ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ - ตอนที่ 106
เหวินมั่นมั่นไม่เข้าใจว่าเมิ่งชิงซีกำลังคิดอะไรอยู่แต่เธอก็ไม่อยากจะรู้ หยางอีอีเห็นเพื่อนยืนเหม่ออยู่ที่เดิม จึงผลักเธอเบาๆ “มั่นมั่น เธอคิดว่ายังไง ทำไมอยู่ดีๆ คุณเมิ่งถึงมาพูดอะไรแปลกๆ กับเธอ?”
แน่นอนว่าหยางอีอีรู้ว่าเพื่อนสนิทของเธอชอบลั่วเซ่าเชิน เธอก็เคยแนะนำไปแล้ว แต่เหวินมั่นมั่นไม่ฟัง ถ้าลั่วเซ่าเชินยังไม่ได้แต่งงาน หยางอีอีจะสนับสนุนให้เหวินมั่นมั่นตามจีบเขา แต่นี่ลั่วเซ่าเชินแต่งงานแล้ว…
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ช่างเธอเถอะ อีอี เราไปชอปปิงกันต่อเถอะ ฉันอยากซื้อเสื้อผ้าเพิ่มอีกสักหน่อย” เหวินมั่นมั่นวางความคิดลงชั่วคราว ก่อนจะเดินเข้าไปในร้านอื่นพร้อมกับหยางอีอี
การที่เมิ่งชิงซีเลือกมาหาเหวินมั่นมั่นนั้นก็มีเหตุผล เนื่องจากเหวินมั่นมั่นอายุยังน้อย และเธอชอบลั่วเซ่าเชินมาก จากการสังเกตของเมิ่งชิงซี เหวินมั่นมั่นมักจะแสดงความเป็นเจ้าของกับสิ่งที่เธอชอบ และจะไม่ยอมให้ใครมาสบประมาท
แน่นอนว่าเมิ่งชิงซีก็มีแผนสำรองเผื่อเอาไว้เช่นกัน ถ้าเหวินมั่นมั่นไม่ลงมือ เธอก็จะหาคนมาทำแทน เพียงแต่ต้องจัดการปัญหาที่ตามมาให้เรียบร้อย มิเช่นนั้นหากลั่วเซ่าเชินสืบสาวจนรู้ต้นตอ เธอคงจะรับมือไม่ไหว
วันจันทร์ ถังโจวโจวไปทำงานตามปกติ และหลังจากเหวินมั่นมั่นได้ข่าวมาจากเมิ่งชิงซีแล้ว เธอก็สืบหาที่อยู่บริษัทของถังโจวโจวและส่งข้อความนัดหมายถังโจวโจวให้ออกมาเจอที่ร้านกาแฟนอกบริษัท
ถังโจวโจวมองดูข้อความที่ถูกส่งมาจากหมายเลขไม่คุ้นเคยและไม่ลงชื่อ เธอไม่สนใจมัน แน่นอนว่ายิ่งไม่เก็บมาใส่ใจ เธอระบุไม่ได้นี่ว่าผู้หญิงคนไหนอยากจะคุยกับเธออีก ทำไมเธอถึงต้องหาเรื่องใส่ตัวเองด้วยล่ะ
ถังโจวโจวคิดว่านี่น่าจะเป็นปัญหาที่เกิดจากลั่วเซ่าเชินอีกตามเคย ใบหน้าที่แสนน่าเกลียดของเขา ช่างเป็นมิตรกับพวกผู้หญิงเสียเหลือเกิน
เมื่อไม่ได้รับการตอบกลับจากถังโจวโจว เหวินมั่นมั่นก็ส่งข้อความไปอีกครั้ง ถังโจวโจวก็ยังคงเพิกเฉย เหวินมั่นมั่นหมดความอดทนและยกหูต่อสายถึงเธอทันที!
ถังโจวโจวกดทิ้งครั้งที่หนึ่ง เธอก็โทรมาอีกครั้ง ถังโจวโจวกดทิ้งครั้งที่สอง เธอก็ยังโทรมาอีก ถังโจวโจวยอมรับสายในครั้งที่สาม “สวัสดีค่ะ คุณเป็นใคร?” ผู้หญิงคนนี้เป็นบ้าหรือเปล่า อยู่ดีๆ ก็จะให้ออกไปเจอ ไม่มีเหตุผลเลย!
