ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ - ตอนที่ 134 มีวิธีตามหาแล้ว
“ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว คุณก็ออกไปเถอะ” ลั่วเซ่าเชินโบกมือเล็กน้อย ลูซี่ก้มหน้าต่ำและก้าวถอยออกไปข้างนอก
ลูซี่ไม่ได้รู้สึกเสียใจ ถึงอย่างไรคำพูดของเมิ่งชิงซีคำเดียวมีพลังเทียบเท่ากับอำนาจเงินของตระกูลเมิ่ง เพียงแต่ครั้งนี้ลูซี่ได้รับคำตักเตือนจากลั่วเซ่าเชินแล้ว ครั้งต่อไปเธอก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจเมิ่งชิงซีอีก
“โจวโจว คุณไปอยู่ที่ไหนกันแน่?” ลั่วเซ่าเชินตามหาเธอมานานหลายวัน แต่เขาก็ยังไม่พบเธอเลย เขาสั่งให้หวังหวาตรวจสอบตามสถานที่ต่างๆ ในเมือง ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม บ้านพัก หรือสถานีรถไฟต่างๆ แต่กลับไม่ได้ข่าวของถังโจวโจวเลย ลั่วเซ่าเชินแน่ใจว่าเธอไม่ได้ออกไปนอกเมือง แต่เขาไม่รู้ว่าเธอไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน
ช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ ถังโจวโจวเอาแต่ซุกตัวอยู่ในบ้านของฟังหยวน เมื่อฟังหยวนออกไปทำงาน เธอก็นอนหลับอยู่ในห้อง หรือไม่ก็หาหนังสืออ่าน นั่นเป็นวิธีการที่เธอใช้ฆ่าเวลาในแต่ละวัน อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ที่ถังโจวโจวเริ่มเข้าครัว ฟังหยวนก็เริ่มกลับมากินข้าวเที่ยงที่บ้านบ้าง
แม้ว่าข้ออ้างของเขาคือเขากลัวถังโจวโจวเหงา ดังนั้นเขาจึงกลับมากินข้าวเป็นเพื่อนเธอ แต่ในความเป็นจริงแล้ว หลังจากที่ฟังหยวนได้กินอาหารที่ถังโจวโจวทำ ทุกครั้งที่ถึงเวลากินข้าวเขามักจะนึกถึงอาหารฝีมือของเธอ อย่างไรเสียเขาก็มีเวลาเหลือเฟือที่จะขับรถกลับมากินข้าวกับเธออยู่แล้ว อีกอย่างเขาจะได้มีเวลากระชับความสัมพันธ์กับถังโจวโจวด้วย
ตกเย็น ฟังหยวนก็กลับมาจากบริษัท เมื่อเขาก้าวขาเข้าไปในห้อง เขาก็ได้กลิ่นหอมฉุย เขารู้ในทันทีว่าถังโจวโจวกำลังเข้าครัว เขาคิดว่าถ้าถังโจวโจวพอใจที่จะอยู่อย่างนี้ เขาก็ยินดีที่จะอยู่กับเธอแบบนี้เหมือนกัน
เขามองดูถังโจวโจวคนอาหารที่อยู่ในหม้อ ฟังหยวนส่งเสียงทักทายเข้าไปในห้องครัวว่า “โจวโจว วันนี้ทำอะไรทานครับ”
“มีปลานึ่งค่ะ ซุปมะเขือเทศ หมูนึ่งข้าวคั่ว แล้วก็มีผัดบล็อกโคลี่ด้วย คุณอยากทานอะไรอีกไหมคะ” ถังโจวโจวหันไปมองฟังหยวนแวบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปสนใจอาหารที่อยู่ในหม้อต่อ
“แค่นี้ก็พอแล้วครับ ไม่เอาอะไรเพิ่มแล้ว”
ถังโจวโจวตักอาหารอย่างสุดท้ายลงในจาน “โอเคค่ะ เรียบร้อยแล้ว ทานข้าวได้แล้วค่ะ”
