เกิดใหม่อีกครั้ง ฉันเป็นองค์ชาย - ตอนพิเศษ 11 ตกหน้าผา (1) / ตอนพิเศษ 12 ตกหน้าผา (2)
ตอนพิเศษ 11 ตกหน้าผา (1)
จวินรุ่ยซีกล่าวเสนอด้วยรอยยิ้ม เจียสือนิ่งไปชั่วครู่ และมองจวินรุ่ยซีอีกครั้ง “ขุดผักป่า?”
จวินรุ่ยซีพยักหน้าหงึกๆ “ใช่แล้ว พวกเราไปขุดผักป่ากับเห็ด ไม่อย่างนั้นแล้วอีกประเดี๋ยวพวกน้าเล็กทานอาหารปิ้งย่างกัน พวกเราจะได้แต่มองดูตาปริบๆ”
จวินรุ่ยซียิ้มอย่างมีความสุขมาก แม้ว่านางเองก็เป็นผู้ที่บริโภคเนื้อ แต่ว่าเพื่อเจียสือแล้ว นางสามารถละเนื้อสัตว์หลายมื้อได้ อย่างมากหลังจากกลับที่ไปจวนอ๋องแล้ว ค่อยเร่งเสริมเอากลับมาก็ได้!
เจียสือพยักหน้า ตามจวินรุ่ยซีเดินมุ่งไปในป่าด้วยกันสองคน
พวกเขาไม่ได้ทราบเลยว่าที่ข้างหลังพวกเขา มีเงาร่างหนึ่งไล่ตามฝีเท้าของพวกเขามา
จวินรุ่ยซีเดินกระโดดโลดเต้นอยู่ในป่า เจียสือตามหลังนางอยู่อย่างเงียบๆ ภาพฉากนี้ช่างสอดคล้องกลมเกลียวมากนัก แต่ในสายตาของคนที่อยู่ข้างหลังนั้น กลับขัดหูขัดตาเป็นอย่างยิ่ง
จวินรุ่ยซีขุดผักป่าอย่างจริงจัง ไม่นานนัก ก็ขุดผักป่าได้เป็นตะกร้า
นำฝาหญ้าสานมาปิด แล้วก็เอาตะกร้าแบกขึ้นหลังตัวเอง “เณรน้อย พวกเราเดินไปดูข้างหน้ากันหน่อยดีหรือไม่?”
เจียสือพยักหน้า เดินตามจวินรุ่ยซีลึกเข้าไปในป่า พวกเขาก็ยังไม่ได้ทราบว่าทางที่พวกเขาเดินไปนั้น เป็นที่ตั้งของหน้าผา…
“เณรน้อย วันนี้ฝนจะตกหรือไม่นะ”
จวินรุ่ยซีแหงนหน้าขึ้นอย่างกังวลอยู่บ้าง มองสภาพอากาศที่มีก้อนเมฆดำปกคลุมไปทั่ว
เมื่อสักครู่ท้องฟ้ายังแจ่มใสอยู่เลย คราวนี้แย่ล่ะ พวกเขาไม่ได้พกร่มมา เกรงว่ากลับไปที่ตั้งค่ายก็คงจะเปียกชุ่มไปทั้งตัว
“อืม…”
เจียสือเงยหน้ามองครู่หนึ่ง ส่งเสียงอืมเบาๆ และกล่าวว่า “ฝนคงจะตกแล้ว”
แต่ว่า สภาพอากาศอันน่าอึดอัดนี้ ทำให้ลางสังหรณ์ไม่ดีที่อยู่ภายในใจเจียสือยิ่งรุนแรงเพิ่มขึ้นอีก
“ช่างเถิด ของเหล่านี้ก็พอให้พวกเราทานได้หลายวันแล้ว เช่นนั้นพวกเรากลับกันดีหรือไม่”
เจียสือพยักหน้า แล้วก็หันกลับไปอย่างว่องไว
สถานที่แห่งนี้ปรากฏความรู้สึกอันตรายอยู่ทั่วทุกหนแห่ง รีบจากไปให้เร็วสักหน่อยก็ดี
เพียงแต่ผู้ที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับเห็นจวินรุ่ยซีเพิ่งจะเดินไปที่ริมหน้าผาได้ไม่ไกล และก็หันหลังจะเดินกลับมาอีกครั้ง ก็รู้สึกหนักอึ้งในใจ
ไม่ได้! ในเมื่อเรื่องได้มาถึงขั้นนี้แล้ว เขาต้องไม่มาล้มเลิกกลางคันตรงนี้เด็ดขาด!
เขาหยิบก้อนหินขนาดเท่าหัวแม่มือจากบนพื้นขึ้นมา กรอกกำลังภายในใส่เข้าไป แล้วยิงไปทางจวินรุ่ยซี
จวินรุ่ยซีพลันรู้สึกปวดท้องน้อย ร่างกายหมดแรงในทันใด และตกลงไปในหน้าผาที่อยู่ข้างหลังทันที!