“ถังโจวโจว ฉันเหวินมั่นมั่น คุณยังจำฉันได้ไหม” ถังโจวโจวคิดอยู่พักหนึ่ง ทันใดนั้นความทรงจำก็แวบขึ้นมาในหัว “อ๋อ ฉันจำได้แล้วค่ะ คุณคือคุณหนูเจ้าของวันเกิดที่บ้านตระกูลเหวินเมื่อครั้งนั้น มีธุระอะไรกับฉันหรือคะ”
ถังโจวโจวไม่คิดว่าตัวเองมีอะไรเกี่ยวข้องกับเหวินมั่นมั่น เธอไม่เคยคุยกับเหวินมั่นมั่นเลยสักคำ แล้วอยู่ๆ ตอนนี้ก็จะมาหาเธอ มันหมายความว่าอย่างไร? ถังโจวโจวรอให้เหวินมั่นมั่นแสดงเจตนาออกมาก่อน
“ถังโจวโจว ฉันแค่อยากจะคุยกับคุณ ฉันไม่ทำอะไรคุณหรอก หรือว่าคุณไม่กล้าล่ะ? ถ้าอย่างนั้นก็ขี้ขลาดเกินไปแล้ว” แม้ถังโจวโจวจะถูกยั่วยุเช่นนี้ แต่เธอก็ไม่โมโห หากเป็นเมื่อก่อน เธอคงจะสงสัยใคร่รู้ว่าเหวินมั่นมั่นต้องการอะไรจากเธอ แล้วก็ออกไปเจอตามนัด
แต่หลังจากที่เธอผ่านเรื่องของสวี่โยวมา เธอก็ไม่กล้าที่จะสงสัยเรื่องพรรค์นี้อีกต่อไป เธอไม่รู้ว่าด้านนอกจะมีอะไรที่น่ากลัวรอเธออยู่อีก!
“คุณหนูเหวิน คุณไม่ต้องยั่วโทสะฉันหรอกค่ะ มันไม่มีประโยชน์ ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้ว ฉันขอวางสายก่อนนะคะ และฉันจะไม่ออกไปพบคุณ”
“รอเดี๋ยวสิ ถังโจวโจว ทำไมคุณถึงไม่กล้าออกมาเจอฉันล่ะ กลัวฉันหรือไงคะ หรือกลัวว่าฉันจะแย่งลั่วเซ่าเชินไป?” เหวินมั่นมั่นไม่ยอม ถังโจวโจวกล้าดียังไงถึงมาเมินเฉยใส่เธอแบบนี้
ถังโจวโจวหัวเราะออกมาอย่างอดกลั้นไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้กำลังฝันกลางวันอยู่ใช่ไหม “คุณหนูเหวินคะ ถ้าคุณแย่งลั่วเซ่าเชินไปได้ คุณยังจะมาพูดอะไรแบบนี้กับฉันอยู่อีกไหม”
ถังโจวโจวคิดว่าผู้หญิงคนนี้อาจจะไม่ได้พกสมองออกมาจากบ้าน ลั่วเซ่าเชินไม่ใช่วัตถุ นี่เธอคิดว่าอยากจะแย่งก็แย่งไปได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ
เมื่อเหวินมั่นมั่นได้ยินถังโจวโจวหัวเราะใส่อย่างนี้ ความโกรธของเธอก็ยิ่งพุ่งขึ้นสูง “ถังโจวโจว มีอะไรให้ขำนักหนา!”
