ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ - ตอนที่ 147 จูบสามนาที
หลังจากที่ลั่วเซ่าเชินกล่าวสุนทรพจน์จบ พนักงานแต่ละคนก็เดินไปคุยกับคนที่ตัวเองรู้จัก จะเห็นได้ว่าภายในห้องจัดเลี้ยงเต็มไปด้วยกลุ่มคนกลุ่มเล็กๆ ถังโจวโจวที่จำต้องตามติดผู้ที่มีตำแหน่งสูงสุดในห้องนี้ จึงทำให้ไม่สามารถปลีกตัวออกไปไหนได้
พวกเขาเพิ่งจะทักทายท่านรองผู้อำนวยการไปได้ไม่นาน ผู้จัดการแต่ละแผนกก็เดินปรี่เข้ามาหาอีก ถังโจวโจวไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ เธอจึงได้แต่ยืนนิ่งเป็นแจกันดอกไม้อยู่ข้างๆ ลั่วเซ่าเชิน
เพียงแต่ท่ามกลางเหล่าผู้จัดการ มีแค่ผู้จัดการหญิงคนเดียวเท่านั้นที่สะดุดตาเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะอำพรางมาอย่างดี แต่ถังโจวโจวก็ยังพบพิรุธ ผู้จัดการหลีคนนี้ดูเหมือนจะสนใจสามีของเธอ
เพื่อเป็นการพิสูจน์ข้อสันนิษฐาน ในขณะที่ลั่วเซ่าเชินพูดคุยกับเหล่าผู้จัดการ ถังโจวโจวก็ได้จับตาดูผู้จัดการหลีของฝ่ายการเงินอย่างใกล้ชิด ถังโจวโจวเห็นว่าแม้ว่าคำพูดของเธอจะไม่ได้แตกต่างจากคนอื่น แต่ดวงตาของเธอมักจะแอบชำเลืองมองลั่วเซ่าเชินเป็นครั้งเป็นคราว
ถังโจวโจวโกรธมาก ลั่วเซ่าเชินช่างเป็น ‘ดอกไม้สีช้ำที่ยังล่อตาล่อตาใจเหล่าผีเสื้อได้’[1] จริงๆ ไปถึงไหนก็ได้รับความนิยมถึงนั่น!
หลีเหวินตามผู้จัดการท่านอื่นๆ มาคุยกับลั่วเซ่าเชิน เพื่อต้องการมองลั่วเซ่าเชินให้ถนัดตา และเมื่อเธอเห็นภรรยาของเขายืนอยู่ข้างๆ หลีเหวินก็รู้สึกปั่นป่วนไปชั่วขณะ ไม่ว่าจะเป็นหึง หวง โกรธ ฝืนทน เสียใจ ล้วนมีทั้งหมด
ลั่วเซ่าเชินไม่ได้แสดงความสนิทชิดเชื้อกับใครเป็นพิเศษ ซึ่งหลีเหวินก็รู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นเรื่องเสียมารยาทอะไร เธอคิดแค่ว่าด้วยเหตุนี้แหละที่ทำให้ลั่วเซ่าเชินแตกต่างจากผู้ชายคนอื่น นี่อาจจะเรียกได้ว่าเพราะความรักบังตา ทำให้โลกของหลีเหวินกลายเป็นสีชมพู
ลั่วเซ่าเชินเองก็ไม่ได้ใส่ใจว่าหลีเหวินจะรู้สึกอะไรกับเขาหรือไม่ แม้ว่าหลีเหวินจะเคยดูห่วงเป็นใยเขาอยู่บ้างก็ตาม แต่มันก็เป็นไปภายใต้ข้ออ้างที่เหมาะสม ลั่วเซ่าเชินไม่เคยเอะใจอะไรเลย หรือต่อให้เขารู้ตัว เขาก็ไม่สนใจ กอปรกับในช่วงนั้นเขามัวแต่หงุดหงิดกับความรุ่มร่ามของเมิ่งชิงซี
แม้ว่าแต่ก่อนหลีเหวินจะไม่ได้สนใจถังโจวโจว แต่ตอนนี้เธอก็ต้องยอมรับว่า ถังโจวโจวเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของเธอ หลีเหวินสังเกตเห็นว่า แม้ว่าลั่วเซ่าเชินจะกำลังพูดคุยอยู่กับพวกเขา แต่ถ้าถังโจวโจวต้องการอะไร เขาก็จะรู้ได้ในทันที
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาทุ่มเทความสนใจไปที่เธอ เขาจะตอบสนองต่อสิ่งที่ถังโจวโจวต้องการได้ไวกว่าถังโจวโจวได้อย่างไร และความรักของลั่วเซ่าเชินที่มีต่อถังโจวโจวอย่างลึกซึ้ง คือสิ่งที่หลีเหวินไม่อยากจะเห็น
