ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ - ตอนที่ 143 หนูเป็นลูกแท้ๆ ของคุณพ่อหรือเปล่า
เมื่อถังโจวโจวตื่นขึ้นมาก็ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว เธอรู้สึกราวกับว่าร่างกายตัวเองถูกรถชนมา แค่ขยับนิดเดียวก็เจ็บแล้ว ถังโจวโจวปรายตามองดูภาพห้องนอนที่คุ้นเคย เหมือนกับว่าเธอแค่ฝันไปที่เธอได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง
เมื่อลั่วเซ่าเชินเปิดประตูห้องเข้ามาและเห็นว่าถังโจวโจวตื่นแล้ว เขารีบเข้าไปประคองให้เธอลุกขึ้นนั่ง “คุณเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นหรือยัง”
ถังโจวโจวมองดูสีหน้าที่อิ่มเอมใจของเขา พอมองนานเข้าเธอก็รู้สึกโมโห แต่เธอก็เก็บงำความรู้สึกนั้นเอาไว้ ไม่แสดงมันออกมา ลั่วเซ่าเชินกำลังอารมณ์ดี ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจท่าทางไม่พอใจของเธอ หรือจะพูดให้ถูกก็คือ ชายหนุ่มที่กินอิ่มนอนหลับมักจะมองทุกอย่างดีไปหมดแม้ในสถานการณ์แบบนี้
“คุณน่าจะหิวแล้วแน่ๆ เดี๋ยวผมให้ป้าหลิวยกอาหารขึ้นมาให้” ลั่วเซ่าเชินเกลี่ยผมที่หล่นลงมาให้ถังโจวโจว แต่ถังโจวโจวกลับเบือนหน้าหนีไปอีกด้าน เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เต็มใจที่จะรับความห่วงใยจากเขา
“ฉันจะกลับแล้วค่ะ”
สีหน้าของลั่วเซ่าเชินเรียบตึงในทันทีที่ได้ยินแบบนั้น “คุณจะกลับไปไหน คุณจำไม่ได้หรือว่าเมื่อวานคุณพูดอะไรไว้”
ถังโจวโจวเสียความมั่นใจ เดิมทีเธอจำเรื่องนี้ไม่ได้แล้ว แต่เมื่อลั่วเซ่าเชินเอ่ยออกมา เธอก็นึกออกทันที เธอก้มหน้าลงและไม่พูดอะไร
“ถ้าคุณจำได้ วันหลังก็อย่าพูดแบบนี้อีก” ลั่วเซ่าเชินเองก็ไม่ได้อยากบีบบังคับถังโจวโจวด้วยวิธีนี้ เพียงแต่ลั่วเซ่าเชินทนรับพฤติกรรมแข็งข้อของเธอไม่ไหวอีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงต้องใช้ไม้แข็งแบบนี้
ทันทีที่ถังโจวโจวคิดได้ว่าเขาไม่มีหลักฐาน เธอก็พูดอย่างถือไพ่เหนือกว่า “ฉันเคยพูดแบบนั้นด้วยหรือคะ ทำไมฉันจำไม่ได้ล่ะ?”
ลั่วเซ่าเชินหยิบโทรศัพท์ออกมา “ผมรู้ว่าคุณจะต้องพูดแบบนี้ ผมก็เลยเตรียมเอาไว้แล้ว”
เมื่อเขาเปิดไฟล์เสียงที่บันทึกไว้ เสียงแหบพร่าของลั่วเซ่าเชินก็ดังออกมา ‘โจวโจว คุณชอบไหม’
‘โจวโจว คุณจะยอมกลับมาอยู่บ้านได้หรือยัง’
หลังจากนั้นน้ำเสียงอันมีเสน่ห์ของถังโจวโจวก็ดังขึ้น ‘เซ่าเชิน ฉันยอมแล้วค่ะ เอาละ คุณอย่าทรมานฉันอีกเลย’
ถังโจวโจวเขินจนใบหน้าแดงก่ำ เธอนึกไม่ถึงเลยว่าลั่วเซ่าเชินจะเจ้าเล่ห์ได้ขนาดนี้ เขามีไฟล์เสียงเก็บไว้ด้วย! เมื่อเธอนึกถึงวิธีการที่ลั่วเซ่าเชินเลือกใช้กับเธอเมื่อวานนี้ ถังโจวโจวก็อยากจะกัดคอเขาแรงๆ เพื่อเป็นรางวัลแด่ความกำเริบของเขา
“ชัดเจนนะ? คุณเป็นคนพูดเอง คุณคงไม่คิดจะผิดคำพูดหรอกใช่ไหม” เมื่อลั่วเซ่าเชินเห็นสีหน้าเรียบเฉยของถังโจวโจว เขาก็ไม่รู้สึกกังวลใจ อีกเดี๋ยวเธอก็คิดได้เอง
“ฉันไม่ผิดคำพูดหรอกค่ะ” คำทุกคำที่ถังโจวโจวพูดออกมาและรอยยิ้มที่แสนสวยงามของเธอ ทำให้ลั่วเซ่าเชินรู้สึกหวาดระแวง เธอคงไม่ได้จะทรมานอะไรเขาอีกใช่ไหม? ลั่วเซ่าเชินรู้สึกกังวลอยู่ในใจ
ลั่วอิงได้รับมอบหมายจากป้าหลิวให้ขึ้นมาเรียกลั่วเซ่าเชินลงไปกินข้าว เมื่อลั่วอิงวิ่งไปที่ห้องหนังสือ เธอก็ไม่พบใครในนั้น เธอแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะบ่นพึมพำว่า “ทำไมคุณพ่อไม่อยู่ที่นี่ล่ะ หรือว่าอยู่ที่ห้องนอน?”