เจียสือรู้สึกผิดปกติ หันหน้ากลับมาก็เห็นฉากที่จวินรุ่ยซีล้มลงไป และตอนนี้ก็พุ่งตรงไปทางที่จวินรุ่ยซีอยู่โดยไม่แม้แต่จะคิด!
ทั้งสองคนดิ่งตรงลงไปในหน้าผา เจียสือจับแขนของจวินรุ่ยซีไว้ด้วยมือข้างเดียว มืออีกข้างหนึ่งจับกิ่งไม้ที่ระเกะระกะอยู่ริมขอบผาเอาไว้
“น้อย… เณรน้อย…”
จวินรุ่ยซีขมวดคิ้วมองเจียสือ มือข้างที่กำกิ่งไม้ระเกะระกะไว้แน่นนั้นค่อยๆ มีเลือดหลั่งรินลงมา
เจียสือกัดฟัน ในเวลานี้เขาไม่กล้าปล่อยมือเด็ดขาด
คนที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับเดินออกมา นึกไม่ถึงว่าก็เป็นพระภิกษุด้วย!
แต่ดูเหมือนกับว่า อายุมากกว่าเจียสือไม่น้อยเลย
“ศิษย์พี่?” ยามที่เจียสือเห็นพระภิกษุรูปนั้น ก็ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด “เหตุใดท่านถึงมาอยู่ที่นี่?”
จวินรุ่ยซีเองก็งุนงงอยู่บ้าง แต่ว่าก็ไม่ได้กล่าวแทรกออกมา
“เหตุใดข้าถึงมาอยู่ที่นี่น่ะหรือ?” ตรงมุมปากเจียฟ่านปรากฏรอยยิ้มหยันขึ้นมา “เจียสือ เจ้ากับท่านหญิงเชื้อพระวงศ์ผู้นี้มีความสัมพันธ์อะไรกัน ไม่ต้องให้ข้าบอกเจ้าหรอกกระมัง? อาจารย์ให้ข้ากำจัดนางทิ้ง และเดิมทีข้าจะไว้ชีวิตเจ้า แต่ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการ เช่นนั้นข้าก็จะช่วยให้เจ้าได้สมใจ!”
เจียฟ่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อฮุ่ยเหนิง และก็เป็นลูกศิษย์ในปกครองที่หลวงพ่อฮุ่ยเหนิงภาคภูมิใจเป็นที่สุด
ตอนพิเศษ 12 ตกหน้าผา (2)
เจียสือคาดไม่ถึงว่าอาจารย์อาผู้ที่แต่ไหนแต่ไรมาอ่อนโยนใจดีเช่นนั้นมาตลอด ไม่นึกว่าจะ…
“หึ นักบวชอย่างพวกเจ้า ไม่ได้มีเมตตาธรรมประจำจิตกันหรอกหรือ? ยามปกติแม้แต่มดยังไม่อาจฝืนใจเหยียบให้ตายได้ กลับฝืนใจฆ่าคนได้รึ?”
จวินรุ่ยซีเงยหน้าขึ้น มองเจียฟ่านที่ยืนอยู่บนฝั่งหน้าผา ในดวงตาเต็มไปด้วยความดูถูก
เจียฟ่านเผยอยิ้มเยาะขึ้นมาตรงมุมปาก ในดวงตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “แล้วจะอย่างไรเล่า? เจ้าคิดว่านักบวชทุกคนล้วนยั้งกิเลศทำจิตใจให้ใสสะอาดได้หรือ หาไม่แล้วเหมือนอย่างเจียสือนี้ หากเขาไม่ได้มีใจอาวรณ์ในทางโลกแล้ว เขาจะมาเดินใกล้ชิดกับเจ้าเช่นนี้ได้อย่างไร?”
“คนที่ผัสสะทั้งหกไม่สะอาดเช่นเขานี้ มีสิทธิอะไรมาสืบช่วงตำแหน่งเป็นเจ้าอธิการของวัดชิงย่วนกัน?!”
อารมณ์ของเจียฟ่านยิ่งพลุ่งพล่านขึ้นเรื่อยๆ ฉับพลันเขาก็นั่งลงยองๆ มองเจียสือที่จับกิ่งไม้ระเกะระกะเอาไว้แนบแน่น และเผยรอยยิ้มที่ทำคนรู้สึกหวาดผวาในใจออกมา
“เจียสือ มีเพียงแต่เจ้าตายเท่านั้น ข้าถึงจะสามารถกลายเป็นเจ้าอธิการคนต่อไปของวัดชิงย่วนได้ เช่นนี้ก็ดียิ่งนัก ศิษย์พี่จะส่งเจ้ากับท่านหญิงลงไปด้วยกัน ให้พวกเจ้าได้มีเพื่อนอยู่ข้างล่าง เป็นอย่างไรเล่า?”
