ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ - ตอนที่ 139 อย่าเรียกพ่อว่าพ่ออีก
คุณแม่ถังพาถังโจวโจวมาที่ห้องนอนของเธอและปิดประตูลง ถังโจวโจวนั่งลงบนเตียง คุณแม่ถังก็นั่งลงตรงหน้าเธอ จากนั้นก็กุมมือเธอและเอ่ยถามอย่างจริงจัง
“โจวโจว บอกแม่มาตามตรงว่าลูกไปอยู่ที่ไหนมา อย่าโกหกแม่นะ แม่รู้ว่าลูกไม่ได้ไปอยู่ที่บ้านของหลินเหยา”
คุณแม่ถังพอจะเดาได้ เนื่องจากเธอเห็นว่าผ่านมาหลายวันแล้ว แต่ลั่วเซ่าเชินก็ยังคงตามหาลูกสาวของเธอไม่เจอ นั่นหมายถึงว่าถังโจวโจวไม่ได้ไปอยู่ที่บ้านของเพื่อนสนิทอย่างหลินเหยาแน่นอน มิฉะนั้นถังโจวโจวจะหายหน้าไปนานขนาดนี้ได้อย่างไร
ถังโจวโจวก้มหน้าปิดปากเงียบ คุณแม่ถังตีเธอครั้งหนึ่ง ถังโจวโจวสะดุ้งขึ้นมาทันที “แม่ แม่ทำอะไรเนี่ย”
คุณแม่ถังเห็นว่าเธอตีแค่เบาๆ แต่ถังโจวโจวกลับโวยวายเสียใหญ่โต “ให้ลูกจำได้ขึ้นใจไง ใช้ไม่ได้เลยเรานี่ หนีออกไปโดยที่ไม่บอกกันสักคำ ทำเอาแม่กับพ่อเป็นห่วงไปหมด ลูกไม่รู้ทางกลับบ้านหรือยังไง”
“ก็เพราะกลัวว่าพ่อกับแม่จะเป็นห่วงนี่ไงคะ ไม่อย่างนั้นหนูจะกลับมานั่งอยู่ตรงนี้เหรอ” ถังโจวโจวทำหน้ามุ่ย ยู่ปากน้อยใจเหมือนถูกรังแก
“ลูกไม่อยากให้พวกเราเป็นห่วง? แต่พ่อกับแม่ยังไม่รู้อะไรเลย เราก็ยังเป็นห่วงเหมือนเดิมนั่นแหละ ตอนนั้นลูกคงคิดไว้แล้วใช่ไหมว่าเซ่าเชินจะต้องมาตามหาลูกถึงที่นี่?” คุณแม่ถังคิดอยู่แล้วว่า ยังไงๆ ถังโจวโจวก็ตั้งใจหนีไป ลูกคนนี้นี่ หาข้ออ้างเก่งจริงๆ
คุณแม่ถังเป็นคนใจดี เมื่อครู่นี้ที่อยู่ด้านนอก เพื่อรักษาหน้าของถังโจวโจว เธอจึงไม่ได้พูดอะไรมาก และเมื่อเธอเห็นว่าลั่วเซ่าเชินเองก็ไม่ได้ถามอะไร เธอจึงทำทีเหมือนปล่อยให้มันผ่านๆ ไป แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน พวกเธอสองคนแม่ลูกเข้ามาคุยกันแบบส่วนตัวแล้ว แต่ถังโจวโจวกลับยังไม่ยอมเปิดปากพูดเสียนี่
ถังโจวโจวก้มหน้าต่ำ เธอรู้อยู่แล้วว่าลั่วเซ่าเชินจะต้องมาที่นี่ ก็เพราะว่ารู้นั่นแหละ เธอถึงคิดจะหนีไปอยู่ที่อื่น เธอนึกว่าลั่วเซ่าเชินจะไม่กล้ามารบกวนคุณพ่อคุณแม่ นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะไร้ยางอายจนถึงกับมารบกวนผู้อาวุโสอย่างพวกท่าน
“เอาละ แม่จะไม่เค้นถามลูกอีก ลูกบอกแม่มาดีๆ ดีกว่าว่าตกลงลูกไปอยู่ที่ไหนมา” เมื่อถังโจวโจวเห็นว่าคุณแม่ถังไม่ได้พูดทีเล่นทีจริงเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว เธอก็รู้สึกปวดหัว ถ้าเธอบอกออกไปตรงๆ ว่าเธอไปอยู่ที่ไหนมา เธอเดาว่าคุณแม่ถังน่าจะอารมณ์เสียมากขึ้น
แม้ว่าถังโจวโจวจะรู้สึกว่าตัวเองไม่ผิด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณแม่ถังจะคิดแบบเดียวกับเธอ เธอจึงได้แต่พูดอย่างออดอ้อนว่า “แม่ขา แม่อย่าถามหนูอีกเลย แม่ไม่อยากได้ยินมันนักหรอก”