“เอาละ คุณหนูเหวิน คุณเพิ่งจะอายุสิบแปด ตอนนี้แทนที่คุณจะมัวมาคิดเรื่องแบบนี้ คุณเอาเวลาไปหาความรู้เพิ่มเติมดีกว่านะคะ”
เหวินมั่นมั่นอยากจะย้อนคำกลับไป แต่ถังโจวโจวกลับตัดสายในทันทีที่เธอพูดจบ เมื่อเหวินมั่นมั่นโทรกลับไปอีกครั้ง ถังโจวโจวก็ไม่รับสายแล้ว เหวินมั่นมั่นหมดทางเลือก
ถังโจวโจวไม่ได้เก็บเรื่องของเหวินมั่นมั่นมาใส่ใจ นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะถึงกับมาดักรออยู่ใกล้ๆ กับบริษัท เมื่อถังโจวโจวและจวิ้นเจี่ยออกมากินข้าวเที่ยง พวกเธอก็เจอคนขวางทางเข้าให้
“ถังโจวโจว ฉันอยากคุยกับคุณ” เหวินมั่นมั่นนั่งอยู่ในร้านกาแฟตลอดเช้า เพื่อรอให้ถังโจวโจวออกมา เมื่อเธอเห็นว่าถังโจวโจวเดินออกมาจากบริษัทพร้อมกับหญิงมีอายุคนหนึ่ง เหวินมั่นมั่นก็รีบคว้ากระเป๋าและวิ่งตามไป
เมื่อถังโจวโจวเห็นเหวินมั่นมั่นก็ไม่คิดจะสนใจ เธอและจวิ้นเจี่ยก้าวเดินต่อไปข้างหน้า วันนี้พวกเธอจะไปกินข้าวคลุกหม้อหิน[1]กัน ซึ่งร้านนั้นอยู่ข้างหน้านี้เอง ห่างไปไม่ไกลมากนัก
“ถังโจวโจว หยุดเดี๋ยวนี้! คุณกล้ามองข้ามฉันไปได้ยังไง” คราวนี้เหวินมั่นมั่นขวางหน้าเธอไว้และกางแขนกั้นเพื่อไม่ให้เธอเดินต่อไป
ถังโจวโจวรู้สึกปวดหัว “คุณหนูเหวินคะ ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ เชิญคุณกลับไปเถอะค่ะ พี่จวิ้นเจี่ย ไปกันเถอะค่ะ”
จวิ้นเจี่ยยืนมองและขำท่าทางการวางอำนาจของเหวินมั่นมั่นอยู่ข้างๆ “แม่หนูน้อย เธอเป็นฝ่ายมาหาโจวโจวแท้ๆ แต่ทำไมถึงได้โมโหขนาดนี้ โจวโจวยังไม่ได้ทำอะไรเธอเลย”
หากเธอไม่รู้จักถังโจวโจวมาก่อน เธอก็คงคิดว่าถังโจวโจวไปทำอะไรไม่ดีกับเด็กคนนี้ไว้ ถึงได้ทำท่าโกรธมากขนาดนี้ แต่เหวินมั่นมั่นไม่สนใจคำพูดของจวิ้นเจี่ย “ไม่ใช่เรื่องของคุณ ฉันมาหาถังโจวโจว คุณมาแส่อะไรด้วย”
เหวินมั่นมั่นมองไปที่ถังโจวโจวอย่างถือดี ราวกับว่าถ้าถังโจวโจวไม่ตอบตกลงว่าจะไปกับเธอ เธอก็จะยืนขวางอยู่ตรงนี้
จวิ้นเจี่ยไม่สบอารมณ์ที่ได้ยินเช่นนั้น “แม่หนูน้อย เธอนี่ไม่มีมารยาทเลย เธอคิดว่าเธอมาหาโจวโจวแล้วโจวโจวจะต้องไปกับเธอเหรอ ตอนนี้เราจะไปกินข้าวเที่ยงกัน ถ้าเธออยากตามก็ตามมาแล้วกัน แต่ถ้าไม่ ก็เชิญกลับไปได้แล้ว”
จวิ้นเจี่ยลากถังโจวโจวเดินผ่านตัวของเหวินมั่นมั่นไป เหวินมั่นมั่นย่ำเท้าด้วยความโกรธ แต่ใช่ว่าเธอจะยอม เธอเดินตามพวกเธอไปติดๆ
ถังโจวโจวยังคงมุ่งหน้าเดินไปในทิศทางเดิม เธอกับจวิ้นเจี่ยไปที่ร้านข้าวคลุกหม้อหินแห่งหนึ่ง ที่ไม่เหมือนเดิมก็คือ ด้านหลังของเธอมีเหวินมั่นมั่นตามมาด้วย
ถังโจวโจวรู้สึกอยากอาหารมากขึ้นตั้งแต่อาการแพ้ท้องของเธอทุเลาลง บางครั้งเมื่อเธออยากจะกินอะไรสักอย่าง ถ้าไม่สามารถกินได้เดี๋ยวนั้น เธอก็จะรู้สึกว้าวุ่นใจ ดังนั้นลั่วเซ่าเชินจึงเตรียมของว่างเอาไว้ให้มากมายในที่ทำงานของเธอ เพราะกลัวว่าถังโจวโจวจะหิว
