เกิดใหม่อีกครั้ง ฉันเป็นองค์ชาย - ตอนที่ 525-526
ตอนที่ 525 ชนะเดิมพัน
“มีแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว”
จวินชิงเหยียนหยิบข้อมูลเหล่านั้นขึ้นมา นี่มันละเอียดมากกว่าที่ฟังจั่วฉือวาดมากมายนัก ดูเหมือนว่าจะศึกษาได้ง่ายกว่าก่อนหน้านี้เยอะเลย
“จวินชิงเหยียน จะว่าไปข้าก็จากไปเสียตั้งนานแล้ว เหตุใดนิสัยอันเย็นชาของเจ้าถึงยังไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด? ไม่ใส่ใจกันเลยแม้แต่น้อย”
หลิงมั่วเดินไปนั่งยังเก้าอี้ที่ด้านหนึ่ง ยันมือข้างหนึ่งไว้บนที่วางแขนเก้าอี้ หนุนศีรษะ และมองจวินชิงเหยียนอย่างสุขุมไม่สะทกสะท้าน
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงมั่ว สายตาจวินชิงเหยียนก็ละออกไปจากข้อมูลตรงหน้า มองหลิงมั่วแวบหนึ่ง เผยอยิ้มมุมปากอย่างคลุมเครือ แล้วก้มหน้าลงอ่านข้อมูลในมือต่อไปอีก
หลิงมั่วก็ไม่ได้โกรธเคือง เขายกขาพาดไขว่ห้างด้วยท่าทางหล่อเหลาสง่างาม “จวินชิงเหยียน ข้ามาช่วยส่งข้อมูลให้เจ้าด้วยเจตนาอันดี ในเมื่อเจ้าไม่สนใจ เช่นนั้นข้าก็ไปหาลั่วเอ๋อร์ดีกว่า…”
ขณะหลิงมั่วกล่าวอยู่ ก็เตรียมตัวจะลุกขึ้น
“เจ้ากล้า?”
ในน้ำเสียงของจวินชิงเหยียนมีความโกรธเคืองเล็กน้อย เสียงทุ้มต่ำเผยกลิ่นอายที่อันตรายเป็นอย่างยิ่งออกมา
…
ข้างนอกกระโจม หลังจากพวกหลิงลั่วสี่คนที่ซ้อนตัวต่อยอดกันเป็นพีระมิดได้ฟังความเคลื่อนไหวในกระโจมแล้ว หลิงลั่วก็เผยอมุมปากขึ้นยิ้มอย่างประสบความสำเร็จ
“ฮ่าๆ! เร็วๆๆ เอาเงินมา!”
หลิงลั่วยื่นมือออกไปทางทั้งสามคน หลิงซื่อเฉิง ฟู่ฉีและฟังจั่วฉือหยิบตั๋วเงินในอกออกมาอย่างกลัดกลุ้มอยู่บ้าง และยื่นให้แก่หลิงลั่ว
“ไม่น่าใช่นะ! จวินชิงเหยียนเป็นคนมีเหตุผลขนาดนั้น เหตุใดแค่เจอหลิงมั่วเขาก็เดือดเสียแล้วเล่า?”
ฟังจั่วฉือขมวดคิ้ว กล่าวอย่างสงสัย
ฟังจั่วฉือเดาว่าจวินชิงเหยียนจะโกรธเมื่อถึงคำที่สิบ ฟู่ฉีเดาว่าโกรธเมื่อถึงคำที่ห้า และหลิงซื่อเฉิงที่ค่อนข้างเข้าใจพวกเขาเดาว่าโกรธเมื่อถึงคำที่สี่
มีเพียงหลิงลั่วที่เข้าใจพวกเขาสองคนอย่างดีเยี่ยมเท่านั้นที่เดาถูก เพียงแค่สามคำก็ทำให้จวินชิงเหยียนโกรธได้เสียแล้ว
“แล้วมีอะไรที่ไม่น่าใช่กันเล่า”
หลิงลั่วมองตั๋วเงินในมืออย่างพึงพอใจ พนันครั้งแรกนึกไม่ถึงว่าจะชนะ! อย่าได้ดีใจเกินไปเลย!