หัวใจของคุณแม่ถังเต้นระรัวเมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนี้ “นี่ลูกหมายความว่า…ลูกไปอยู่บ้านผู้ชายมา?” คุณแม่ถังนึกถึงความเป็นไปได้นี้ขึ้นมา มิฉะนั้นถังโจวโจวจะพูดว่า ‘แม่ไม่อยากได้ยินหรอก’ ได้อย่างไร
ถังโจวโจวยอมรับโดยดุษณี คุณแม่ถังยกมือทาบอก ไม่ต้องแปลกใจเลยหากว่าถังโจวโจวจะถูกตีตาย ที่แท้มันก็เป็นอย่างนี้ คุณแม่ถังอยากจะตีเธอให้หนักจริงๆ นี่เธอคิดอะไรอยู่? บ้านตัวเองดีๆ ก็มีแต่ไม่กลับมา ดันไปอยู่บ้านผู้ชายคนอื่นเสียนี่!
แต่คุณแม่ถังก็อยากจะถามอะไรให้แน่ใจเสียก่อน “โจวโจว แม่จะถามลูกนะ แล้วลูกก็ต้องตอบแม่มาตามตรง”
“แม่คะ แม่บอกมาก่อนได้ไหมว่าแม่จะพูดเรื่องอะไร แล้วหนูจะคิดอีกทีว่าจะตอบหรือไม่ตอบ” ถังโจวโจวกะพริบตาปริบๆ คุณแม่ถังก็ตีเธออีกครั้ง ถังโจวโจวยู่ปากลงอย่างน้อยใจ วันนี้แม่ดุจริงๆ เธออยากให้พ่อได้เห็นท่าทางของแม่ยามที่สวมวิญญาณ ‘ผู้หญิงใจร้าย’ เหลือเกิน
เมื่อคุณแม่ถังเห็นว่าถังโจวโจวมองค้อน เธอก็ตีอีก “อย่าคิดว่าแม่ไม่รู้นะว่าลูกกำลังคิดอะไร ลูกคิดว่าแม่ดุมากใช่ไหม ลูกหาเรื่องใส่ตัวทั้งนั้น แม่ไม่ได้แผลงฤทธิ์มานานแล้ว ลืมรสชาตินั้นไปแล้วใช่ไหม”
ถังโจวโจวนึกถึงสมัยก่อน เธอจำได้ว่าตอนที่เธอยังเด็ก ถึงแม้ว่าคุณแม่ถังจะเป็นคนอารมณ์ดี แต่เมื่อเทียบกับคุณพ่อถังแล้วก็ยังดูขี้โมโหกว่าเห็นได้ชัด ถ้าถังโจวโจวทำอะไรผิดมา คุณพ่อถังไม่มีทางเอ็ดเธอก่อนแน่นอน
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ถังโจวโจวติดคุณพ่อถังมาก จนคุณแม่ถังเองก็ยังรู้สึกน้อยใจ แต่สำหรับวีรกรรมบางอย่างของถังโจวโจว คุณพ่อถังก็ไม่สามารถปกป้องเธอได้ ตระกูลถังอยู่กันแบบคุณแม่ดุแต่คุณพ่อใจดีมาเป็นเวลานาน
หลังจากที่ถังโจวโจวรู้ความ คุณแม่ถังก็ไม่ค่อยได้โมโหเธอเท่าไรแล้ว เว้นเสียแต่ว่าถังโจวโจวจะทำในสิ่งที่คุณแม่ถังเห็นว่าไม่ถูกต้อง ซึ่งมันก็เกิดขึ้นน้อยมาก ดังนั้นถังโจวโจวจึงลืมรสชาติความโกรธของคุณแม่ถังไปแล้ว
“โอเค หนูยอมแพ้แล้วก็ได้! แม่อย่าตีหนูอีกเลย เดี๋ยวแม่จะเจ็บมือเปล่าๆ”
ท่าทางทะเล้นของถังโจวโจว ทำให้คุณแม่ถังหัวเราะออกมาเสียงดัง “เอาละ อย่ามัวแต่เล่น พูดมาเดี๋ยวนี้ว่าระหว่างลูกกับเซ่าเชินมีปัญหาอะไรกัน ขืนยังไม่พูดอีก แม่จะใช้ท่าไม้ตายแล้วนะ”
“พูดแล้วค่ะ พูดแล้ว แม่ก็อย่ากระโตกกระตากไปนะคะ เรื่องของเรื่องก็คือเซ่าเชินเขาออกนอกลู่นอกทางค่ะแม่” ถังโจวโจวพูดจบก็ก้มหน้าลงเล่นมือของตัวเอง
คุณแม่ถังเกือบจะส่งเสียงร้องออกมา จิตใต้สำนึกทำให้เธอโต้ตอบกลับไปทันทีว่า “พูดเป็นเล่น เซ่าเชินจะทำแบบนี้ได้ยังไง”
ทันทีที่ถังโจวโจวได้ยินคุณแม่ถังออกปากปกป้องลั่วเซ่าเชิน เธอก็กลอกตาขึ้นฟ้า ถ้าเธอรู้ว่าคุณแม่ถังจะคิดแบบนี้ เธอไม่พูดจะดีกว่า นี่ฉันไม่รู้แล้วว่าแม่คลอดฉันออกมาหรือเปล่า?