เมื่อเห็นว่าบานประตูแง้มเปิดอยู่ ลั่วอิงก็ผลักเข้าไปและพูดด้วยเสียงอันดังว่า “คุณพ่อขา ทานข้าวได้แล้วค่ะ!”
ถังโจวโจวรีบซ่อนตัวเข้าไปในผ้าห่มเมื่อเธอได้ยินเสียงของลั่วอิง ตอนนี้เธอยังไม่ได้สวมเสื้อผ้าเลย เธอไม่สามารถให้ลั่วอิงเห็นเธอในสภาพนี้ได้
เมื่อลั่วเซ่าเชินเห็นว่าถังโจวโจวคลุมตัวเรียบร้อยแล้ว เขาก็กำลังจะหันไปหยุดลั่วอิง แต่นึกไม่ถึงเลยว่าลั่วอิงจะไวถึงเพียงนี้ เขายังไม่ทันได้ออกไปห้าม เธอก็เข้ามาถึงข้างในแล้ว “แม่โจวโจว! ทำไมคุณแม่ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะคะ?!”
เมื่อถังโจวโจวเห็นว่าลั่วอิงตกใจขนาดนี้ เธอก็หันไปมองลั่วเซ่าเชิน เธอเห็นลั่วเซ่าเชินลูบปลายจมูก เห็นได้ชัดว่าท่าทีเขามีพิรุธ เธอเข้าใจได้ในทันทีว่าลั่วเซ่าเชินยังไม่ได้บอกลั่วอิงว่าเธออยู่ที่นี่แล้ว เมื่อครู่เธอกำลังคิดอยู่เลยว่า ถ้าลั่วอิงรู้ว่าเธอกลับมาแล้ว มีหรือที่จนป่านนี้จะยังไม่มาหาเธอ? สาเหตุมันอยู่ตรงนี้นี่เอง!
“ลั่วอิง พอแล้วลูก แม่โจวโจวกำลังพักผ่อน เราลงไปข้างล่างกันก่อนดีกว่านะ”
เมื่อลั่วอิงเห็นแก้มที่แดงระเรื่อของถังโจวโจว เธอก็ไม่เชื่อคำพูดที่ไร้สาระของลั่วเซ่าเชิน “คุณพ่อนิสัยไม่ดี! คุณพ่อไม่ยอมบอกหนูว่าแม่โจวโจวกลับมาแล้ว”
‘มิน่าล่ะ วันนี้คุณพ่อถึงไม่ไปบ้านคุณยาย’ เธอนึกว่าแม่โจวโจวทำให้คุณพ่อเสียใจ เขาก็เลยไม่อยากไปแล้ว ‘คุณพ่อนิสัยเสียจริงๆ!’ ลั่วอิงเบ้ปากสูง ราวกับว่าลั่วเซ่าเชินเป็นหนี้เธออยู่ห้าล้านหยวน
ลั่วเซ่าเชินกระแอมไอ “ถ้าพ่อบอกลูกก่อน ลูกก็จะขึ้นมาหาแม่โจวโจวใช่ไหม แล้วถ้าลูกขึ้นมา รู้ไหมว่าจะยิ่งรบกวนการพักผ่อนของคุณแม่?”
