เกิดใหม่อีกครั้ง ฉันเป็นองค์ชาย - ตอนที่ 521-522
ตอนที่ 521 เพิ่มการเตรียมพร้อมป้องกัน
ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าถ้าหากมู่โย่วเอ๋อร์อยู่ตรงนี้แล้วล่ะก็ จะมีปฏิกิริยาอย่างไร…
แต่ว่าการออกหน้าของหลิงซื่อเฉิง กลับทำให้ฟังจั่วฉือทุ่มเทสุดกำลัง หลังจากนั้นไม่นานกระดาษเซวียนจื่อที่ซ้อนเป็นพับหนาก็ ‘คุกรุ่นออกจากเตามาใหม่ๆ’
ฟังจั่วฉือเหมือนเป็นเด็กดี สองมือถือกระดาษเซวียนจื่อพับนั้น และข้ามผ่านจวินชิงเหยียนที่เพิ่งจะยกมือขึ้นมาไปทันที เดินไปที่ข้างหน้าหลิงซื่อเฉิง และยื่นให้ด้วยมือสองข้าง “ท่านลุง ท่านดูสิ”
มือที่ยกขึ้นมาของจวินชิงเหยียนก็ยกค้างอยู่กลางอากาศแบบนั้น จะวางก็ไม่วาง จะเก็บกลับก็ไม่เก็บ หันหน้ากลับมา และมองหลิงลั่วเผยสีหน้าท่าทางเศร้าโศกที่ยากจะได้เห็น
อีกฝ่ายเป็นพ่อตาของเขา! เขาก็ไม่อาจจะหาเรื่องได้!
หลิงลั่วมองจวินชิงเหยียนด้วยความสงสารแวบหนึ่ง เอื้อมมือของตัวเองออกมา วางไว้ในฝ่ามือของ จวินชิงเหยียน ซึ่งคลายความอึดอัดของจวินชิงเหยียนได้อย่างดีเยี่ยม
หลิงซื่อเฉิงรับกระดาษเซวียนจื่อที่อยู่ในมือฟังจั่วฉือมา มองดูเล็กน้อย
ในกระบวนนี้ มีการวางทัพที่สอดคล้องตรงกันกับ ‘กระบวนกลหมื่นอสรพิษ’ ที่เขาทราบ ดูเหมือนไม่น่าจะผิด
หลิงซื่อเฉิงพยักหน้า และยื่นให้ทางหลิงลั่ว “ลั่วเอ๋อร์ เจ้ากับชิงเหยียนก็ดูสิ”
หลิงลั่วพยักหน้า แล้วถึงได้ปล่อยมือที่จับจวินชิงเหยียนเอาไว้แน่นออก หลังจากลุกขึ้นไปรับแล้ว ก็ยื่นให้แก่จวินชิงเหยียน
หลิงลั่วไม่ได้คุ้นเคยกับวิชาทวารลึกลับแผนผังแปดทิศกับค่ายกลประเภทนี้ ดังนั้นก็เลยวางมือมอบให้ จวินชิงเหยียนจัดการ
จวินชิงเหยียนก้มหน้าดูกระดาษเซวียนจื่อทั้งพับอย่างจริงจัง กลับหาทวารเรืองเดชจากบนผังภาพนี้ไม่เจอ!
ไม่มีทวารเรืองเดชที่จะหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย เช่นนั้นหากพวกเขาอยากจะหนีออกมา ต้องได้รับบาดเจ็บกันแน่นอน
เมื่อเป็นแบบนี้ ก็ยุ่งยากเสียแล้ว…
“ในไม่กี่วันนี้เพิ่มกำลังการลาดตระเวนของค่ายทหารไปก่อน ป้องกันการลอบโจมตีของทัพศัตรู ให้พวกข้านำกระดาษภาพกับข้อมูลเหล่านี้กลับไปก่อน ให้สิบสี่ได้ค่อยๆ ค้นหาวิธีการรับมือ”
หลิงลั่วมองจวินชิงเหยียนที่ขมวดคิ้วแน่น นางย่อมทราบว่าสงครามครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น แต่ว่าพวกเขาไม่มีทางถอย ถ้าหากเป็นการรบที่ไม่สามารถชนะได้ล่ะก็ เช่นนั้นสิ่งที่จะเหลือทิ้งไว้ให้กับราษฎรแต่ละแคว้นและลูกๆ ของพวกเขา ก็มีแค่ความทุกข์ทรมานและความสิ้นหวังเท่านั้น
เห็นได้เลยว่าครั้งนี้แคว้นชิวหลานมีการเตรียมพร้อมมา ถึงแม้หลิงลั่วจะไม่เข้าใจในเรื่องค่ายกลนี้ แต่นางก็รู้ว่าแต่ละค่ายกลล้วนมีแปดทวาร หากขาดหนึ่งในทวารใดไป ก็ไม่อาจก่อรูปเป็นค่ายกลได้
ดังนั้น ทวารเรืองเดชมีอยู่ เพียงแต่อำพรางตำแหน่งของทวารเรืองเดชไว้ ไม่อาจหาเจอได้ง่ายเท่านั้น
“ได้” หลิงซื่อเฉิงพยักหน้า “การลาดตระเวนในหลายวันนี้ก็มอบให้หลัวเว่ย สวี่ซื่อและรองแม่ทัพหลายนายไปควบคุมตรวจตราด้วยตัวเองแล้วกัน เพื่อป้องกันการลอบจู่โจมของแคว้นชิวหลาน ทุกคนได้แต่ต้องเหนื่อยยากกันก่อนที่ทัพหนุนของแคว้นซีหวาจะมาถึง”
“แม่ทัพหลิงโปรดวางใจ! ข้าน้อยต้องทำภารกิจที่มอบหมายให้สำเร็จไม่มีผิดหวังแน่ขอรับ!”