“เดี๋ยวผมหยิบชามเอง” ฟังหยวนทำแบบนี้ทุกครั้ง ถังโจวโจวจะรับผิดชอบเรื่องทำอาหาร ส่วนเขาจะรับผิดชอบเรื่องหยิบถ้วยชามและล้างทำความสะอาดหลังจากที่ใช้งานมันเสร็จ จู่ๆ ถังโจวโจวก็รู้สึกเหมือนว่าเธอกำลังฝึกผู้ชายให้เป็นพ่อบ้านอยู่
พวกเขาสองคนนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ฟังหยวนมองดูถังโจวโจวกินข้าวอย่างเงียบๆ เขาเล่าเรื่องที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้เธอฟังเป็นครั้งคราว โดยเขาหวังว่าจะได้เห็นรอยยิ้มจากเธอ ถังโจวโจวเองก็ไว้หน้าเขาอยู่เหมือนกัน ซึ่งมันก็ถือเป็นคำชมที่ยอดเยี่ยม
หลังจากที่ฟังหยวนกินข้าวและล้างจานเสร็จ เขากับถังโจวโจวก็นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น โทรทัศน์ถูกเปิดเอาไว้ แต่พวกเขาทั้งสองคนกลับไม่ได้สนใจรายการที่อยู่บนหน้าจอเลย
ครั้งแรกที่ฟังหยวนล้างจาน เขาทำถ้วยชามแตกไปหลายใบ แต่หลังจากที่เขาทำไปได้สักพัก ทักษะของเขาก็ดีขึ้น ตอนนี้อย่าว่าแต่ล้างจานได้สะอาดเลย วี่แววที่จะทำจานชามแตกก็ยังไม่มีให้เห็นเลยสักนิด
ฟังหยวนเห็นว่าสายตาของถังโจวโจวจับจ้องไปที่โทรทัศน์ แต่ใจของเธอไม่รู้ลอยไปถึงไหน “โจวโจว คุณไม่คิดจะกลับไปจริงๆ เหรอ” ฟังหยวนเอ่ยถามในฐานะเพื่อน แต่ในฐานะที่เป็นคนที่ชอบเธอ ฟังหยวนไม่อยากให้ถังโจวโจวกลับไปหาลั่วเซ่าเชินเลย
เขาไม่อาจพูดความในใจออกมาได้ เพราะเขาไม่รู้ว่าถังโจวโจวคิดอย่างไร และเหตุผลที่ถังโจวโจวเคยบอกมาทั้งหมด เขาก็ไม่ได้เป็นเหตุผลที่ทำให้เธอไม่อยากกลับไป ฟังหยวนเดาเอาเองทั้งนั้น เขาจึงไม่รู้ว่ามันถูกหรือผิดกันแน่
ฟังหยวนเห็นถังโจวโจวขลุกตัวอยู่แต่ในห้องไม่ออกไปไหนเป็นเวลาสองวันแล้ว แม้แต่อาหาร เขาก็เป็นคนซื้อกลับมาใส่ตู้เย็น โทรศัพท์ของเธอก็ไม่ดัง ฟังหยวนไม่เชื่อหรอกว่าลั่วเซ่าเชินจะไม่ออกตามหาเธอ ดูเหมือนว่าเธอไม่อยากจะรับสายเสียมากกว่า
“ฟังหยวน นี่คุณไล่ฉันหรือเปล่าคะ”
จู่ๆ ถังโจวโจวก็หันไปมองเขา ฟังหยวนสะดุ้งตกใจ ก่อนจะรีบปฏิเสธว่า “ผมไม่ไล่คุณหรอก คุณจะอยู่นานแค่ไหนก็ได้ โจวโจว แต่ผมอยากจะขอแนะนำคุณไว้อย่าง ทำแบบนี้มันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา”
ตอนนี้อาเชินคงไม่รามืออย่างแน่นอน เพียงแต่ไม่ได้คิดถึงเขาเท่านั้น ฟังหยวนเองก็ไม่ได้โทรไปหาลั่วเซ่าเชินเพื่อสังเกตดูว่าตอนนี้เขาเป็นอย่างไร ถังโจวโจวรู้ว่าสิ่งที่ฟังหยวนพูดมานั้นคือความจริง แต่ตอนนี้เธอยังไม่อยากนึกถึงมัน ให้เธอพักอยู่ที่นี่ต่ออีกสักสองวันไม่ได้หรือ?