เมื่อลั่วอิงคิดตาม ที่ลั่วเซ่าเชินพูดมาเธอก็เห็นด้วย แต่เธอก็ไม่สามารถยกโทษให้กับพฤติกรรมของลั่วเซ่าเชินได้ “ถ้าคุณพ่อบอกหนูดีๆ หนูจะขึ้นมากวนแม่โจวโจวทำไมล่ะคะ แต่นี่คุณพ่อไม่ยอมบอกหนู วันหลังมีอะไรหนูจะไม่ช่วยคุณพ่อแล้ว!”
ลั่วเซ่าเชินเห็นว่ายิ่งนานวันเข้าเธอยิ่งเอาแต่ใจ มิหนำซ้ำครั้งนี้ยังขู่กรรโชกเขาอีก “โอเค ถ้าอย่างนั้นครั้งหน้าที่พ่อกับแม่โจวโจวออกไปข้างนอก ลูกก็ไม่ต้องไป เพราะไม่ว่ายังไงคนที่ลูกชอบในตอนนี้ก็ไม่ใช่พ่ออยู่ดี” ลั่วเซ่าเชินเงยหน้ามองถังโจวโจวและไม่ได้ปรายตามองไปที่ลั่วอิงอีก
ลั่วอิงรู้สึกน้อยใจ มือเล็กๆ ของเธอจับชายเสื้อของลั่วเซ่าเชินเอาไว้ แต่เธอก็กลัวว่าเขาจะยังโกรธอยู่ เธอจึงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ดวงตาของเธอเปียกชื้น ด้วยกลัวว่าเธอจะเสียของที่ล้ำค่าที่สุดของเธอไป
ถังโจวโจวกลอกตาเมื่อเห็นว่าผู้ใหญ่อย่างลั่วเซ่าเชินยังจะทะเลาะกับเด็กตัวเล็กๆ อย่างลั่วอิงได้ “ลั่วอิง ไม่ต้องไปสนใจคุณพ่อนะคะ คุณพ่อเขาพูดเล่น แต่ถ้าคุณพ่อไม่พาหนูไป เดี๋ยวแม่โจวโจวพาหนูออกไปเที่ยวเอง โอเคไหมคะ”
ลั่วอิงเพียงแค่พยักหน้า เธอไม่กล้าพูดอะไร เธอรู้สึกเศร้าใจไม่น้อยที่ลั่วเซ่าเชินเอาแต่พูดว่าเธอไม่เชื่อฟังเขา หัวใจดวงเล็กๆ ของลั่วอิงรู้สึกเจ็บปวดจนแทบรับไม่ไหวแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นหนูลงไปทานข้าวก่อนนะคะ เดี๋ยวแม่โจวโจวอาบน้ำเสร็จแล้วจะตามลงไป” ถังโจวโจวเห็นว่าลั่วอิงเดินออกไปแล้ว แต่ลั่วเซ่าเชินยังคงยืนอยู่ เธอถามเขาอย่างอารมณ์เสียว่า “แล้วคุณไม่ออกไปหรือคะ”
“ทำไมผมต้องออกไปด้วย” ลั่วเซ่าเชินมองถังโจวโจวอย่างไม่เข้าใจ เขาก็ยืนอยู่ตรงนี้ดีๆ ทำไมเขาถึงต้องออกไปด้วย?
เมื่อเห็นถังโจวโจวลุกขึ้นนั่ง ทันใดนั้นแววตาของลั่วเซ่าเชินก็ลุกวาว ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง “ผมไม่ออกหรอก ถ้าคุณจะเปลี่ยนเสื้อผ้า คุณก็เปลี่ยนไปสิ ผมเห็นคุณมาทุกซอกทุกมุมแล้ว มีอะไรให้คุณต้องอายอีก?”
