ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ - ตอนที่ 102
แนบแน่น
ถังโจวโจวแตะแก้มที่ร้อนฉ่าของตัวเองและมองดูการกระทำที่กล้าหาญของคนรอบข้าง ผู้หญิงบางคนถึงขั้นก่ายไปบนหน้าขาของอีกฝ่าย แลกจูบกันอย่างดุเดือด
ทันใดนั้นถังโจวโจวก็รู้สึกไม่สบายตัว เธอขยับร่างกายเล็กน้อย ลั่วเซ่าเชินที่นั่งอยู่ติดกันกับเธอ เมื่อเธอขยับ แน่นอนว่าเขารู้สึกได้
ลั่วเซ่าเชินกระแอมไอเบาๆ และแสร้งทำสีหน้าจริงจัง เมื่อถังโจวโจวเห็นว่าเขาพยายามจัดการกับอารมณ์ของตัวเอง เธอก็ไม่คิดอะไรมาก ก่อนจะหันกลับไปสนใจหนังอีกครั้ง
แต่ดูเหมือนว่าหนังจะต่อต้านถังโจวโจว เพราะภาพในหนังตอนนี้ปรากฏฉากที่พระเอกกับนางเอกกำลังสานสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง ทั้งฉากเต็มไปด้วยเสียงคราง แล้วอยู่ๆ ลั่วเซ่าเชินก็จับมือเธอไว้ ทำให้เธอตกใจเล็กน้อย
ถังโจวโจวหันไปมองเขา เธอพบว่าเขาเองก็กำลังจ้องมองมาที่เธอเช่นกัน ลั่วเซ่าเชินค่อยๆ โน้มตัวลงมา ถังโจวโจวก็ไม่ได้หลบหลีก เมื่อเธอเห็นว่าลั่วเซ่าเชินเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ๆ เธอก็หลับตาลง
ลั่วเซ่าเชินเห็นเธอว่านอนสอนง่ายแบบนี้ เขาก็ไม่ยอมปล่อยให้โอกาสดีๆ หลุดมือไป เขาประทับจูบลงบนริมฝีปากของเธอ พวกเขาถ่ายทอดความรู้สึกที่มีให้แก่กัน
ถังโจวโจวกอดถังป๊อปคอร์นในมือเอาไว้แน่น ราวกับว่าจะได้รับพลังจากมัน จูบของพวกเขาร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ลั่วเซ่าเชินกดถังโจวโจวลงบนโซฟาตัวเล็ก และด้วยเกรงว่าจะกระเทือนถึงลูก ลั่วเซ่าเชินจึงเอาแขนรองไว้ที่เอวของถังโจวโจว
เขาไม่กล้าทิ้งน้ำหนักตัวลงบนตัวถังโจวโจว ถังโจวโจวครางในลำคอ ลั่วเซ่าเชินหอบหายใจถี่และถอนริมฝีปากออกจากถังโจวโจว ปากของถังโจวโจวบวมเจ่อ ตาของเธอพร่ามัว ลั่วเซ่าเชินเห็นว่าเธอไม่ว่าอะไร เขาจึงจูบเธออีกครั้ง
มือของลั่วเซ่าเชินค่อยๆ ล้วงเข้าสาบเสื้อลูบไล้เนื้อตัวของถังโจวโจวอย่างอดใจไม่อยู่ ถังโจวโจวร้อนรนขึ้นมา เธอใช้แรงที่มีพยายามผลักลั่วเซ่าเชินออก “เซ่าเชิน อือ… เซ่าเชินคะ”
ลั่วเซ่าเชินกดศีรษะลงบนหน้าผากของเธอ หน้าผากของเขาชื้นเหงื่อเล็กน้อย “มีอะไร” เขามีอารมณ์แล้ว เสียงของเขาช่างน่าหลงใหล
“เซ่าเชิน สงบสติหน่อยค่ะ ตอนนี้เรายังอยู่ข้างนอกนะ” ถังโจวโจวกลัวว่าเขาจะเลยเถิดมากกว่านี้
“อยู่ข้างนอกแล้วไง? ไม่ต้องกังวล ผมจะระวัง” ลั่วเซ่าเชินพูดพลางรังแกเธออีกครั้ง ถังโจวโจวรีบเบี่ยงตัวหนี “เซ่าเชิน ลูกค่ะ เรามีลูกอยู่นะ”
ลั่วเซ่าเชินหมดอารมณ์ที่จะสานต่อ เขารู้ดีว่าเขามีลูก แต่เมื่อครู่นี้มันหักห้ามใจไม่ได้ เมื่อเห็นว่าถังโจวโจวตื่นตระหนก เขาก็เกรงว่าจะทำให้ลูกได้รับผลกระทบไปด้วย เขาลูบศีรษะเธอเบาๆ เพื่อปลอบใจ “โอเค ผมไม่ทำแล้ว คุณวางใจเถอะ”