“หากเพียงชิงเหยียนกับหลิงมั่วได้เจอกัน ก็ไม่เคยได้หยุดเงียบสงบเลย”
หลิงซื่อเฉิงส่ายหน้าอย่างจนใจ เรื่องครั้งนี้ที่เขาพนันกับหลิงลั่ว จะให้มู่โย่วเอ๋อร์ทราบไม่ได้ หาไม่แล้วคงได้กล่าวว่าเขาว่าแก่กะโหลกกะลาอีกแล้ว…
ฟังจั่วฉือมองหลิงซื่อเฉิงครู่หนึ่ง แล้วหันกลับไปมองหลิงลั่วก็เข้าใจได้ในบัดดล
ฟังจั่วฉือส่ายหน้าอย่างจนปัญญา และตบไหล่ของหลิงลั่ว “หลิงลั่ว เจ้าใช้ชีวิตนี้คุ้มแล้วจริงๆ…”
หลิงลั่วกะพริบตาอย่างงงงวยเล็กน้อย เก็บตั๋วเงินไว้ในอกของตนเอง “เหตุใดหรือ เจ้าว่าเจ้าใช้ชีวิตนี้ใช้ได้ไม่คุ้มหรืออย่างไร”
“ข้าไม่ได้พูดแบบนั้น!” ฟังจั่วฉือรีบกล่าว
หากปล่อยให้เซียวจือเฉาได้ยินคำพูดนี้เข้า…
ฟังจั่วฉืออดหนาวสะท้านไม่ได้… พระเจ้า ช่างน่ากลัวเสียเหลือเกินจริงๆ!
สองวันต่อมา แคว้นซีหวาส่งทัพใหญ่ห้าแสนนายมาถึงที่เขตแดน
จวินชิงเหยียนจัดเรียงไม่หลับไม่นอนสองวันสองคืน สุดท้ายจัดเรียงแผนการที่สามารถเอาชนะไม้แข็งด้วยไม้อ่อนออกมาได้ แผนการนี้เรียกว่า…
“ขบวนร้อยเทพวิหกหวนกลับ?”
ฟังจั่วฉือมองกระบวนกองที่ถูกจวินชิงเหยียนวางออกมา “ฟังดูแล้วทำไมรู้สึกว่าอ่อนแอ?”
จวินชิงเหยียนเบือนหน้าไปอย่างหมดคำพูด แสร้งทำเป็นว่าไม่ได้ยิน
“ถึงแม้ชื่อจะอ่อนแอ แต่ว่าทุกขบวนรบล้วนสามารถกำราบการเปลี่ยนรูปแบบของ ‘กระบวนกลหมื่นอสรพิษ’ ได้ ถึงแม้จะไม่เคยได้ปฏิบัติจริง แต่ก็ไม่ถึงขนาดว่าใช้การไม่ได้เลย”
หลิงมั่วเก็บสายตากลับมา กอดแขนพิงพนักเก้าอี้ “ตอนนี้ก็ให้บรรดานายทหารใต้บัญชาขยันฝึกฝนกันเพิ่มขึ้นเสียดีกว่า เวลาของพวกเรามีไม่มากแล้ว”
“กระบวนรบเหล่านี้ง่ายดายมาก และไม่ซับซ้อน เมื่อรวมกันแล้วน่าจะไม่ยากลำบาก”
ตอนที่ 526 สงครามมังกรเทวะ (ตอนอวสาน)
หลิงซื่อเฉิงนำภาพวาดข้อมูลการแปรรูปกระบวนรบ ‘ขบวนร้อยเทพวิหกหวนกลับ?’ ทั้งหมดยื่นให้แก่ฟู่ฉี ให้เขากับหลัวเว่ย และสวี่ซื่อรับหน้าที่ฝึกซ้อม
“ข้าว่า ตอนนี้ นอกจากการฝึกซ้อมกระบวนรบแล้ว ยังต้องเฝ้าระวังคนของแคว้นชิวหลานลอบจู่โจม อีกทั้งเกรงว่าชิวฝั่งเยียนและชิวไต้เมี่ยวจะเริ่มสงครามในยามนี้อีกด้วย”