“โจวโจว อย่าดื่มเยอะ เดี๋ยวคุณก็เมาหรอก”
เหล่าผู้จัดการที่อยู่รอบๆ เอ่ยสมทบ “ท่านผอ. ดีกับคุณผู้หญิงมากเลยนะครับ พวกเรานี่เทียบไม่ติดเลย”
“ไม่หรอก เวลาเธอดื่มเธอมักจะไม่รู้ตัวน่ะ ถ้าผมไม่จับตาดูเอาไว้ เกิดไม่สบายขึ้นมา เดี๋ยวเธอก็จะมาโทษผมอีก” ลั่วเซ่าเชินพูดอย่างน่าสงสาร ราวกับว่านอกเหนือเวลางานถังโจวโจวกลับเป็นฝ่ายที่ควบคุมเขา
ถังโจวโจวขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่ตอนนี้เธออยู่ในที่สาธารณะ ซ้ำยังห้อมล้อมไปด้วยลูกน้องของลั่วเซ่าเชิน เธอจึงไม่กล้าฉีกหน้าเขา จึงได้แต่บ่นในใจว่า ‘กลับบ้านเมื่อไร เดี๋ยวเจอกัน!’
“คุณผู้หญิงนี่โชคดีจริงๆ ครับ!”
เมื่อหลีเหวินได้ยินเหล่าผู้จัดการเอ่ยปากชมถังโจวโจว เธอก็รู้สึกได้ว่าในอกของเธอนั้นเต็มไปด้วยความขมขื่น แต่มันไม่มีทางไหนที่จะระบายออกมาได้ เธอจึงทำได้เพียงปั้นหน้ายิ้มทว่าแข็งทื่อ และเพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าสายตา หลีเหวินก็ก้มหน้าลงเล็กน้อยซ่อนความรู้สึกในแววตา
ในขณะที่เธอไม่ต้องการให้ใครสังเกตเห็นตัวเอง แต่แล้วใครบางคนกลับเอ่ยถึงหลีเหวินขึ้นมา “วันนี้ผู้จัดการหลีดูเงียบๆ นะครับ ไม่สบายหรือเปล่า” ผู้จัดการหวังของฝ่ายขายเอ่ยถามด้วยความกังวล เมื่อเห็นว่าหลีเหวินไม่ได้ร่าเริงเหมือนปกติ
ผู้จัดการท่านอื่นๆ อมยิ้มและหันมามองตาม พวกเขาต่างก็ทราบดีว่าหวังหนิง ผู้จัดการฝ่ายขายสนใจหลีเหวิน แต่หลีเหวินไม่เคยหวั่นไหวเลย หวังหนิงจึงได้แต่พยายามต่อไป เผื่อว่าสักวันหนึ่งหลีเหวินจะหันกลับมามองเขาบ้าง
เมื่อหลีเหวินเห็นว่าดวงตาทุกคู่จับจ้องมาที่เธอ เธอก็กระแอมไอเบาๆ “ฉันไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ ฉันขอตัวก่อน” หลีเหวินยิ้มเจื่อน
หวังหนิงเห็นเธอเดินออกไปไกลแล้ว แต่แววตาของเขาก็ยังเต็มไปด้วยความกังวล คนอื่นๆ ต่างก็ยิ้มและพูดคุยกันต่อเหมือนเดิม หวังหนิงไม่อาจวางใจลงได้ เขาจึงหันไปพูดกับคนอื่นๆ ว่า “ขอโทษนะครับ ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน”
พวกเขายิ้มตอบอย่างเข้าใจ เมื่อถังโจวโจวเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ เธอจึงกระซิบกับลั่วเซ่าเชินว่า “สองคนนี้เขามีอะไรกันหรือเปล่าคะ”
ลั่วเซ่าเชินจิ้มหน้าผากถังโจวโจวเบาๆ “มัวแต่ห่วงเรื่องของคนอื่น ดูแลตัวเองให้ดีก่อนเถอะ!” ถังโจวโจวยู่ปากใส่ แค่ถามนิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่ได้
เกมระหว่างพักครึ่งของงานเลี้ยงมาถึงแล้ว ดูเหมือนว่าพิธีกรจะขอให้คนยกกล่องขนาดใหญ่ออกมา สายตาของทุกๆ คนจับจ้องไปที่กล่องใบนั้น เวลาตัดสินโชคชะตาได้มาถึงแล้ว
ก่อนหน้านี้ถังโจวโจวไม่เข้าใจว่าหมายเลขที่เธอได้มามีไว้ทำอะไร ที่แท้มันก็ได้ใช้ตอนนี้เอง!
