ่งซุ่มโจมตีเข้า พวกเขาก็จบกันแน่ๆ
หลี่ว์ซู่เป็นเหมือนเสาหลักของทัพอู่เว่ยที่เอาไว้ให้ขวัญกำลังใจทุกคน ถ้าหลี่ว์ซู่ตายไปทุกสิ่งทุกอย่างก็ไม่เหลืออะไรแล้ว
แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าของหลี่ว์ซู่แล้วเขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป เขาเห็นสีหน้าที่มั่นใจของหลี่ว์ซู่อย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน จางเว่ยอวี่ถามออกไปอย่างสงสัย “นี่อยู่ระดับสองแล้วใช่ไหม”
“ใช่แล้วล่ะ” หลี่ว์ซู่พยักหน้า
“ถึงจะอยู่ระดับสองแล้วแต่ก็เอาชนะระดับหนึ่งไม่ได้หรอกนะ” จางเว่ยอวี่กล่าว
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า ฉันรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่” หลี่ว์ซู่ยิ้มตอบ
จางเว่ยอวี่ตระหนักได้ว่าหลี่ว์ซู่ไม่ได้กลัวเลยสักนิด เขาไม่ได้ดูขาดความมั่นใจเหมือนกับผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ ที่เพิ่งจะเลื่อนระดับเลย ว่ากันว่าการฝึกบำเพ็ญนั้นเป็นเหมือนการขึ้นมารับตำแหน่ง เมื่อมีใครเลื่อนระดับขึ้นมาเป็นระดับหนึ่งแล้ว ก็เหมือนกับว่าได้ขึ้นมารับตำแหน่งเจ้าเมือง คนคนนั้นไม่เคยเป็นเจ้าเมืองมาก่อน ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวอย่างไร เพราะฉะนั้นจะต้องค่อยๆ ทำตัวให้ชินกับตำแหน่งใหม่ไป
การฝึกบำเพ็ญก็เหมือนกัน หลังจากที่มีใครเลื่อนระดับขึ้นมาแล้ว พวกเขาไม่รู้ว่าความสามารถของตัวเองได้พัฒนาไปไกลแค่ไหน ดังนั้นจึงมีบ้างที่ผู้คนจะแสดงท่าทีลังเลเมื่อเจอกับศัตรู
แต่เรื่องแบบนี้ดูจะไม่เกิดกับหลี่ว์ซู่เลยสักนิด
จางเว่ยอวี่ถามออกไปอย่างใจเย็น “เมื่อก่อนนายเคยเลื่อนมาเป็นระดับนี้แล้วเหรอ”
หลี่ว์ซู่ชะงักไปนิดหนึ่ง เขามองจางเว่ยอวี่กลับแล้วยิ้มตอบ “ใช่แล้วล่ะ นี่ไม่ใช่ความลับอะไรหรอก ตอนแรกที่เราเขอกันความสามารถของฉันตกลงมาเหลือระดับต่ำสุดเลยนะ แต่ฉันเคยฝึกบำเพ็ญมาก่อนหน้านี้แล้วล่ะ”
หลี่ว์ซู่สารภาพตรงๆ ออกไปเพราะเขาเข้าใจสถานการณ์นี้ดี ในอนาคตเขาก็อยากจะปลดล็อกแผนที่ดวงดาวเช่นกัน เดี๋ยวจางเว่ยอวี่ก็รู้เข้าสักวันเอง
จางเวยอวี่เข้าใจทุกอย่างแล้ว งั้นชายหนุ่มคนนี้ก็เป็นยอดฝีมืออยู่แล้วน่ะสิ
แต่จางเว่ยอวี่กลับมีอีกคำถามผุดขึ้นมาในหัว แล้วชายคนนี้มาจากไหนกัน ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย อีกอย่างหลี่ว์เสี่ยวอวี๋เองก็เหมือนจะซ่อนความลับไว้มากมาย