หลิงลั่วนิ่วคิ้วเล็กน้อย ทว่าหลิงมั่วกลับส่ายหน้า “อย่างน้อยที่สุดในระยะครึ่งเดือนนี้ พวกชิวเยียนฝั่งนางไม่ว่างออกทัพหรอก”
“… ชิวฝั่งเหยียน”
หลิงลั่วถอนใจแผ่วเบาอย่างหมดแรงเล็กน้อย หลิงมั่วจะต้องเปลี่ยนชื่อให้ชิวฝั่งเยียนเสียให้ได้สินะ
“เหมือนกันนั่นล่ะ” หลิงมั่วกล่าวอย่างไม่ได้สนใจเลย “ก่อนจะมาข้าได้ให้ผู้อยู่ใต้บัญชาทำลายกองบัญชาการหลักและกองบัญชาการย่อยของสำนักชิวหลานสิ้นราบคาบไปแล้ว อีกทั้งยังเจอคนคนหนึ่งจากในกองบัญชาการหลักด้วย คนผู้นั้นเหมือนจะเป็นฟู่อ๋องแห่งแคว้นจื้อโหยว”
“เซียวชวีฟู่? เจ้าหาเขาเจอแล้วหรือ”
หลิงลั่วมองหลิงมั่ว หลิงมั่วพยักหน้าลง
ฟังจั่วฉือมองไปทางหลิงมั่วทันควัน “แล้วบัดนี้เขาอยู่ที่ใด”
“ส่งกลับแคว้นจื้อโหยวแล้ว ตอนนี้คาดว่าคงถึงวังหลวงแล้วล่ะ”
“เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วพวกเราก็ไม่ต้องมีความพะว้าพะวงอีก”
หลิงลั่วพยักหน้า มองทางฟังจั่วฉือกับหลิงซื่อเฉิง
ก่อนหน้านี้เพราะว่ามีเซียวชวีฟู่อยู่ในเงื้อมมือของอีกฝ่าย ก็ยังเป็นห่วงว่าพวกชิวฝั่งเยียนนางจะเอาเซียวชวีฟู่ไว้เป็นตัวประกันให้เซียวชวีฟู่สละออกจากราชบัลลังก์ บัดนี้ดูแล้วก็ไม่จำต้องเป็นกังวลทางฝั่งเซียวชวีฟู่แล้ว
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็สั่งการให้บรรดานายทหารมุ่งมั่นฝึกฝนกระบวนรบเสีย กระบวนรบไม่ยาก ตั้งใจศึกษาแล้วล่ะก็ สิบวันก็สามารถแก้ได้”
…
ทางฝั่งชิวฝั่งเยียนกับชิวไต้เมี่ยวก็ปวดหัวยุ่งยากเพราะเรื่องสำนักชิวหลานอยู่จริงๆ แต่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ พวกนางไม่อาจถอยทัพได้เลย บัดนี้เดินผิดก้าวเดียว ก็จะแพ้หมดทั้งกระดาน
ภายใต้ความจำใจได้แต่ต้องเลือกสละสำนักชิวหลาน
เพียงแต่เสียดายข่าวกรองความลับในวังเหล่านั้น ชิวฝั่งเยียนเลยให้ชิวไต้เมี่ยวเฝ้าประจำการอยู่ฐานที่มั่น ไม่ต้องส่งกองทัพออกไปก่อนชั่วคราว ส่วนนางเองก็กลับไปที่กองบัญชาการหลักของสำนักชิวหลาน