“แม่คะ นี่แม่เป็นคนคลอดหนูออกมาหรือเปล่า ทำไมแม่ถึงไม่อยู่ข้างเดียวกันกับหนูล่ะ แล้วยังจะไปเข้าข้างเขาอีก หนูเป็นลูกแม่นะ หนูจะโกหกแม่ทำไม”
คุณแม่ถังกลัวว่าถังโจวโจวจะเข้าใจผิดขึ้นมาจริงๆ แม้เธอจะรู้ว่าลูกสาวยังไม่รู้ความจริง แต่เธอก็กันไว้ก่อนดีกว่า คุณแม่ถังรีบพูดว่า “โจวโจว ลูกจะไม่ใช่ลูกที่แม่คลอดออกมาได้ยังไง พูดอะไรไร้สาระ วันหลังอย่าพูดอะไรแบบนี้อีกนะ!”
“แม่คะ ทำไมต้องเสียงดังด้วย หนูรู้ว่าแม่เป็นคนคลอดหนูออกมา แต่ทำไมแม่ถึงดูร้อนรนผิดปกติ?” ถังโจวโจยื่นหน้าเข้าไปมองคุณแม่ถังอย่างสงสัย นัยน์ตาของคุณแม่ถังวูบไหวเล็กน้อย แต่เธอก็แสร้งทำเป็นสงบนิ่งไว้ได้
“แม่ก็แค่กลัวว่าลูกจะเข้าใจผิดไง นี่ลูกตั้งใจเบี่ยงประเด็นใช่ไหม รีบบอกแม่มาว่าลูกรู้ได้ยังไงว่าเซ่าเชินเขานอกลู่นอกทาง ใครเป็นคนบอก” คุณแม่ถังกังวลเสียจนเหงื่อชื้นเต็มแผ่นหลัง
“หนูรู้เองค่ะ แม่เชื่อหนูนะ เรื่องนี้มันเกิดขึ้นจริงๆ ผู้หญิงคนนี้คือรักแรกของเขา แต่เซ่าเชินเขาไม่ยอมรับ”
ถังโจวโจวนึกถึงลั่วเซ่าเชินที่เอาแต่บอกว่าเขากับหันฮุ่ยซินไม่ได้มีอะไรกัน แต่รูปภาพมันชัดเจนออกอย่างนั้น พวกเขาจะไม่มีอะไรกันได้อย่างไร ถังโจวโจวไม่เชื่อเรื่องที่เขาพูดออกมาเลย ที่ครั้งนี้เธอสารภาพกับคุณแม่ถัง ก็เพราะเธอต้องการความช่วยเหลือ บางทีเรื่องระหว่างเธอและลั่วเซ่าเชินอาจจะมีบทสรุปบางอย่างรออยู่แล้ว
ตอนนี้ถังโจวโจวยังไม่อยากจะคิดว่าบทสรุปนี้มันจะออกมาดีหรือร้าย แต่เธอไม่อยากอยู่ๆ ก็กลายสภาพเป็นคนโง่แบบนี้อีกต่อไป และเธอก็ไม่อยากจะเสียเวลาอีกแล้ว เธอได้รับการตอบแทนไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ
“โจวโจว ในเมื่อเซ่าเชินบอกว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น ลูกก็ควรจะไตร่ตรองให้ดี ท่าทางของเซ่าเชินก็ไม่เหมือนว่าเขาจะหลอกลูกนะ” คุณแม่ถังรู้ดีว่าหัวข้อสนทนาก่อนหน้าถูกเปลี่ยนไปแล้ว แต่เธอนึกเป็นห่วงถึงความสัมพันธ์ระหว่างถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินมากกว่า