เมื่อถังโจวโจวเห็นว่าเขาไม่ยอมออกไป เธอก็ไม่ยอมแพ้ เธอห่อตัวด้วยผ้าห่มและเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า จากนั้นเธอก็หยิบเสื้อผ้าของเธอออกมาและเดินเข้าไปในห้องน้ำ
ลั่วเซ่าเชินเห็นเธอทุลักทุเลแบบนี้ แต่ก็ไม่คิดยื่นมือเข้าไปช่วย ตรงกันข้าม เขากลับยืนดูอยู่อย่างนั้น และเมื่อไรที่ได้จังหวะเขาก็จะแกล้งขวางทางตรงหน้าเธอ ทำให้ถังโจวโจวต้องเดินอ้อมไปอีก
ถังโจวโจวแอบสาบานอยู่ในใจว่าสักวันหนึ่งเขาจะต้องชดใช้ให้เธอทั้งหมด ตอนนี้เธอจะปล่อยให้เขาได้ใจไปก่อน แล้วสักวันถังโจวโจวก็จะทำอย่างที่เธอตั้งใจไว้จริงๆ เธอจะสร้างความลำบากให้กับลั่วเซ่าเชินนับไม่ถ้วน ลั่วเซ่าเชินก็จะทำได้แค่เพียงคอยเก็บกวาดเรื่องที่เธอก่อไว้ เมื่อเธอทรมานเขาจนหนำใจแล้ว เรื่องในวันนี้ก็จะไม่ถูกยกขึ้นมาพูดในภายหลังอีก
เมื่อถังโจวโจวเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ลั่วเซ่าเชินก็ไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว ถังโจวโจวจัดเสื้อผ้าของเธออีกรอบ ก่อนจะลงไปชั้นล่าง เธอหิวจนท้องร้องเสียงดัง เธออยากจะรีบหาอะไรใส่ท้องเสียเหลือเกิน
เมื่อเธอลงมาถึงชั้นล่าง เธอก็เห็นลั่วอิงกำลังนั่งกินข้าวอยู่บนเก้าอี้ ในขณะที่ลั่วเซ่าเชินก็นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ ถังโจวโจวรู้สึกว่าลั่วอิงเงียบผิดปกติ เธอคิดว่าอาจจะเป็นเพราะว่าทัศนคติของลั่วเซ่าเชินที่มีต่อลั่วอิงในช่วงนี้มันเปลี่ยนไป แต่ลั่วอิงยังเด็กคงจะไม่เข้าใจ ดังนั้นจึงรู้สึกโกรธอยู่ลึกๆ
ถังโจวโจวยังไม่อยากสนใจเรื่องนี้ในตอนนี้ เธออยากจะหาอะไรใส่ท้องมากกว่า เมื่อครู่นี้ป้าหลิวได้ยินลั่วอิงบอกว่าถังโจวโจวอยู่บ้าน ตอนแรกเธอก็คิดว่าลั่วอิงตาฝาดไป แต่เมื่อได้เจอถังโจวโจวตัวเป็นๆ เธอก็พูดอย่างกระตือรือร้น “คุณผู้หญิงกลับมาแล้วจริงๆ เดี๋ยวฉันไปทำอาหารเพิ่มก่อนนะคะ!”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ป้าหลิว แค่นี้ก็พอแล้ว” ถังโจวโจวมองดูอาหารมากมายที่อยู่บนโต๊ะอาหาร มันไม่ขาดเลยสักชนิด และตอนนี้เธอก็หิวมากแล้ว คงจะรออีกไม่ไหว เมื่อป้าหลิวเห็นถังโจวโจวบอกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอก็หยุดความคิดที่จะทำอาหารเพิ่มเอาไว้ก่อน
หลังจากมื้อกลางวันผ่านไป ถังโจวโจวก็นั่งดูการ์ตูนอยู่กับลั่วอิงในห้องนั่งเล่น ในขณะที่ลั่วเซ่าเชินก็ขึ้นไปบนชั้นสอง และน่าจะอยู่ที่ห้องหนังสืออีกตามเคย
“ลั่วอิง หนูยังโกรธคุณพ่ออยู่หรือเปล่าคะ” ถังโจวโจวเห็นว่าลั่วอิงไม่ร่าเริงแจ่มใสเหมือนเคย เธอเงียบลงไปอย่างเห็นได้ชัด ถังโจวโจวคิดว่าพอจะเดาความคิดที่อยู่ในใจของเธอได้ เธอน่าจะเก็บคำพูดของลั่วเซ่าเชินเอามาคิด
“แม่โจวโจวขา คุณแม่ว่าหนูเป็นลูกแท้ๆ ของคุณพ่อหรือเปล่าคะ ช่วงนี้คุณพ่อพูดแบบนี้บ่อยมาก คุณพ่อไม่เคยพูดแบบนี้มาก่อนเลย คุณพ่อไม่ต้องการหนูแล้วใช่ไหมคะ” ลั่วอิงขมวดคิ้วน้อยๆ ของเธอ และเงยหน้าขึ้นมองถังโจวโจว เธออยากให้ถังโจวโจวให้คำตอบกับเธอ
ถังโจวโจวแปลกใจว่าทำไมลั่วอิงถึงมีความคิดแบบนี้ขึ้นมาได้ แต่ถังโจวโจวก็รีบอธิบายว่า “หนูเป็นลูกแท้ๆ ของคุณพ่อแน่นอนค่ะ! หรือว่ามีใครมาพูดอะไรกับหนูคะ?”