ลั่วอิงอยู่กับคุณแม่ลั่วมาหลายวันแล้ว เธอร้องอยากจะกลับบ้านแล้ว เธอขอให้ให้แม่นมจ้าวโทรหาลั่วเซ่าเชิน “คุณพ่อขา แม่โจวโจวกลับมาหรือยังคะ”
“ยังเลยครับ” ลั่วเซ่าเชินได้รับโทรศัพท์จากคฤหาสน์ตระกูลลั่ว เดิมทีเขานึกว่าคุณแม่ลั่วโทรมา แต่เสียงที่เขาได้ยินกลับเป็นเสียงของลั่วอิง
เมื่อเห็นว่าลั่วอิงถามถึงถังโจวโจวไม่หยุด ลั่วเซ่าเชินจึงไม่มีทางเลือก นอกจากพูดความจริง
ลั่วอิงแผดเสียงร้องไห้ออกมาทันที “คุณพ่อ! แม่โจวโจวไม่อยากอยู่กับหนูแล้วหรือคะถึงได้หายตัวไป แต่หนูอยากอยู่กับแม่โจวโจว!”
ลั่วเซ่าเชินต้องยกโทรศัพท์ออกห่างจากใบหูเล็กน้อย ลั่วอิง แม่โจวโจวของหนูแค่ไม่ต้องการพ่อ เธอจะไม่อยากอยู่กับหนูได้ยังไง?
“ลูกพ่อ ไม่ร้องนะ ไม่ร้อง พ่อมีวิธีตามหาแม่โจวโจวแล้วครับ”
“วิธีอะไรเหรอคะ” ลั่วอิงลืมร้องไห้ไปชั่วขณะ เมื่อเธอได้ยินว่าเขาสามารถพาถังโจวโจวกลับมาได้ เธอก็หยุดร้องไห้ทันที
“เดี๋ยวเราไปหาคุณตาคุณยายกัน แม่โจวโจวไม่รับสายพวกท่านไม่ได้ จริงไหมครับ” ลั่วเซ่าเชินทุบศีรษะตัวเอง ทำไมก่อนหน้านี้เขาถึงคิดไม่ได้นะ โง่จริง!
“ถ้าอย่างนั้นคุณพ่อรีบมารับหนูเลยนะคะ พาหนูไปหาคุณตาคุณยายด้วย” ลั่วอิงกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ แม้ว่าเธอจะมีความสุขดีที่ได้อยู่คฤหาสน์ตระกูลลั่ว แต่เธอก็คิดถึงถังโจวโจวกับลั่วเซ่าเชินมาก ท้ายที่สุดแล้วคุณปู่คุณย่าก็เทียบกับคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้จริงๆ
“ครับ พ่อจะไปรับหนูเดี๋ยวนี้” ตอนนี้ลั่วอิงอยู่ในช่วงปิดเทอมฤดูหนาว ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องไปเรียนหนังสือ แม้ว่าคุณแม่ลั่วจะรักเธอมาก แต่ก็ไม่อาจอยู่เป็นเพื่อนเธอได้ตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าคุณแม่ลั่วไม่อดทน เธอแค่ต้องการพักผ่อนบ้างก็เท่านั้น
ลั่วอิงวิ่งกลับขึ้นไปชั้นบนอย่างมีความสุข แม่นมจ้าวก็ตามเธอขึ้นไปด้วย “คุณหนูคะ มีอะไรหรือเปล่า คุณชายมีข่าวดีอะไรหรือคะ”
แม่นมจ้าวเห็นลั่วอิงวิ่งเข้าไปในห้อง จากนั้นเธอก็ลากกระเป๋าเดินทางใบเล็กของเธอออกมา “คุณหนูคะ คุณหนูจะทำอะไร”
“คุณพ่อจะพาหนูไปหาแม่โจวโจวค่ะ แม่นมจ้าว” ลั่วอิงหัวเราะอย่างมีความสุขพลางประกาศข่าวดี
เมื่อแม่นมจ้าวได้ยินลั่วอิงพูดเช่นนั้น เธอก็ไม่สามารถยับยั้งความตื่นเต้นเอาไว้ได้ “จริงหรือคะ ดีจังเลย คุณผู้หญิงเธอเป็นคนดี คุณชายควรจะดีกับเธอให้มากๆ เขาทำเธอโมโหจนหนีไปอย่างนี้ได้ยังไงกันนะ”
แม่นมจ้าวอยู่กับลั่วเซ่าเชินมานานนับสิบปี เธอเห็นการเจริญเติบโตของเขา และรู้จักนิสัยใจคอของเขาเป็นอย่างดี ส่วนกับถังโจวโจวที่เธอเพิ่งจะรู้จักได้ไม่นาน แม่นมจ้าวก็รู้ดีว่าถังโจวโจวเป็นคนอารมณ์ดี เธอไม่เคยบันดาลโทสะเลยสักครั้ง