ในมุมมองของคุณแม่ถัง เธอรู้สึกว่าลั่วเซ่าเชินอายุยังน้อยและมีความสามารถ แม้ว่าเขาจะมีลูกติด แต่เงื่อนไขข้ออื่นๆ ของเขาก็ยังดีกว่าผู้ชายส่วนใหญ่ คุณแม่ถังค่อนข้างพอใจกับลูกเขยคนนี้ ไม่ว่าจะคำพูดคำจา หรือความรู้ความสามารถของเขา มันก็เหนือกว่าคนทั่วไป
แต่คุณแม่ถังนึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่าทำไมลั่วเซ่าเชินถึงมาก่อเรื่องแบบนี้เอาป่านนี้? คนอย่างเขา หากมีความคิดนี้อยู่ เขาก็คงจะเปลี่ยนไปนานแล้ว เขาจะรอจนถึงตอนนี้ทำไม สัญชาตญาณของคุณแม่ถังบอกว่าผู้หญิงคนที่เป็นรักแรกของเขาคนนั้นต่างหากที่เป็นตัวการของเรื่องทั้งหมด
“หนูรู้อยู่แล้วว่าแม่ต้องพูดแบบนี้ แต่หนูเห็นรูปค่ะ แล้วมันจะไม่จริงได้ยังไง อีกอย่าง ตอนที่หนูถามเขา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ยอมรับออกมา แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ”
“โจวโจว แม่รู้ว่าลูกเจ็บปวด แล้วตอนนี้ลูกจะทำยังไงต่อไป” ตอนนี้คุณแม่ถังแค่อยากรู้ว่าถังโจวโจวคิดอย่างไร เธอคิดจะเลิกกับลั่วเซ่าเชิน หรือว่าจะอดทนข้ามปัญหานี้ไปให้ได้ แต่เมื่อมองดูท่าทางของลูกสาวแล้ว คุณแม่ถังก็คิดว่าเป็นไปได้ที่พวกเขาจะเลิกกัน
แล้วก็เป็นไปอย่างที่คิดไว้ “หนูอยากย้ายกลับมาค่ะแม่” ถังโจวโจวรู้ดี แม้ว่าตอนนี้เธอจะขอหย่า ลั่วเซ่าเชินก็คงไม่ยอม แต่เธอก็ไม่อยากอยู่บ้านเดียวกันกับลั่วเซ่าเชินอีกต่อไปแล้ว
“โอเค แม่จะไม่ขัดขวางการตัดสินใจของลูก ถ้าลูกย้ายกลับมาอยู่ด้วยจริงๆ พ่อจะต้องดีใจมากแน่ๆ หลังจากลูกแต่งงานออกไป พ่อก็ไม่ค่อยมีแรงเหมือนแต่ก่อนเลย” ถังโจวโจวและคุณแม่ถังยิ้มให้แก่กัน
เมื่อเห็นคุณแม่ถังและถังโจวโจวเดินออกมา ลั่วเซ่าเชินก็จ้องมองไปที่ถังโจวโจวด้วยแววตาลุกโชน เขากลัวว่าถังโจวโจวจะเล่าอะไรให้คุณแม่ถังฟังและคุณแม่ถังก็เชื่อ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงเขาจะหนีไปร้องไห้ที่ไหนได้!