จางเว่ยอวี่เดาคำตอบที่ดูจะเป็นไปไม่ได้มากที่สุด และเป็นคำตอบที่เขาหวังว่าจะได้ยินด้วย ที่สุดแล้วตอนนั้นหลี่ว์ซู่ก็ปรากฏตัวอยู่ในพื้นที่อ่อนไหวอย่างทุ่งหญ้าล่ะนะ
แต่ปัญหาอยู่ตรงที่ท่าทีที่หลี่ว์ซู่แสดงออกมานั้นไม่ได้เป็นไปทางเดียวกันกับคำตอบที่เขาบอกมาเลย ตราบใดที่หลี่ว์ซู่แสดงลักษณะเฉพาะอะไรบางอย่างออกมา จางเว่ยอวี่ก็อาจจะคาดเดาได้บ้าง แต่เขากลับไม่ได้แสดงอะไรออกมา
หลี่ว์ซู่เดินออกไปจากถ้ำหินปูน เขาไม่ได้ถือกระบี่ไปด้วย แต่กลับมีแค่กิ่งไม้ในมือเท่านั้น
หลี่ว์ซู่ไม่ได้ไปหักกิ่งไม้ออกมาเองด้วย เขาแค่เดินและฮัมเพลง จากนั้นใบไม้บนกิ่งไม้ทั้งหลายก็โอนเอนตามเขาไป จางเว่ยอวี่พูดไม่ออก นี่ถือว่าเป็นอาวุธของเขาหรือเปล่านะ เขาเป็นคนที่น่าทึ่งโดยเนื้อแท้หรือว่าความมั่นใจที่เขามีนั้นมีจากทักษะที่สุดยอดกันล่ะเนี่ย
แต่อย่างไรชายหนุ่มที่ยืนอยู่ในแสงจันทร์คนนี้ก็มีพลังกระบี่อยู่เต็มปรี่ เหมือนกับว่าเขาฝึกฝนตัวเองมาเพื่อฆ่าใครบางคนโดยเฉพาะ
ตอนนั้นเองผู้บัญชาการของทัพเฮยอวี่ก็โฉบบินขึ้นฟ้าไป เขามีหอกอยู่ในมือและกำลังเล็งไปที่ภูเขา ทหารที่อยู่ข้างใต้เขาตายกันอย่างต่อเนื่อง เขาเต็มไปด้วยความชั่วร้าย และเขาอยากจะทำลายภูเขาตรงหน้าให้สิ้นไป รวมถึงไอ้ถ้ำหินปูนบ้าๆ ในภูเขานั่นด้วย!
เขารู้ดีว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นสามารถทำลายภูเขาได้ แต่ก็เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะใช้พลังเกินขีดจำกัดถึงขั้นอันตราย เขาจะต้องหาสถานที่ให้ทหารของเขาพักผ่อนได้เสียที เขาไม่อยากจะกังวลว่าทัพอู่เว่ยจะกระโดดออกมาจากหลุมไหนอยู่ตลอดเวลา
แต่ก่อนที่เขาจะโจมตีออกไป เขาก็เจอหลิวอี้เจาหยุดเขาไว้ได้ก่อน ทั้งสองบินขึ้นบนในท้องฟ้า หลิวอี้เจารู้สึกได้ว่าในที่สุดเขาก็ฆ่าคนได้โดยไม่ต้องกังวลกับสถานการณ์สักที เขาไม่จำเป็นต้องเสียสมาธิในการสั่งการเหมือนกัน ตอนนี้เหมือนกับว่าเขาได้กลับไปเป็นทหารมังกรจักรพรรดิอีกครั้งแล้ว
ด้วยความที่หลิวอี้เจาแข็งแกร่งมาก เขาจึงถูกส่งไปประจำอยู่เป็นทหารมังกรจักรพรรดิ และเมื่อเขาเป็นทหารมังกรจักรพรรดิ เขาก็เป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มคนหนึ่งเท่านั้น