ในความคิดของแม่นมจ้าว เธอคิดว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นความผิดของลั่วเซ่าเชิน และแม่นมจ้าวก็ไม่ได้คิดผิด ลั่วเซ่าเชินจะต้องพูดอะไรผิดหรือทำอะไรผิดไปเป็นแน่ ถึงทำให้ถังโจวโจวโกรธมากจนหนีออกจากบ้านไปอย่างนี้
ลั่วเซ่าเชินขับรถมาถึงคฤหาสน์ตระกูลลั่วในไม่ช้า เมื่อคุณแม่ลั่วได้ยินเสียงเครื่องยนต์ เธอก็กำลังคิดอยู่ว่าใครกันที่จะมาเวลานี้ และเมื่อเธอเดินออกไปดู เธอก็พบว่าลั่วเซ่าเชินกลับมาแล้ว “อาเชิน ทำไมจู่ๆ ถึงมาได้ล่ะลูก”
เมื่อลั่วอิงได้ยินเสียงรถ เธอก็ขอให้แม่นมจ้าวช่วยเธอยกกระเป๋าเดินทางใบเล็กของเธอลงไปที่ชั้นล่าง เมื่อเธอเห็นลั่วเซ่าเชิน เธอก็โถมตัวเข้าไปหาเขา “คุณพ่อมาแล้ว หนูเก็บของเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“อาเชิน พวกลูกจะไปไหนกัน ลูกจะพาลั่วอิงกลับบ้านแล้วเหรอ ถังโจวโจวไม่อยู่บ้าน ลูกก็งานยุ่ง ใครจะดูแลเธอล่ะ” คุณแม่ลั่วเห็นว่าลั่วอิงเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้วโดยไม่ได้บอกเธอก่อนเลย พ่อลูกคู่นี้ช่างใจจืดใจดำพอกันเลยจริงๆ
เมื่อลั่วอิงเห็นว่าคุณแม่ลั่วจ้องมองเธอด้วยแววตาน้อยใจ เธอก็ยิ้มแห้งๆ และพูดอย่างซุกซนว่า “คุณย่าขา หนูก็เพิ่งได้รับโทรศัพท์จากคุณพ่อเมื่อกี้นี้เองค่ะ หนูก็เลยยังไม่ทันได้บอกคุณย่า” ลั่วอิงอาศัยความน่ารักน่าเอ็นดูของตัวเองเข้าช่วย
แต่ลั่วเซ่าเชินกลับผ่านด่านนี้ไปได้ไม่ดีนัก “อาเชิน ยืนเงียบอยู่ได้ ทำไมไม่พูดอะไรสักอย่าง ลูกจะพาลั่วอิงไปไหน แล้วยายถังโจวโจวเนี่ย ถ้าเธอไม่กลับมาหาลูก ลูกก็เลิกๆ กับเธอไปซะสิ ตระกูลของเราไม่มีสะใภ้แบบนี้ก็ไม่เห็นเป็นไรสักหน่อย”
“นี่แม่กำลังพูดอะไรอยู่ครับ”
“คุณย่าคะ หนูยอมรับแค่แม่โจวโจวคนเดียวเท่านั้น ผู้หญิงคนอื่นไม่สามารถเป็นแม่หนูได้ค่ะ!” ลั่วอิงแสดงเจตจำนงของเธอในทันที ตอนนี้เธอมีลั่วเซ่าเชินอยู่ด้วย เธอไม่กลัวสีหน้าที่ดุร้ายของคุณแม่ลั่วหรอก
“แม่ครับ แม่เห็นไหมว่าลั่วอิงเองก็คิดแบบนี้ วันหลังแม่อย่าพูดอะไรแบบนี้อีกนะครับ ผู้หญิงเจ้าแผนการอย่างเมิ่งชิงซี ผมรับไม่ได้” ลั่วเซ่าเชินอุ้มลั่วอิงขึ้นมา “แม่นมจ้าว เดี๋ยวช่วยขนกระเป๋าของลั่วอิงไปที่รถผมด้วย”
“ค่ะ คุณชาย” แม่นมจ้าวเดินถือกระเป๋าเดินทางออกไป
ลั่วอิงยิ้มจนตาปิดและกระซิบกับลั่วเซ่าเชินว่า “คุณพ่อขา พวกเราจะทำให้แม่โจวโจวกลับมาได้จริงๆ เหรอคะ”
“ได้แน่นอนครับ หนูเชื่อพ่อไหม” แม้ว่าจิตใจของลั่วเซ่าเชินจะหดหู่อยู่หลายวัน แต่เขาก็ยังคงหยอกล้อกับลั่วอิงได้เสมอ
ลั่วอิงต้องการให้กำลังใจลั่วเซ่าเชิน เธอจึงตะโกนขึ้นมาว่า “เชื่อสิคะ! คุณพ่อของหนูเก่งที่สุดในโลกเลย!”