เมื่อวันก่อน ลั่วเซ่าเชินยังสั่งชายามบ่ายมาส่งให้ถังโจวโจวที่บริษัทอีก และแน่นอนว่าไม่ใช่เพื่อเธอแค่เพียงคนเดียว เพื่อนร่วมงานของถังโจวโจวก็ได้กันคนละแก้ว จวิ้นเจี่ยเอ่ยด้วยความอิจฉา “โจวโจว สามีเธอดีกับเธอจัง ขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไป พี่ต้องอ้วนขึ้นแน่ๆ เลย”
ถังโจวโจวไม่ได้บอกกล่าวเรื่องที่เธอตั้งท้องกับคนในบริษัท ยิ่งไปกว่านั้น หน้าท้องของถังโจวโจวก็ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงใดๆ หากไม่ใช่คนสนิทก็จะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าตอนนี้เธอตั้งท้องได้สองเดือนแล้ว
เมื่อจวิ้นเจี่ยเห็นว่าเหวินมั่นมั่นตามมาจริงๆ เธอก็เบ้ปากใส่ถังโจวโจวอย่างจำใจ ก่อนจะบ่นพึมพำออกมาว่า “หน้าด้านจริงๆ เลย” แต่ถังโจวโจวได้ยินไม่ชัด และแน่นอนว่าเหวินมั่นมั่นก็ยิ่งไม่รู้
ถังโจวโจวไม่ได้ไล่เหวินมั่นมั่นไป เธอจะนั่งตรงไหนก็เรื่องของเธอ หลังจากที่ถังโจวโจวและจวิ้นเจี่ยสั่งอาหารแล้ว บริกรก็เห็นว่าเหวินมั่นมั่นนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเดียวกัน จึงเข้าใจว่ามาด้วยกัน เขาถามเธอ เหวินมั่นมั่นจึงสั่งอาหารมาหนึ่งอย่าง
หากไม่ใช่เพราะถังโจวโจว เธอจะไม่เข้ามาร้านแบบนี้เด็ดขาด ในมุมมองของถังโจวโจว การตกแต่งของร้านนี้นับว่าอยู่ในระดับกลาง แต่ในมุมมองของเหวินมั่นมั่น ที่นี่เทียบไม่ได้เลยกับที่ที่เธอเคยไป
เหวินมั่นมั่นไม่อยากให้จวิ้นเจี่ยได้ยินเนื้อหาที่เธอกับถังโจวโจวจะคุยกัน ดังนั้นเธอจึงนั่งเงียบ ไม่พูดอะไร ถังโจวโจวก็ไม่ได้ชวนเธอคุย ถังโจวโจวและจวิ้นเจี่ยพูดคุยกันเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ หลังจากนั้นไม่นาน อาหารที่สั่งไว้ก็มาเสิร์ฟ
ถังโจวโจวหิวมานานแล้ว หลังจากคลุกให้เข้ากัน เธอก็ตักขึ้นมาคำโต และเอาใส่ปากอย่างมีความสุข จวิ้นเจี่ยเองก็เพลิดเพลินกับการกิน มีแค่เหวินมั่นมั่นเท่านั้นที่ยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับ เธอมองไปที่หม้อใบเล็กที่อยู่ตรงหน้า เธอไม่เข้าใจว่าถังโจวโจวและจวิ้นเจี่ยกินมันเข้าไปได้อย่างไร
ในความเห็นของเธอ นี่มันใกล้เคียงกับอาหารหมูมาก เหวินมั่นมั่นไม่เคยทานอาหารที่ทำอย่างลวกๆ แบบนี้มาก่อน เธอกระเดือกไม่ลงหรอก! ถังโจวโจวเห็นว่าเธอไม่กินสักทีจึงเอ่ยถาม “คุณเหวินคะ ถ้าคุณไม่กิน แล้วคุณจะตามเรามาทำไม”
เดิมทีถังโจวโจวก็ไม่คิดจะสนใจเธอ แต่เมื่อมองดูเธอเขี่ยอาหารไปมาด้วยสีหน้ารังเกียจแล้ว ถังโจวโจวก็ไม่พอใจอย่างมาก ในฐานะที่เธอเป็นนักกิน ถังโจวโจวทนดูเหวินมั่นมั่นสิ้นเปลืองแบบนี้ไม่ได้