“ไม่มีค่ะ หนูคิดเอง ช่วงที่แม่โจวโจวไม่อยู่ คุณพ่อก็ไม่เห็นใส่ใจหนูเหมือนปกติเลย ความจริงแล้วก่อนที่แม่โจวโจวจะแต่งงานกับคุณพ่อแล้วมาอยู่กับหนู หนูกับคุณพ่อก็ไม่ค่อยได้เจอหน้ากันอยู่แล้ว และหนูก็ไม่เคยพบแม่แท้ๆ ของหนูเลยด้วย คุณพ่อก็ห้ามไม่ให้หนูพูดถึง”
ลั่วอิงเล่าความในใจทั้งหมดที่มีให้ถังโจวโจวฟัง ถังโจวโจวนึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะเก็บเรื่องราวมากมายไว้ในใจอย่างนี้ หากไม่ใช่เพราะคำพูดเหล่านั้นของลั่วเซ่าเชิน ลั่วอิงก็คงจะไม่พูดเรื่องนี้ออกมา
ถังโจวโจวเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครคือแม่แท้ๆ ของลั่วอิง แล้วปกติลั่วอิงก็ไม่เคยพูดถึงเธอมาก่อน ถังโจวโจวคิดว่าลั่วอิงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ด้วยซ้ำ นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้ในใจมาตลอด
ณ ตอนนี้ถังโจวโจวอยากจะต่อว่าลั่วเซ่าเชินเสียเหลือเกิน ทำไมเขาต้องพูดอะไรแปลกๆ กับลูกด้วย ถ้าลั่วอิงคิดมากแล้วเกิดหนีไป อยากจะรู้นักว่าเขาจะไปตามหาเธอได้ที่ไหน!
“ลั่วอิง หนูฟังแม่โจวโจวนะคะ ที่คุณพ่อไม่ได้บอกหนูว่าแม่แท้ๆ ของหนูเป็นใคร คุณพ่ออาจจะกำลังปกป้องหนูอยู่ คุณแม่ว่าคุณพ่อเขาก็เสียใจมากเหมือนกัน”
“ไม่ใช่ค่ะ คุณพ่อบอกหนูว่าคุณแม่ไม่อยู่แล้ว แต่หนูได้ยินคุณย่าบอกว่าคุณแม่ยังไม่ตาย คุณแม่แค่ไม่ได้กลับมาหาหนูเท่านั้น”
ถังโจวโจวนึกไม่ถึงว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้ คุณแม่ลั่วนี่ก็จริงๆ เลย พูดอะไรไม่ระวังว่าเด็กจะได้ยินหรือเปล่า “ลั่วอิง หนูจำที่แม่โจวโจวเคยบอกได้ไหมคะ ถ้าหนูต้องการแม่ แม่โจวโจวสามารถเป็นแม่ให้หนูได้เสมอเลยนะ ขอแค่หนูต้องการ”
“แต่แม่โจวโจวก็เพิ่งทิ้งหนูไปนี่คะ แม่โจวโจวเองก็ไม่ได้อยู่กับหนูตลอดเวลา” ลั่วอิงเริ่มร้องไห้ออกมา เมื่อเธอนึกถึงตอนที่ถังโจวโจวหนีไปแบบไม่บอกไม่กล่าว หัวใจของเธอก็ว่างเปล่ามากยิ่งขึ้น เธอกลัวว่าถ้าถังโจวโจวหายไปอีกครั้ง เธออาจจะไม่ได้พบถังโจวโจวอีกเลย
เมื่อเปรียบเทียบกับมารดาที่อยู่ในความคิดของเธอ ลั่วอิงรู้สึกรักแม่โจวโจวคนนี้มากกว่า แต่บางครั้งที่ถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินทะเลาะกัน ซึ่งนั่นมักจะทำให้ลั่วอิงรู้สึกตกใจและไม่ปลอดภัยอยู่เสมอ
ถังโจวโจวนึกไม่ถึงว่าการที่เธอกลับมาอย่างกะทันหันจะส่งผลกระทบต่อลั่วอิง เธอรู้สึกเสียใจ “ลั่วอิง แม่ขอโทษนะคะ แม่โจวโจวไม่รู้ว่าหนูจะรู้สึกแบบนี้ แม่โจวโจวสัญญานะคะ ถ้าแม่จะต้องไปอีก แม่จะบอกหนูก่อน”
“แม่โจวโจวจะไปอีกหรือคะ?” ลั่วอิงไม่เข้าใจ นี่เธอก็กลับมาแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วก็คืนดีกับคุณพ่อแล้วด้วย?