ถังโจวโจวไม่คิดว่าเธอจะเป็นผู้โชคดี ดังนั้นเธอจึงแค่ยืนมองเฉยๆ แล้วก็แอบถือโอกาสดูไปด้วยว่ารางวัลใหญ่ของลั่วกรุ๊ปคืออะไร
เธอยืนฟังพิธีกรที่พูดอยู่บนเวที “ตอนนี้ขอเชิญคุณลั่วเซ่าเชิน ท่านผู้อำนวยการแห่งลั่วกรุ๊ป ขึ้นมาประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับรางวัลในปีนี้ครับ”
ลั่วเซ่าเชินพูดอะไรกับถังโจวโจวเล็กน้อย ก่อนจะเดินขึ้นไปบนเวที เมื่อยืนอยู่บนเวที ลั่วเซ่าเชินก็ไม่ได้พูดอะไรอีก มีแต่พิธีกรข้างกายเท่านั้นที่คอยเอ่ยกระตุ้นคนภายในงาน
“เชิญท่านผอ. ลั่วหยิบหมายเลขออกมาจากกล่องเลยครับ เรามาดูกันว่าใครจะได้เป็นผู้โชคดีรายแรกของวันนี้!”
ลั่วเซ่าเชินเอื้อมมือเข้าไปในกล่องฉลาก สายตาทุกคู่จับจ้องไปบนเวที ถังโจวโจวเองก็มองมือข้างนั้นของลั่วเซ่าเชินเหมือนกัน แม้ว่าเธอจะรู้ดีว่าเธอไม่มีทางได้รางวัล แต่ขอแค่ได้มองก็ยังดี
ท่ามกลางความสนใจของผู้คน ในที่สุดลั่วเซ่าเชินก็หยิบลูกบอลออกมาและส่งมันให้กับพิธีกร และเมื่อพิธีกรรับมาดู เขาก็ประกาศเสียงดังว่า “หมายเลขสิบแปดครับ! ใครที่ถือหมายเลขสิบแปดอยู่ ขอเชิญออกมาด้านหน้าเลยครับ”
หญิงสาวคนหนึ่งยกมือขึ้นและพูดอย่างตื่นเต้นว่า “อยู่นี่ค่ะ! ฉันอยู่นี่!”
เมื่อพิธีกรหนุ่มเห็นสาวสวยพราวเสน่ห์เป็นผู้โชคดี น้ำเสียงของเขาก็ยิ่งปลุกเร้าบรรยากาศ “ขอเชิญผู้โชคดีท่านนี้ขึ้นมารับรางวัลบนเวทีและกล่าวความรู้สึกเล็กๆ น้อยๆ ครับ”
เมื่อหญิงสาวที่ได้รับรางวัลที่หนึ่งเอ่ยความในใจเรียบร้อยแล้ว จากนั้นลั่วเซ่าเชินก็มอบรางวัลให้เธอกับมือ ใบหน้าของเธอแดงก่ำ แล้วเธอก็ตื่นเต้นไปหมด ถังโจวโจวมองดูหญิงสาวคนนั้นที่ได้รับรางวัลจากลั่วเซ่าเชิน เธอน่าจะตื่นเต้นกับการที่ได้จับมือลั่วเซ่าเชินมากกว่ารางวัลที่ได้รับเสียอีก
รางวัลถัดไปคือรางวัลที่สอง ครั้งนี้เป็นสุภาพบุรุษที่ได้ไป ถังโจวโจวมองเขา ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นพนักงานธรรมดาๆ ที่หน้าตาหล่อเหลา แต่เมื่อยืนอยู่กับลั่วเซ่าเชิน เขาก็ยังดูเทียบไม่ติดอยู่ดี
เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนั้นก็ดูตื่นเต้นมากเช่นกัน นี่น่าจะเป็นครั้งแรกของเขาที่ได้ใกล้ชิดกับท่านผู้อำนวยการ ถังโจวโจวสนุกสนานอยู่กับคาดเดาอยู่ด้านล่าง ขณะเดียวกันลั่วเซ่าเชินมองลงไปก็เห็นเธอยิ้มปนหัวเราะจนตาหยีเข้าพอดี เขาก็รู้แล้วว่าเธอกำลังเพลิดเพลินกับงานและหัวเราะท่าทางนิ่งเฉยของเขาอยู่
