เกิดใหม่อีกครั้ง ฉันเป็นองค์ชาย - ตอนที่ 503
ไม่อาจหนีรอดได้สักคน
“นั่วเอ๋อร์ไม่ได้กล่าวส่งเดช!”
จวินนั่วเหยียนยู่ปากขึ้นมา มองจวินชิงเหยียนอย่างไม่พอใจ แล้วก็เงยหน้ามองหลิงลั่วอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่ “ท่านแม่ นั่วเอ๋อร์พูดจริงทั้งหมด”
หลิงลั่วก้มหน้ามองเจ้าเด็กน้อย เผยรอยยิ้มที่อบอุ่นอ่อนโยนอย่างยิ่งออกมา “นั่วเอ๋อร์วางใจได้…”
จวินนั่วเหยียนเพิ่งจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก็ได้ยินหลิงลั่วกล่าวอีกครั้งว่า “เจ้ากับท่านพ่อเจ้า ไม่อาจหนีรอดได้เลยสักคน”
จวินนั่วเหยียน “…” เฮ้อ… สุดท้ายแล้วก็ยังซ่อนตัวเองไว้ไม่สำเร็จสินะ…
จวินชิงเหยียน “…” แล้วนี่มันมีความเกี่ยวข้องกับเขาสักนิดหนึ่งไหม?! เหตุใดเขาต้องพลอย “ถูกลงโทษ” ไปพร้อมๆ กันด้วย!
“ฉะนั้นแล้ว พวกเจ้าอยากจะเลือกบุ๋น หรือว่าจะเลือกบู๊?”
หลิงลั่วเม้มริมฝีปากยิ้ม ทั้งที่เป็นรอยยิ้มเจิดจ้าทำให้คนไม่อาจละสายตาไปได้จริงๆ ทว่าในสายตาของ จวินนั่วเหยียนกับจวินชิงเหยียนสองพ่อลูกนั้น กลับเต็มไปด้วยอันตราย
สองพ่อลูกมองสบตากัน และก็กล่าวเสียงพร้อมเพรียงกันโดยไม่แม้แต่จะคิดเลยว่า “บุ๋น!”
ล้อกันเล่นรึ! พวกเขาไม่มีทางเลือกคุกเข่าบนกระดานซักผ้าหรอก!
ครั้นแล้ว สิบห้านาทีต่อมา ในลานของตำหนักที่ครอบครัวหลิงลั่วสามคนอาศัยอยู่ ก็ปรากฏฉากอันน่าสนใจดั่งต่อไปนี้
เรือนร่างสีขาวทั้งเล็กและใหญ่สองร่าง นั่งยองๆ อยู่ที่หน้าม้านั่งตัวเล็กและใหญ่สองตัว คัดตำราด้วยการขีดเขียนเส้นตัวอักษรจีน
และหลิงลั่วก็นั่งอยู่บนเก้าอี้กุ้ยเฟยซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไป มองทั้งสองคนด้วยท่าทางเกียจคร้าน
“ท่านพ่อ ท่านแม่ให้ข้าคัดตำรารวบรวมยาจีน ข้ายังพอเข้าใจได้อยู่ แต่ว่าเหตุใดท่านแม่ถึงให้ท่านคัดตำราอบรมสตรี กับตำราเตือนสตรีเล่า? อีกทั้งยังให้ท่านคัดสามหลักปฏิบัติสี่หลักคุณธรรมของสตรีห้าสิบรอบอีก?”
“…” ตอนนี้จวินชิงเหยียนอยากจะปิดหน้ามาก ไม่มีหน้าจะไปเจอคนแล้วจริงๆ!
แต่ก็ยังอดกลั้นอารมณ์ อธิบายให้จวินนั่วเหยียน อย่างไรแล้วนี่ก็เป็นเรื่องของการดูแลเอาใจใส่ในหน้าตาภาพลักษณ์ของเขา…
“นั่วเอ๋อร์เอ๋ย ที่พ่อคัดไม่ใช่ตำราอบรมสตรีกับตำราเตือนสตรี ทั้งท่านแม่เจ้ายังบัญญัติตำราอบรมบุรุษ กับตำราเตือนบุรุษเองอีกด้วย และสามหลักปฏิบัติสี่หลักคุณธรรมนั้นท่านแม่เจ้าก็เป็นผู้บัญญัติ…”
“หา? ท่านพ่อ ที่แท้ท่านกลัวท่านแม่ขนาดนี้เชียวรึ?!”
“…นี่พ่อไม่ได้กลัวท่านแม่เจ้า! นี่คือรัก คือรักต่างหาก!”
เพื่อภาพลักษณ์อันยิ่งใหญ่ของตนเองต่อหน้าเจ้าตัวน้อยในอนาคตแล้ว ทว่าจวินชิงเหยียนก็จริงจังในการแก้ไขข้อผิดพลาดในคำพูดของเจ้าเด็กน้อยเป็นอย่างมาก
จวินชิงเหยียนหันหลังให้ทางเข้าประตูใหญ่ เขาชำเลืองตามองไปทางประตูใหญ่แวบหนึ่ง
อย่าให้เจ้าฟังจั่วฉือนั่นมาเยือนในเวลานี้เป็นอันขาด มิเช่นนั้นแล้ว… คงจะจินตนาการชีวิตในภายภาคหน้าของเขาที่แคว้นจื้อโหยวได้เลย…
แต่ว่าจนแล้วจนรอด ชีวิตมนุษย์ ก็ไม่ได้เป็นไปดั่งที่ใจคนต้องการขนาดนั้น
ขณะนี้เอง เสียงของฟังจั่วฉือก็แว่วมาจากปากประตู…
“หลิงลั่ว ข้าจะบอกเจ้า เมื่อครู่…เอ๊ะ? นี่ทำอะไรอยู่?”
ฟังจั่วฉือมองจวินชิงเหยียนที่พยายามลดการมีตัวตนอยู่ของตัวเองอย่างเต็มที่ด้วยความประหลาดใจอยู่บ้าง อดไม่ได้ที่จะเม้มมุมปากขึ้นช้าๆ สุดท้ายแทบอยากแย้มยิ้มไปจนถึงหลังกกหู
“ฮ่าๆๆ! หลิงลั่ว นี่มันเรื่องอะไรกัน? ชิงเหยียนกับนั่วเอ๋อร์ไปกวนเจ้าอย่างไร? เจ้าถึงได้ให้ชิงเหยียนคัด…ตำราอบรมสตรี กับตำราเตือนสตรี?! ฮ่าๆๆ!”
เมื่อฟังจั่วฉือเห็นตัวอักษรบนตำราแล้ว ก็กุมท้องหัวเราะดังลั่นขึ้นมาโดยปราศจากภาพพจน์ใดๆ
หลิงลั่วที่นั่งอยู่อีกข้างกระตุกมุมปาก จวินชิงเหยียนชายตาขึ้น หรี่ดวงตาลงอย่างน่ากลัว นั่งยองๆ อยู่ตรงนั้น รัศมีพลังงานบดอัดฟังจั่วฉือที่ยืนอยู่ได้อย่างสมบูรณ์ “เจ้าหัวเราะอะไร?”
“เอ่อ…เปล่า ข้าไม่ได้หัวเราะ…”
ฟังจั่วฉือรีบส่ายหน้า พยายามหุบปากไว้แน่นสุดแรง แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่ไหล่สองข้างจะสั่น
“ที่ข้าคัด คือตำราอบรมบุรุษ! และตำราเตือนบุรุษ!! เจ้าไม่รู้ตัวหนังสือหรือ?”