เมื่อเห็นว่าลั่วเซ่าเชินกลับไปนั่งตามปกติแล้ว ถังโจวโจวก็ไม่ระแวงเขาอีกต่อไป เธอหันกลับไปดูหนังต่ออีกครั้ง เธอพบว่าฉากรักเลิฟซีนระหว่างพระเอกและนางเอกได้ผ่านไปแล้ว จากนั้นเธอก็ตั้งใจดูหนังตาไม่กะพริบ
ลั่วเซ่าเชินโอบเอวเธอ เขาปล่อยให้เธอพิงไหล่เขา ในที่สุดพวกเขาก็ดูหนังรักเรื่องนี้จบได้อย่างไร้กังวล
เมื่อออกมาจากโรงภาพยนตร์ ดวงตาของถังโจวโจวก็แดงก่ำ เพราะตอนจบของหนังที่เพิ่งได้ดูไปนั้นไม่ได้จบอย่างแฮปปีเอนดิง ถังโจวโจวที่สงสารตัวละครอย่างหนัก ทำให้เธอเศร้าใจไปชั่วขณะ
แต่ลั่วเซ่าเชินไม่ได้รู้สึกแบบนั้น เรื่องพวกนี้ล้วนถูกแต่งขึ้นมา แต่เมื่อเห็นถังโจวโจวยังน้ำตาซึมอยู่ เขาก็จำต้องพูดโน้มน้าวเธอในที่สุด “โจวโจว ทำใจให้สบายเถอะ มันแค่เรื่องที่แต่งขึ้นมา มีอะไรให้น่าเศร้านักล่ะ”
เมื่อลั่วเซ่าเชินพูดออกมาแบบนั้น ถังโจวโจวก็น้ำตาไหลจนเกือบจะสะอึกสะอื้นแล้ว “คุณนี่ใจแข็งจริงๆ คุณไม่เห็นหรือว่านางเอกคนนั้นน่าเวทนาแค่ไหน”
“โอเคๆ น่าเวทนาจริงๆ แต่คุณไม่ต้องร้องไห้แล้วได้ไหม คุณต้องดูแลลูกในท้องของคุณด้วยนะ” ลั่วเซ่าเชินเอ่ยเตือนถังโจวโจว
เธอรีบเช็ดน้ำตาทันที แต่เสียงของเธอยังไม่สามารถกลับไปเป็นแบบเดิมได้ เธอพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “ฉันไม่ร้องแล้วค่ะ”
ลั่วเซ่าเชินดึงเธอเข้ามากอดเมื่อเห็นว่าเธอพยายามกลั้นความเสียใจอย่างหนัก ถังโจวโจวรู้ว่านี่คือการปลอบโยนของเขาอีกรูปแบบหนึ่ง เมื่อคิดๆ ดูแล้ว มันก็แค่หนังเรื่องหนึ่ง การเห็นค่ากับปัจจุบันเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า
เมื่อลั่วเซ่าเชินเห็นว่าในที่สุดเธอก็สงบลง เขาก็วางใจ เขาเปิดประตูรถ เมื่อถังโจวโจวขึ้นนั่งเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินไปขึ้นรถอีกทาง เมื่อรัดเข็มขัดนิรภัยเสร็จ เขาก็ขับรถกลับบ้าน
กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว ดวงไฟสีสันสวยงามถูกนำมาแขวนไว้ทุกที่ตามเส้นทาง ห้างต่างๆ นำต้นคริสต์มาสมาวางไว้ที่หน้าประตูทางเข้า เพื่อดึงดูดความสนใจของคนที่เดินผ่านไปผ่านมา เพิ่มสีสันให้กับเทศกาล
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ถังโจวโจวก็หลับไปแล้ว ลั่วเซ่าเชินจอดรถเอาไว้ในโรงรถ คฤหาสน์หลังเล็กมืดสนิท ป้าหลิวกลับบ้านไปแล้ว ส่วนลั่วอิงก็อยู่ที่บ้านของคุณพ่อคุณแม่ลั่ว วันนี้มีเพียงลั่วเซ่าเชินและถังโจวโจวที่กลับมาอยู่ที่บ้าน
ลั่วเซ่าเชินเห็นถังโจวโจวหลับสนิท เขาก็ไม่ปลุกเธอ เขาเปิดประตูฝั่งของเธอและช่วยเธอปลดเข็มขัดนิรภัย เขาสอดมือข้างหนึ่งที่ใต้ขาพับของเธอ และสอดอีกข้างหนึ่งที่ช่วงรักแร้ ก่อนจะยืดตัวอุ้มเธอขึ้นมา