อีกด้านหนึ่ง ในค่ายทหารของแคว้นชิวหลาน
“เจ้าสำนักหลัก รองเจ้าสำนัก กองหนุนของแคว้นจวินกั๋วมาถึงแล้ว ต้องการให้ไปสืบหรือไม่ขอรับ”
ชิวฝั่งเยียนเจ้าสำนักองค์โตที่นั่งอยู่บนตำแหน่งแม่ทัพหลักได้ยิน ก็ไม่ได้เอ่ยปาก ชิวไต้เมี่ยวกลับทนไม่ค่อยได้ “กองหนุนของแคว้นจวินกั๋วมาถึงแล้ว? เช่นนั้นเหยียนอ๋องก็มาแล้วใช่หรือไม่”
เหยียนปินตะลึงอยู่บ้างนิดหน่อย แต่ยังกล่าวไปตามความจริง “มาแล้วขอรับ เหยียนอ๋องมาด้วยกันกับ เหยียนหวังเฟยขอรับ”
เมื่อได้ยินประโยคแรกในดวงตาชิวไต้เมี่ยวปรากฏความดีใจเล็กน้อย แต่หลังจากที่ได้ยินคำว่า ‘เหยียนหวังเฟย’ สามคำนั้นแล้ว สีหน้าก็หมองหม่นลงอีกครั้ง
“นางมาทำอะไร?”
“เรียนรองเจ้าสำนัก เหยียนหวังเฟยเป็นแม่ทัพน้อยของแคว้นจวินกั๋ว นางมาที่นี่…”
“พอที!” ชิวไต้เมี่ยวขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “ข้าไม่อยากได้ยินชื่อของหลิงลั่วอีก!”
ตอนที่ 522 เช่นนั้นก็สังหารหลิงลั่ว
“ขอรับ…ข้าน้อยน้อมรับบัญชา”
หลังจากเหยียนปินทำความเคารพแล้ว ก็ออกไปจากกระโจมหลัก
ชิวฝั่งเยียนมองชิวไต้เมี่ยวอย่างลึกซึ้งเล็กน้อยอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ถอนสายตากลับไป
“เมี่ยวเอ๋อร์ บัดนี้เจ้าก็อายุยี่สิบหกปีแล้ว พี่ไม่ได้คิดเรื่องการสมรสของเจ้าเลย เจ้าตำหนิพี่หรือไม่?”
ชิวไต้เมี่ยวส่ายหน้า “ไม่หรอก ท่านพี่ เมี่ยวเอ๋อร์ว่าเอาเรื่องฟื้นฟูแคว้นเป็นเรื่องสำคัญดีกว่า เรื่องรักใคร่ส่วนตัวระหว่างหนุ่มสาวควรจะเอาไว้ก่อน”
ชิวไต้เมี่ยวมองชิวฝั่งเยียน อันที่จริงชิวไต้เมี่ยวรู้สึกว่าชิวฝั่งเยียนเป็นคนที่นางไม่อยากจะกล่าวเรื่องนี้ต่อหน้ามากที่สุด
เพราะว่าปีนี้ชิวฝั่งเยียนอายุสามสิบปีแล้ว ยังคงอยู่ตัวคนเดียวลำพัง
เพราะว่าชิวฝั่งเยียนทุ่มเทสุดใจในการฟื้นฟูแคว้นชิวหลาน แล้วนางจะเห็นแก่ตัวเอาเรื่องส่วนตัวมาก่อนเป็นอันดับแรกได้อย่างไรเล่า?
“เฮ้อ…”
เนิ่นนาน ชิวฝั่งเยียนถอนหายใจเบาๆ และกล่าวว่า “รอหลังจากแคว้นชิวหลานเราบุกครองแคว้นจื้อโหยวได้แล้ว พี่จะจับเป็นจวินชิงเหยียน และก็มอบการสมรสให้พวกเจ้า เป็นอย่างไรเล่า?”
ชิวไต้เมี่ยวอดไม่ได้ที่จะเผยอยิ้มมุมปากเบาๆ เพียงแต่เพิ่งจะเผยอขึ้นก็ถูกชิวไต้เมี่ยวข่มยั้งเอาไว้
“ท่านพี่ มีหลิงลั่วอยู่ เรื่องนี้คงไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น”
“หลิงลั่ว? แม่ทัพน้อยของแคว้นจวินผู้นั้นรึ?”