ลั่วเซ่าเชินคิดไว้ไม่มีผิด เพราะสิ่งที่ถังโจวโจวอยากรู้มากที่สุดในตอนนี้ก็คือใครจะได้รางวัลที่สามไป เธออดเปรยเบาๆ ออกมาไม่ได้ว่า “ไม่รู้ใครเป็นคนเสนอรางวัลนี้ขึ้นมา ลั่วเซ่าเชินหวงเนื้อหวงตัวจะตาย ขอดูหน่อยสิว่าเขาจะรับมือยังไง”
ในขณะที่ถังโจวโจวกำลังพึมพำอยู่นั้น มือของลั่วเซ่าเชินก็ล้วงเข้าไปในกล่องอีกครั้ง แสงไฟสาดส่องมาที่ลั่วเซ่าเชิน รูปร่างของเขาเหมือนกับเทพเจ้าก็ไม่ปาน แล้วถังโจวโจวก็หวนนึกถึงเหตุการณ์ที่เขาปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันในวันนั้น ที่เขาล้มนักเลงสองคนได้ง่ายดายราวกับฮีโร่เลยทีเดียว
ลั่วเซ่าเชินหยิบลูกบอลออกมาหนึ่งลูก ครั้งนี้เขาไม่ได้ส่งมันให้กับพิธีกร เขาเอ่ยปากขานเลขด้วยตัวเองว่า “หมายเลขสามสิบห้าครับ”
พิธีกรเอ่ยเสียงดัง “หมายเลขสามสิบห้า! ใครเป็นเจ้าของหมายเลขสามสิบห้าครับ”
เสียงฮือฮาเริ่มดังไปทั่ว ทุกคนต่างส่งเสียงเรียก “หมายเลขสามสิบห้าอยู่ที่ใครน่ะ”
“ทำไมไม่ออกมา”
“ทำไมเรื่องดีๆ แบบนี้ถึงไม่เกิดขึ้นกับฉัน”
ถังโจวโจวปรายตามองไปรอบๆ เหมือนคนอื่นๆ เธอเองก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าใครได้หมายเลขสามสิบห้าไป แล้วทำไมถึงไม่ปรากฏตัวสักที
หลังจากหากันอยู่นาน ก็ไม่มีใครออกมายอมรับว่าตัวเองคือหมายเลขสามสิบห้า เมื่อลั่วเซ่าเชินเห็นว่าถังโจวโจวคนเซ่อยังคงมองซ้ายมองขวาตามคนอื่นอยู่ เธอไม่ได้ดูหมายเลขที่อยู่บนข้อมือของตัวเองเลย เขาก็ทำได้แค่ตะโกนบอกเธออย่างจนใจ “โจวโจว ดูที่หมายเลขของคุณสิ”
เมื่อถังโจวโจวได้ยินลั่วเซ่าเชินเรียกชื่อของเธอ เธอก็พลิกข้อมือและก้มหน้าดูในทันที แล้วเธอก็พบว่ามีเลขสามสิบห้าขนาดใหญ่เขียนอยู่ เธอเพิ่งจะรู้ตัวว่าผู้โชคดีเลขที่สามสิบห้าคือตัวเธอเอง!
เมื่อเห็นว่าถังโจวโจวยังคงยืนนิ่งอยู่ พิธีกรก็รีบพูดแทรกขึ้นมาว่า “ดูเหมือนว่าท่านผอ. และคุณผู้หญิงจะเป็นเนื้อคู่กันจริงๆ นะครับ ผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลที่สามไปในวันนี้ ได้แก่ คุณผู้หญิงครับ! ช่วยกันปรบมือต้อนรับคุณผู้หญิงขึ้นมาบนเวทีด้วยครับ”
พิธีกรทำการบ้านมาก่อนแล้ว เขารู้ว่าภรรยาของท่านผอ. ชื่อถังโจวโจว และเธอไม่ค่อยปรากฏตัวให้ใครเห็น เมื่อครู่พอได้ยินลั่วเซ่าเชินเรียก ‘โจวโจว’ เขาจึงเดาได้ว่าภรรยาของท่านผอ. เป็นคนที่ถือหมายเลขสามสิบห้าอยู่ เมื่อเห็นว่าเธอไม่ขยับ เขาจึงพูดติดตลกเสริมสร้างบรรยากาศให้ครื้นเครงดังเดิม
ถังโจวโจวตกตะลึง เธอนึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะได้รางวัลจริงๆ นี่มันไม่บังเอิญไปหน่อยหรือ? ถังโจวโจวคิดว่าต้องเป็นแผนการของลั่วเซ่าเชินแน่นอน แต่ตอนนี้เธอต้องรีบขึ้นไปบนเวทีก่อน ดีกว่าถูกจ้องมองอยู่อย่างนี้