เหวินมั่นมั่นไม่สนใจ เธอก้มหน้าเล่นโทรศัพท์และเพิกเฉยกับคำพูดของถังโจวโจว ถังโจวโจวก็ไม่ได้อยากที่จะเอ่ยมันซ้ำ ไม่ฟังก็ช่างเธอเถอะ
เมื่อถังโจวโจวกินจนหมด เธอก็แตะที่หน้าท้องที่ยื่นออกมา เธออิ่มแล้ว และจวิ้นเจี่ยก็อิ่มแล้วเหมือนกัน “โจวโจว พี่อิ่มแล้ว เรากลับกันเถอะ”
เหวินมั่นมั่นเงยหน้าขึ้น “ถังโจวโจว ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ คุณให้เธอกลับไปก่อน”
ถังโจวโจวมองจวิ้นเจี่ยอย่างจนใจ “พี่จวิ้นเจี่ย พี่กลับไปก่อนแล้วกันค่ะ ฉันขอนั่งคุยกับเธอหน่อย”
จวิ้นเจี่ยมองไปที่ถังโจวโจว แล้วก็เห็นความเด็ดเดี่ยวของเธอ “ถ้าอย่างนั้นพี่ไปก่อนนะ โจวโจว มีเรื่องอะไรก็โทรหาพี่ได้เลย”
“ค่ะ พี่จวิ้นเจี่ย วางใจเถอะ” ถังโจวโจวยิ้มให้จวิ้นเจี่ย จวิ้นเจี่ยเดินหันหน้าหันหลัง จนกระทั่งออกไปจากร้าน แล้วเธอก็ไม่ได้มองกลับมาที่ถังโจวโจวอีก
เหวินมั่นมั่นรู้สึกสบายใจขึ้นมาก เมื่อเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นหายไปแล้ว “ถังโจวโจว เราเปลี่ยนที่คุยกันเถอะ” เหวินมั่นมั่นสูดดมกลิ่นหอมมานานแล้ว ท้องของเธอจึงเริ่มหิว แต่เธอไม่อยากจะกินมัน
ถังโจวโจวไม่อยากเปลี่ยนที่ แต่เมื่อเธอได้ยินเสียงโครกครากจากท้องของเหวินมั่นมั่น เธอก็หัวเราะเล็กน้อย “คุณหิวใช่ไหมคะ คุณจะไปที่ไหนล่ะ แต่ฉันขอไว้อย่างหนึ่ง อย่าไปไกลจากบริษัทฉันมากนัก เพราะอีกเดี๋ยวฉันต้องกลับไปทำงานแล้ว”
จู่ๆ ถังโจวโจวก็รู้สึกว่าเหวินมั่นมั่นน่าสนใจ เพราะเธอไม่อยากกินจึงยอมปล่อยให้ท้องหิว? ไม่เข้าใจความคิดของเธอเลยจริงๆ
“วางใจได้ ไปร้านกาแฟที่ฉันนัดคุณไว้ก่อนหน้านี้ก็ได้ค่ะ ไปกันเถอะ” เหวินมั่นมั่นเดินนำหน้า เธอสัมผัสหน้าท้องที่ร้องดังขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะปลอบตัวเองในใจว่า ‘อีกเดี๋ยวก็ได้กินอะไรแล้ว ทนหน่อยนะ’
เมื่อพวกเธอไปถึงร้านกาแฟ เหวินมั่นมั่นก็เรียกบริกร “กาแฟสอง ขนมหนึ่ง”
“ไม่ต้องค่ะ ฉันขอแค่น้ำอุ่นก็พอ”
เมื่อเห็นว่าถังโจวโจวไม่แม้แต่จะดื่มกาแฟ เหวินมั่นมั่นก็จำคำที่เมิ่งชิงซีเคยพูดไว้ได้ ดูเหมือนว่าถังโจวโจวจะท้องจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ระมัดระวังขนาดนี้
“คุณอยากคุยอะไรกับฉัน” ถังโจวโจวรอจนเหวินมั่นมั่นกินของหวานไปครึ่งหนึ่งแล้ว เธอจึงอ้าปากถาม เมื่อมีอาหารตกถึงท้อง เหวินมั่นมั่นก็เข้าเรื่อง
“คุณท้องเหรอ” คำพูดของเหวินมั่นมั่นเต็มไปด้วยความสงสัย แต่น้ำเสียงก็เจือไปด้วยความมั่นใจ
ถังโจวโจวไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ เธอถึงพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา แต่เธอก็ยอมรับอย่างไม่เสแสร้ง “ค่ะ ฉันท้อง ทำไมหรือคะ”
[1] ข้าวคลุกหม้อหิน หมายถึง ข้าวยำเกาหลี