แต่พอลั่วเซ่าเชินอุ้มถังโจวโจวออกมา เธอก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับเปิดตาที่พร่ามัว “เซ่าเชิน วางฉันลงเถอะค่ะ ฉันเดินเองได้”
ถังโจวโจวรู้สึกได้ว่าเธอกำลังลอยอยู่ในอากาศและกำลังเคลื่อนไหว เมื่อเธอลืมตาขึ้น เธอก็เห็นว่าใบหน้าของลั่วเซ่าเชินอยู่ไม่ไกลจากเธอ เธอรู้ทันทีว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นและพยายามจะขอลง
ลั่วเซ่าเชินไม่ปล่อยเธอลง “คุณหลับให้สบายเถอะ เดี๋ยวผมอุ้มคุณขึ้นไปเอง” เขาขยับแขนยกตัวถังโจวโจวขึ้นอีกครั้ง ถังโจวโจวตกใจผวากอดคอเขาทันที เมื่อเห็นว่าถังโจวโจวตกใจ ลั่วเซ่าเชินก็กระชับกอดเธอแน่นขึ้น
เขาเอ่ยปลอบ “ไม่ต้องกลัวนะ ผมไม่ทำคุณตกลงไปหรอก” ลั่วเซ่าเชินสุขภาพแข็งแรงดี ถังโจวโจวไม่ได้หนักอะไร แล้วเขามีแรงที่จะอุ้มเธอ
ลั่วเซ่าเชินอุ้มถังโจวโจวตั้งแต่โรงรถเข้าไปถึงห้องโถง เมื่อเขากดสวิตช์บนผนัง ทั้งห้องก็สว่างขึ้นมา ลั่วเซ่าเชินอุ้มถังโจวโจวขึ้นไปที่ชั้นสอง เขาอุ้มเธอไม่ปล่อยจนกระทั่งวางเธอลงบนเตียงในห้องนอน
เมื่อเห็นว่าถังโจวโจวใช้ดวงตากลมโตจ้องมองมาที่เขา ลั่วเซ่าเชินก็ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “ทำไม ผมหล่อล่ะสิ คุณถึงมองตาค้างแบบนี้” ลั่วเซ่าเชินพูดติดตลก แต่เขาไม่คิดเลยว่าถังโจวโจวกลับตอบเขาอย่างจริงจัง
“ใช่ค่ะ คุณหล่อที่สุดในใจฉัน” ลั่วเซ่าเชินรู้สึกว่าใบหูของเขาร้อนผ่าว การสารภาพอย่างกะทันหันนั้นของถังโจวโจวทำให้เขาตกตะลึง
“อะแฮ่ม เอาละ คุณรีบไปอาบน้ำเถอะ ตอนนี้มันดึกมากแล้ว ผมไปที่ห้องหนังสือก่อนนะ แล้วเดี๋ยวจะกลับมา” ลั่วเซ่าเชินพ่ายแพ้และหนีไป ถังโจวโจวเห็นว่าเขาหลบเลี่ยงคำพูดของเธอ เธอก็รู้สึกอ้างว้างไปชั่วขณะ
แต่เพียงชั่วครู่เธอก็ดีขึ้นเอง ถังโจวโจวชำระร่างกายเสร็จแล้ว ลั่วเซ่าเชินก็ยังไม่กลับมา ความง่วงของถังโจวโจวคืบคลานมาแล้ว และเธอไม่สามารถต้านทานได้ เธอจึงเข้านอนเลยโดยที่ไม่ได้รอลั่วเซ่าเชิน
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อถังโจวโจวตื่นขึ้นมา เธอก็พบว่าลั่วเซ่าเชินยังคงหลับอยู่ วันนี้ช่างน่าแปลกจริงๆ ไม่เคยมีสักครั้งที่เธอตื่นแล้วจะไม่เห็นลั่วเซ่าเชินตื่นอยู่ก่อนและนั่งพิงหัวเตียงมองมาที่เธอ หรือไม่ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว แต่วันนี้เขาตื่นสายกว่าเธออีก
ถังโจวโจวไม่รู้ว่าเมื่อคืนลั่วเซ่าเชินกลับมาเมื่อไร เธอไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด เธอมองดูสีคล้ำที่อยู่ใต้ตาของลั่วเซ่าเชิน เมื่อคืนเขาทำงานหามรุ่งหามค่ำเหรอ เขาคงไม่ได้ทำงานล่วงเวลาจริงๆ หรอกใช่ไหม?