เมื่อคุณแม่ลั่วเห็นสองพ่อลูกกระซิบกระซาบกัน ในขณะที่เธอยืนหัวโด่เหมือนคนนอกอยู่ตรงนี้ เธอก็ยิ่งไม่พอใจ “อาเชิน ทำไมลูกถึงว่าชิงซีแบบนี้ เธอไม่ดีตรงไหน แม่เห็นว่าเธอดีกว่าถังโจวโจวเป็นร้อยเท่าพันเท่า”
“ในเมื่อแม่คิดว่าเธอดี แม่ก็แต่งงานกับเธอเองแล้วกันนะครับ ผมไม่เคยอยากยุ่งเกี่ยวกับเธอเลย ผมขอพาลั่วอิงกลับก่อนนะครับ แล้วครั้งหน้าจะมาเยี่ยมใหม่” จากนั้นลั่วเซ่าเชินก็อุ้มลั่วอิงเดินออกไป
คุณแม่ลั่วยิ่งโมโหมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเธอเห็นลั่วเซ่าเชินเดินจากไป เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ หลานสาวของเธอก็เหมือนกัน ทุกคนเข้าข้างถังโจวโจวกันหมด ทำไมถึงไม่มีใครเชื่อเธอบ้างเลย
ลั่วเซ่าเชินขับรถพาลั่วอิงไปที่บ้านตระกูลถัง เขาบอกลั่วอิงตั้งแต่บนรถแล้วว่าเธอควรจะพูดอะไร ไม่ควรจะพูดอะไร ถึงจะได้ความเห็นใจจากคุณพ่อและคุณแม่ถัง
ลั่วอิงไม่ได้อยากโกหกคุณพ่อและคุณแม่ถัง เพราะว่าลั่วเซ่าเชินไม่อยากให้เธอบอกว่าถังโจวโจวโกรธลั่วเซ่าเชินจนหนีไป แต่ลั่วเซ่าเชินบอกว่าถ้าเธอไม่เชื่อฟังเขา แม่โจวโจวก็จะไม่กลับมา ลั่วอิงจึงต้องจำยอมอย่างฝืนใจ
“คุณพ่อขา วิธีนี้จะได้ผลจริงๆ เหรอคะ ถ้าแม่โจวโจวยังไม่ยอมกลับมาอยู่ดีล่ะ แล้วเราจะทำยังไง” ลั่วอิงกัดเล็บและคิดว่าถ้าถังโจวโจวหนีไปตลอดกาลจริงๆ ชีวิตของเธอต่อจากนี้ก็คงจะน่าสงสารมาก
“เรายังไม่ทันได้เริ่มเลย ลูกก็พูดเป็นลางแล้ว พ่อน่าสงสารกว่าหนูอีก ภรรยาพ่อหายไปทั้งคนนะ”
ลั่วอิงกลอกตาขึ้นฟ้า “คุณพ่ออย่ามาพูดกับหนูแบบนี้ค่ะ! คุณพ่อทำตัวเอง ถ้าคุณพ่อไม่ทะเลาะกับแม่โจวโจวจนแม่โจวโจวหนีไป เรื่องทั้งหมดมันจะเป็นแบบนี้ได้ยังไงคะ”
ลั่วเซ่าเชินรู้สึกว่าลั่วอิงค่อนข้างจะโตเกินวัย ตัวแค่นี้ก็รู้จักพูดจาอย่างนี้แล้ว แต่เอาเถอะ ตอนนี้พวกเขาเป็นพันธมิตรกัน อีกเดี๋ยวเขาจะต้องใช้ทักษะความสามารถของลั่วอิง ลั่วเซ่าเชินจึงได้แต่ก้มหน้ายอมรับข้อกล่าวหาของลูกสาวไป