เจียสือขมวดคิ้วแน่น เขาไม่รู้ว่าในใจของเจียฟ่านคิดอย่างไรกันแน่ เมื่อก่อนก็ยังดีๆ อยู่แท้ๆ เหตุใดจู่ๆถึงกลายเป็นแบบนี้ได้?
จวินรุ่ยซีแหงนหน้าขึ้น มองเจียสือที่หน้าผากเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ ในใจก็ร้อนรนเหลือเกิน
แต่นาง กลับไม่สามารถออกแรงได้เลยแม้แต่นิดเดียว…
“นี่! ภิกษุที่อยู่ตรงนั้น! ในเมื่อคนที่อาจารย์ของเจ้าต้องการให้เจ้าฆ่าคือข้า เจ้าฆ่าเจียสือไปก็ยากจะรายงานภารกิจได้ เอาเช่นนี้สิ ข้าจะกระโดดลงไปเอง และเจ้าดึงเจียสือขึ้นไป!”
จวินรุ่ยซีเงยหน้ามองเจียฟ่าน ในเวลานี้นางไม่อยากให้มีเรื่องที่เกินความคาดหมายแม้แต่น้อยนิดเกิดกับเจียสือเลยจริงๆ!
“เจ้าพูดเหลวไหลอะไร!”
เจียสือก้มหน้าลงมองจวินรุ่ยซี คิ้วขมวดแน่น “ข้าสามารถคุ้มครองเจ้าให้ปลอดภัยได้!”
คำพูดนี้เขาเหมือนกล่าวกับจวินรุ่ยซี และก็เหมือนกล่าวกับตัวเขาเองด้วย
“ใช่! เขาสามารถคุ้มครองนางให้ปลอดภัยได้!”
วัดชิงย่วน ซึ่งก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นวัดเส้าหลิน วิทยายุทธ์แห่งเส้าหลิน ชื่อเสียงก็ระบือไกลในยุทธจักร
ถึงแม้เจียสือสามารถสู้ด้วยวิทยายุทธ์เส้าหลินได้เล็กน้อย แต่วิทยายุทธ์ก็ดีสู้เจียฟ่านไม่ได้ ดังนั้นเจียฟ่านถึงได้ถูกเลือกให้เข้าไปเป็นหนึ่งในสิบแปดมนุษย์ทองแดง และสิบแปดพระอรหันต์
เจียฟ่านมองเจียสือกับจวินรุ่ยซีจากที่สูงลงมา พลันเม้มมุมปากขึ้นทันที และยื่นมือออกมาปรบมือ “ช่างเป็นคู่รักที่ชีวิตยากลำบากเสียจริงๆ เลย…”
“ศิษย์พี่! ท่านพูดเหลวไหลอะไรกัน?!”
เจียสือขมวดคิ้วแน่น ในใจเขามีแต่พระพุทธ แล้วจะมีใจอยากทางโลกได้อย่างไร…?
เจียฟ่านนั่งยองๆ โค้งเข้าไปใกล้เจียสือ ใช้เสียงที่จวินรุ่ยซีไม่ได้ยิน กล่าวที่ข้างหูเจียสือว่า “เจียสือ ข้าพูดเหลวไหลหรือไม่ ในใจเจ้าล้วนทราบดี เจ้าแค่ไม่ได้เผชิญหน้ากับความรู้สึกนี้เท่านั้น”
เจียฟ่านยืดตัวตรง รวบรวมพลังภายใน และก็ฟาดไปบนกิ่งไม้ระเกะระกะที่เจียสือจับอยู่ทันใด
“กรี๊ด!”
ร่างกายจมลงไปอย่างแรง ทำเอาจวินรุ่ยซีตกใจ อดไม่ได้ที่จะกรีดร้องเสียงหลง
มองเงาร่างของทั้งสองคนที่ตกลงไปในหน้าผาเล็กลงเรื่อยๆ เจียฟ่านเผยอยิ้มมุมปาก หันหลังกลับและไปจากตรงที่เดิม
ใต้หน้าผาหญ้าขึ้นรกชัฏไปทั่ว ข้างใต้วัชพืชก็เป็นพื้นโคลนเฉอะแฉะ
ยามเมื่อจวินรุ่ยซีตื่นขึ้นมา ตัวเองก็ถูกเจียสือปกป้องอยู่ในอ้อมอก นอกจากความเจ็บแปลบที่มาจากขาขวาแล้ว กลับไม่มีบาดแผลที่ตรงอื่นเลย
“เจียสือ เจียสือ…”
จวินรุ่ยซีเอื้อมมือไปผลักเจียซือที่อยู่ข้างล่าง แต่เขาอยู่ในอาการหมดสติอย่างเห็นได้ชัด เรียกอย่างไรก็ไม่ฟื้น
แต่ว่า จวินรุ่ยซีมองมือที่ปกป้องนางไว้อย่างแนบแน่นอยู่ครู่หนึ่ง ไม่มีวี่แววว่าจะปล่อยออกเลยสักนิด ก็เกิดกระแสไออุ่นไหลผ่านอยู่ภายในใจจวินรุ่ยซี