ลั่วเซ่าเชินไม่ได้หลอกถังโจวโจว เมื่อวานเขาต้องจัดการงานหลายอย่าง เขายุ่งจนถึงตีหนึ่งถึงกลับห้อง เขากลัวว่าเขาจะปลุกถังโจวโจว เขาจึงลงไปอาบน้ำที่ห้องน้ำชั้นล่างก่อนจะกลับเข้ามา เมื่อเขาเห็นว่าถังโจวโจวเข้านอนไปแล้ว เขาก็เลิกชายผ้าห่มแล้วสอดตัวเข้าไปนอนข้างเธอ
แต่หลังจากที่ถังโจวโจวตื่นขึ้นมาไม่นาน ลั่วเซ่าเชินก็ขยับตัว เขานวดขมับของตัวเอง เมื่อเขาเห็นว่าถังโจวโจวตื่นแล้ว เขาก็พูดอย่างเกียจคร้านว่า “อรุณสวัสดิ์”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ฉันเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ” เมื่อถังโจวโจวเห็นว่าลั่วเซ่าเชินตื่นเต็มตาแล้ว เธอก็ไม่ชักช้าอีกต่อไป เธอรีบลุกขึ้นไปอาบน้ำในห้องน้ำ
เมื่อลั่วเซ่าเชินและถังโจวโจวลงไปที่ชั้นล่าง ป้าหลิวก็เตรียมอาหารเช้าไว้ให้แล้ว เมื่อเธอเห็นพวกเขาลงมา เธอก็รีบยกอาหารมาที่โต๊ะ “คุณชาย คุณผู้หญิง”
“ป้าหลิวคะ เช้านี้มีอะไรทานบ้างคะ” ถังโจวโจวได้กลิ่นหอมกรุ่นลอยออกมาจากครัว ท้องของเธอก็เริ่มประท้วงขึ้นมา
“วันนี้ฉันต้มโจ๊กข้าวเดือยค่ะ คุณผู้หญิง เมื่อสองวันก่อนฉันเห็นว่าคุณทานเกี๊ยวน้ำได้แค่สองสามคำ วันนี้ฉันก็เลยตั้งใจทำโจ๊กข้าวเดือยทานคู่กับผักเคียงที่ฉันทำ คุณลองชิมดูนะคะว่าคุณชอบไหม ถ้าคุณชอบ วันหลังฉันจะทำบ่อยๆ ค่ะ”
ถังโจวโจวตั้งท้องได้สองเดือนกว่าแล้ว แม้ว่าเธอจะกินอะไรได้มากขึ้น แต่เมื่อได้กลิ่นคาว เธอก็ยังมีความรู้สึกคลื่นเ**ยนอยู่บ้าง ดังนั้นป้าหลิวจึงเปลี่ยนอาหารให้เธอ เพื่อให้เธอไม่ต้องพะอืดพะอมและกินได้มากขึ้น แบบนี้เด็กในท้องก็จะได้รับสารอาหารที่ดีด้วย
ถังโจวโจวชิมผักเคียงที่ป้าหลิวทำ รสชาติมันดีมาก เธอรีบเอ่ยชมป้าหลิว “ป้าหลิวคะ ป้าหลิวทำยังไง มันกรอบมากเลย ครั้งหน้าสอนฉันหน่อยนะคะ” ถังโจวโจวคีบขึ้นมากินต่ออีกหลายคำ
เมื่อป้าหลิวเห็นว่าถังโจวโจวชอบ เธอก็ยิ้มกว้างทันที “คุณชอบก็ดีแล้วล่ะค่ะ คุณผู้หญิง ถ้าคุณผู้หญิงอยากหัดทำบ้าง ไว้ฉันจะสอนให้นะคะ”