“เซ่าเชิน ช่วงนี้โจวโจวจะกลับมาอยู่กับแม่นะ คุณไม่ว่าอะไรใช่ไหม”
มีปัญหาแน่นอน! แต่ลั่วเซ่าเชินจะปฏิเสธคำขอของคุณแม่ถังได้อย่างไร เขาจึงได้แต่ยิ้มรับอย่างขมขื่น “ไม่มีปัญหาครับ คุณแม่”
ลั่วเซ่าเชินคิดดูอีกที เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน แม้ว่าถังโจวโจวจะอยู่ที่นี่ แต่เธอก็ไม่ได้ห้ามเขาไม่ให้มาหาเธอนี่ ให้เธอได้คิดทบทวนบ้างก็ดี แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่สามารถปล่อยให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาหยุดชะงักไปแบบนี้ได้
“แม่ครับ ในเมื่อโจวโจวจะอยู่ที่นี่ ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอพาลั่วอิงกลับนะครับ” ลั่วเซ่าเชินพูดพลางมองไปที่ลั่วอิง
“หนูไม่กลับค่ะ คุณยาย หนูอยากอยู่กับแม่โจวโจว” ในขณะที่เธอพูด เธอก็ยังคงจับชายเสื้อของถังโจวโจวเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าเธอยืนกรานหัวชนฝา
ถังโจวโจวเองก็ไม่อยากให้ลั่วอิงกลับไป “ถ้าเธออยากอยู่ที่นี่ คุณก็ให้เธออยู่กับฉันก็ได้ค่ะ”
ลั่วเซ่าเชินไม่เห็นด้วย “ลั่วอิง กลับกับพ่อ ลูกไม่ต้องการพ่อแล้วใช่ไหม”
เมื่อลั่วอิงเห็นว่าสีหน้าของลั่วเซ่าเชินเปลี่ยนไป เธอก็รู้แล้วว่าเขาโกรธ แต่เธอก็ขอลองออดอ้อนดูอีกสักครั้ง “คุณพ่อขา หนูอยู่กับแม่โจวโจวไม่ได้จริงๆ เหรอคะ”
“ไม่ได้ ถ้าลูกจะอยู่ที่นี่ ต่อไปก็อย่ามาเรียกพ่อว่าพ่ออีก!” ลั่วเซ่าเชินมองตรงไปที่เธอ ในที่สุดลั่วอิงก็หวาดกลัว
“คุณพ่อขา! หนูจะเชื่อฟังคุณพ่อ คุณพ่ออย่าทิ้งหนูนะ!” ลั่วอิงแผดเสียงร้องไห้ออกมา
ถังโจวโจวคิดว่าลั่วเซ่าเชินกำลังทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ก็แค่อยู่ที่นี่เอง จำเป็นต้องพูดเหมือนว่าเขาจะทอดทิ้งเธอเลยเหรอ? “คุณทำอะไรน่ะ ดูสิ เธอผวาไปหมดแล้ว โอ๋… ลั่วอิง ไม่ร้องนะคะ” ถังโจวโจวย่อตัวลงไปปลอบลั่วอิง
คุณแม่ถังเองก็รู้สึกว่าลั่วเซ่าเชินเข้มงวดกับลูกมากไป “เซ่าเชิน ถ้าลั่วอิงอยากอยู่ที่นี่ก็ให้เธออยู่เถอะจ้ะ ให้เธอนอนกับโจวโจวก็ได้ไม่เป็นไรหรอก”
ลั่วเซ่าเชินเห็นว่านัยน์ตาของคุณแม่ถังและถังโจวโจวแฝงไปด้วยการตำหนิ แต่เขาไม่หวั่นไหว เขามีแผนของเขา วันนี้เขาจะต้องพาลั่วอิงกลับไปด้วยให้ได้
“ลั่วอิง ลูกจะไปกับพ่อไหม ถ้าลูกไม่ไป พ่อจะไปคนเดียว แล้วถ้าพ่อเดินพ้นจากประตูนี้ไปเมื่อไร ลูกก็ไม่ต้องเรียกพ่อว่าพ่ออีก” ลั่วเซ่าเชินพูดออกมาขนาดนี้แล้ว มีหรือที่ลั่วอิงจะกล้าไม่เชื่อฟังเขา
เธอรีบจับมือของลั่วเซ่าเชินทันที “หนูจะกลับบ้านกับคุณพ่อค่ะ แต่เสื้อผ้าหนูยังอยู่ในห้อง หนูขอไปเก็บก่อนได้ไหมคะ”
เมื่อถังโจวโจวเห็นว่ามือของลั่วอิงหายไปจากมือของเธอ ถังโจวโจวก็รู้สึกผิดหวังอย่างไม่น่าเชื่อ ตอนที่เธอหนีออกจากบ้านไป เธอยังไม่รู้สึกเบาโหวงแบบนี้เลย แล้วทำไมวันนี้เธอถึงรู้สึกเศร้าอย่างนี้ล่ะ? ถังโจวโจวแอบชำเลืองอย่างระมัดระวังมองดูลั่วอิงที่จับมือของลั่วเซ่าเชินไว้แน่น ก่อนเธอจะหยัดตัวขึ้น