หนึ่งเดือนต่อมา ชิวฝั่งเยียนกลับมาที่ค่ายทหาร ได้ทราบจากปากชิวไต้เมี่ยวว่าในหนึ่งเดือนนี้ทางฝั่งหลิงลั่วนั้นกลับช่างเงียบสงบเป็นพิเศษ
ชิวฝั่งเยียนมีความรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีอยู่ในใจตลอด กลัวว่านี่จะเป็นความเงียบสงบก่อนที่จะเกิดพายุฝนกระหน่ำ
และเมื่อผ่านความพยายามฝึกฝนได้หนึ่งเดือน บรรดานายทหารก็คุ้นชินกับ “ขบวนร้อยเทพวิหกหวนกลับ” และก็ชำนาญในการขับเคลื่อนกระบวนรบนี้มากแล้ว
รุ่งสางวันหนึ่ง แคว้นชิวหลานยกทัพโจมตีคูเมืองกำแพงเมืองแคว้นจื้อโหยว นายทหารทั้งสามแคว้นออกเมืองไปรับข้าศึก และเข่นฆ่ากันเลือดอาบ
ตะวันสีโลหิตแดงฉานค่อยๆ ลาลับหายไป ร่างศพเย็นเฉียบล้มอยู่บนสนามรบ ทั้งสองฝั่งเหมือนเสือดุร้ายสองตัวที่จ้องมองคุมเชิงกันอยู่ ไม่ว่าใครก็ไม่อาจถอนออกจากสนามรบไปก่อนได้
“พวกเจ้าทำลาย ‘กระบวนกลหมื่นอสรพิษ’ ของข้าได้ ช่างทำให้ข้าคาดไม่ถึงจริงๆ”
ชิวฝั่งเยียนมองศพบนพื้น และนึกไม่ถึงว่าส่วนใหญ่ล้วนเป็นนายทหารแคว้นชิวหลานของนาง!
และข้างหลังนาง บัดนี้ทัพใหญ่ล้านนายเหลือเพียงแค่แสนนายเท่านั้น
“ที่เจ้าคิดไม่ถึงนั้น ยังอีกมาก”
จู่ๆ หลิงมั่วก็ปรากฏตัวขึ้นบนประตูเมือง มองไปทางกองทัพศัตรูที่อยู่ระยะไกลลงไปจากตำแหน่งที่อยู่สูง
ชิวฝั่งเยียนหายใจติดขัด ที่แท้เขากำลังช่วยหลิงลั่วอยู่นี่เอง!
ชิวฝั่งเยียนขี่อยู่บนม้า มองชิวไต้เมี่ยวที่อยู่บนพื้น มีรอยบาดแผลเต็มตัว และหมดลมหายใจไปแล้ว ก็ยิ้มเยาะขึ้นมา
วันนี้ แม้ว่าแคว้นชิวหลานจะถูกทำลายสิ้นไปเพราะนาง นางก็ไม่มีทางนำทัพออกไป!
“เหล่าบุรุษแคว้นชิวหลานจงฟังคำสั่ง! ถึงตายก็ต้องพิทักษ์รักษาเกียรติของแคว้นชิวหลาน สู้จนตัวตาย!”
“ฆ่า!!!”
หลิงลั่ว จวินชิงเหยียน หลิงซื่อเฉิง อันอวี้เฟยและฟังจั่วฉือ ทั้งห้าคนก็นำทัพเข้าร่วมในการรบทันใด…
ในสงครามนี้ แคว้นชิวหลานถูกทำลาย ไม่เหลือเด็กกำพร้าคนใดไว้เลย…
สงครามนี้ ศพเกลื่อนกลาดไปทั่ว บาดเจ็บล้มตายกันนับไม่ถ้วน ถูกยกย่องเป็นสงครามการรบที่สยดสยองที่สุดในประวัติศาสตร์สามแคว้น ทางประวัติศาสตร์เรียกขานว่า ‘สงครามมังกรเทวะ’