“ป้าหลิวเรียกฉันว่าโจวโจวก็ได้ค่ะ” ถังโจวโจวไม่ชอบให้ป้าหลิวเรียกเธอว่าคุณผู้หญิง เพราะเธอจะรู้สึกเหมือนว่าตัวเองแก่มาก แต่ป้าหลิวกลับไม่เห็นด้วย สิ่งที่มันควรจะมีกฎเกณฑ์ก็ต้องมี เมื่อเห็นว่าป้าหลิวไม่ได้พูดอะไรต่อ ถังโจวโจวก็รู้ว่าเธอคงเกลี้ยกล่อมไม่ได้ จึงยอมแพ้ไป
ลั่วเซ่าเชินเองก็รู้สึกว่าผักเคียงวันนี้รสชาติดี เขาเห็นว่าถังโจวโจวเติมโจ๊กข้าวเดือยเพิ่มอีกสองถ้วย ดูเหมือนว่าวันหลังเขาจะต้องให้ป้าหลิวทำอะไรที่มันสดชื่นหน่อย ถังโจวโจวจะได้กินข้าวได้เยอะๆ
ตอนนี้คนในบ้านเอาแต่รุมล้อมรอบตัวถังโจวโจว คุณแม่ลั่วโทรมาถามอาการของถังโจวโวบ้างเป็นครั้งคราว บางครั้งเธอก็มาเยี่ยมเป็นการส่วนตัว แม่นมจ้าวก็ทำของอร่อยมาให้ โดยมีคุณแม่ลั่วถือมา ความสัมพันธ์ของแม่สามีและลูกสะใภ้สามัคคีกลมเกลียวกันไปชั่วขณะ
แต่ถังโจวโจวรู้ว่าความสัมพันธ์อันดีนี้มีสาเหตุมาจากการที่เธอจะคลอดหลานชายออกมาให้กับคุณแม่ลั่วได้ เมื่อก่อนถังโจวโจวไม่ได้คิดว่าคุณแม่ลั่วเป็นผู้หญิงที่มองผู้ชายเป็นใหญ่ อีกทั้งเห็นว่าคุณแม่ลั่วก็ปฏิบัติกับลั่วอิงดีมาก แต่ทำไมพอเธอตั้งท้อง อาการแบบนี้จึงปรากฏออกมา
เมื่อลั่วเซ่าเชินมองไปที่อาหารการกินของถังโจวโจว มันก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล สามารถให้อภัยได้ ในตอนแรกถังโจวโจวอาเจียนจนเหมือนกับว่าเธอจะสำรอกเอาอวัยวะภายในออกมาทั้งหมด ลั่วเซ่าเชินหวาดกลัวมาก เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการตั้งท้องมันจะทรมานขนาดนี้
ถังโจวโจววางตะเกียบลงหลังจากกินข้าวจนอิ่ม วันนี้เธอเจริญอาหารมาก เธอกินโจ๊กข้าวเดือยไปสองถ้วยกว่าและผักเคียงไปอีกหนึ่งจานเต็ม หลังจากนั้นป้าหลิวก็เก็บกวาดจานชามและตะเกียบ เมื่อเธอเห็นว่าลั่วเซ่าเชินและถังโจวโจวกำลังจะออกจากบ้าน จึงพูดไล่หลังอย่างห่วงใยว่า “เดินทางปลอดภัยนะคะ คุณชาย คุณผู้หญิง”
“ค่ะ ป้าหลิว” ป้าหลิวอยู่บ้านหลังนี้มานาน ถังโจวโจวรู้สึกว่าเธอเป็นคนดี ไม่สอดรู้สอดเห็น เธอทำงานของตัวเองได้เป็นอย่างดี และเธอมักจะทำของอร่อยๆ มาให้ถังโจวโจวเสมอ
ถังโจวโจวชอบทำอาหาร ชอบกินของอร่อย ป้าหลิวเป็นแม่บ้านที่ตรงใจเธอทุกอย่าง
ลั่วเซ่าเชินไปส่งถังโจวโจวที่บริษัท ไม่มีใครพูดถึงช่อดอกกุหลาบช่อนั้นของเมื่อวานนี้อีก ราวกับว่าไม่เคยมีมันมาก่อน