เมื่อถังโจวโจวขึ้นมาบนเวทีแล้ว พิธีกรก็ขอให้เธอยืนใกล้ๆ กับลั่วเซ่าเชิน ก่อนที่เขาจะเริ่มร่ายคำพูดจำพวกว่า ‘ถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินมีวาสนาต่อกันมาก’ ‘เป็นเนื้อคู่กันจริงๆ’ จากนั้นก็ตบท้ายด้วยการพูดถึงบริษัทลั่วกรุ๊ปที่จะเจริญรุ่งเรืองต่อไปในอนาคต
จนกระทั่งลั่วเซ่าเชินปรายตามองมาที่เขา พิธีกรจึงเปลี่ยนหัวข้อที่กำลังพูดอยู่ไปเป็นเรื่องของผู้ที่ได้รับรางวัลที่สาม เขากำลังสงสัยอยู่ว่าทำไมท่านผอ. ลั่วถึงได้ใจร้อนมากขนาดนี้
งานเลี้ยงประจำปีของลั่วกรุ๊ปเมื่อปีที่แล้วก็ได้พิธีกรคนนี้เป็นคนดำเนินงานให้ พิธีกรยังจำได้ดีว่า ในตอนนั้นท่านผอ. ไม่ได้แสดงท่าทางหรืออาการอะไรเลย และคนที่เขาจับฉลากให้ได้รางวัลนี้ในตอนนั้นก็คือเลขาฯ ของเขาเอง ลั่วเซ่าเชินก็ยังคงรักษามาดที่เย็นชา ทำให้บรรยากาศที่กำลังคึกคักอยู่นั้นสะดุดไป
แต่ปีนี้กลับรีบร้อนมาก ดูเหมือนว่าภรรยาของท่านผอ. คนนี้จะเป็นคนสำคัญสำหรับท่านผอ. มาก!
“เอาละครับ ต่อไปเป็นช่วงเวลาที่พวกเรารอคอย ขอเชิญท่านผอ. กอดคุณผู้หญิงครับ แต่ผมขอพูดอะไรสักเล็กน้อย คุณผู้หญิงน่าจะกอดท่านผอ. บ่อยอยู่แล้ว ผมว่าเราควรจะเพิ่มการจูบเพื่อให้คนด้านล่างได้เห็นเป็นบุญตาสักหน่อย ดีไหมครับ!”
คนที่อยู่ด้านล่างเริ่มสนุกด้วย “ถูกต้อง! ท่านผอ. ต้องจูบกับคุณผู้หญิงนานหนึ่งนาทีนะ”
“ไม่ได้ๆ หนึ่งนาทีน้อยเกินไป สามนาทีสิ!”
…
เมื่อถังโจวโจวได้ยินเสียงจากด้านล่างตะโกนบอกให้ลั่วเซ่าเชินจูบเธอเป็นเวลาสามนาที แล้วต้องเป็นการจูบที่ดูดดื่มด้วย เธอก็เครียดขึ้นสมอง เธออยากจะวิ่งหนีหายไปจากงานเสียเดี๋ยวนี้เลย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมีใครจับเธอกลับมาหรือเปล่า?
พิธีกรเห็นว่าด้านล่างเสียงไม่เป็นเอกฉันท์ แต่ทุกคนดูตื่นเต้นมาก เขาก็เลยส่งไมโครโฟนไปให้ลั่วเซ่าเชินและถามว่า “ท่านผอ. ดูสิครับ พวกเขาเรียกร้องกันขนาดนี้ ท่านจะไม่สนองความต้องการของพวกเขาหน่อยหรือครับ”
ถังโจวโจวจ้องเขาตาเขม็ง ถ้าลั่วเซ่าเชินตอบว่าเขาจะจูบเธอสามนาที เธอจะกัดเขาให้จมเขี้ยวเลย ดูสิว่าเขาจะยังกล้าทำแบบนั้นอีกหรือเปล่า มิน่าล่ะ วันนี้เธอถึงได้รู้สึกว้าวุ่นใจแปลกๆ เธอไม่ควรก้าวเท้าออกมานอกบ้านแต่แรกเลย!
[1] ดอกไม้สีช้ำที่ยังล่อตาล่อตาใจเหล่าผีเสื้อได้ หมายถึง ผู้ชายที่มีเจ้าของแล้วแต่ยังมีเสน่ห์น่าหลงใหล