ชิวไต้เมี่ยวพยักหน้า “ใช่แล้ว นางเป็นหวังเฟยของจวินชิงเหยียน หากอยากจะจับเป็นจวินชิงเหยียน เกรงว่าคงไม่ได้ง่ายขนาดนั้น”
จู่ๆ ชิวฝั่งเยียนก็ยิ้มเยาะขึ้นมา “หลิงลั่ว สังหารนางไปเลยก็ได้นี่ ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางทำให้พวกเราเสียการดีไป”
ชิวฝั่งเยียนก็ไม่ได้เป็นคนโง่ รู้สึกได้ในทันใดว่าหลิงลั่ว ก็คือหลิงอัน
ยามอยู่ที่เขตลี่หยาง อยู่ที่แคว้นจื้อโหยว หลิงลั่วได้ทำให้สำนักชิวหลานเสียการดีไปไม่น้อย
ชิวฝั่งเยียนได้ยินเหยียนปินกล่าวถึงหลิงลั่วมากกว่าหนึ่งครั้ง และครั้งแรกสุดที่นางรู้จักหลิงลั่ว คือจากปากของหลิงมั่ว
ยามนั้น ชิวฝั่งเยียนกับชิวไต้เมี่ยวเพิ่งจะมาถึงที่ราบตอนกลาง และก่อตั้งสำนักชิวหลานได้ไม่นาน ชิวฝั่งเยียนได้ยินว่าสำนักอันดับหนึ่งในยุทธจักรถูกบุรุษชุดแดงบุกตะลุยเดี่ยวทำลายราบคาบไปแล้ว!
นับจากนั้น ชิวฝั่งเยียนก็อยากจะเจอหลิงมั่วมาโดยตลอด จนกระทั่งมีโอกาสดีประจวบเหมาะ ทำให้นางได้ไปที่หอคอยหลิง นางได้กล่าวความในใจที่นางรู้สึกดีต่อหลิงมั่วกับเขา แต่ว่าหลิงมั่วกลับไม่แม้แต่จะมองนางเลย เพียงกล่าวว่า “ยังห่างไกลกับหลิงลั่วยิ่งนัก” แล้วก็จากไป
ชิวฝั่งเยียนรู้สึกว่าตนเองโดนหยามเหยียดเป็นอย่างยิ่ง หลังกลับมาที่สำนักชิวหลานแล้ว นางก็เริ่มสอบถามเรื่องราวเมื่อก่อนของหลิงมั่ว และสิ่งที่นางได้พบคืออะไร?
เดิมทีหลิงมั่วไม่ได้แซ่หลิง เขามีนามเดิมว่ากู้มั่ว ทว่าได้เปลี่ยนแซ่ของตนเองเพื่อสตรีนางหนึ่งซึ่งนามว่าหลิงลั่ว!
นับตั้งแต่นั้นมา ชิวฝั่งเยียนจึงรู้สึกเกลียดชังหลิงลั่ว
สายตาของชิวไต้เมี่ยวดำมืด หลิงลั่ว…หึ ครั้งนี้ ข้าจะให้หลิงมั่วได้เห็นเจ้าตายด้วยตาตัวเอง ดูสิว่าเขายังจะเอาข้าไปเทียบกับเจ้าได้อย่างไร! ดูสิว่าเจ้ายังจะมีสิทธิอะไร!
สิ่งที่นางไม่ทราบก็คือ ยามนางกล่าวว่าจะฆ่าหลิงลั่วนั้น ข้างนอกกระโจมก็มีร่างหนึ่งหายไปจากตรงที่เดิมอย่างรวดเร็ว และรีบมุ่งไปทางค่ายทหารแคว้นจื้อโหยว
…
ในค่ายทหารแคว้นจื้อโหยว
จวินชิงเหยียนถือพู่กันวาดอยู่บนกระดาษ แล้วก็ส่งเสียงเดาะลิ้นอย่างกลัดกลุ้มอยู่บ้าง
เขาขยำกระดาษเซวียนจื่อใบนั้นเป็นก้อนกลม และทิ้งไปบนพื้น
ยามนี้ หลิงลั่วกำลังยกก๋วยเตี๋ยวน้ำถ้วยหนึ่งเดินเข้ามา มองกระดาษที่ทิ้งอยู่เต็มพื้น และถอนใจเบาๆ
นางเดินไปข้างๆ จวินชิงเหยียน วางก๋วยเตี๋ยวถ้วยนั้นไว้บนโต๊ะที่อยู่ข้างหน้าจวินชิงเหยียน มองจวินชิงเหยียนที่หน้านิ่วคิ้วขมวด “สิบสี่ พักผ่อนสักประเดี๋ยว ทานอะไรสักหน่อยเถิด ศึกษามาทั้งคืนแล้ว”