ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ - ตอนที่ 155 บอกความจริง...
ลั่วเซ่าเชินขับรถพาคุณแม่ลั่วไปส่งที่โรงพยาบาล ส่วนคุณพ่อลั่วก็รีบตามมาทันทีที่ได้ข่าว และเมื่อเขาเห็นว่าลั่วเซ่าเชินยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้นก็เอ่ยถามทันที “เกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ แม่แกถึงเป็นลมได้” คุณพ่อลั่วทราบแค่ว่าคุณแม่ลั่วเป็นลมหมดสติ ด้วยเวลาที่เร่งรัด ทำให้เขาไม่ทันไม่ถามถึงสาเหตุ
ลั่วเซ่าเชินก้มหน้าสำนึกผิด “พ่อครับ ผมขอโทษ เป็นความผิดของผมเองที่ทำให้แม่โกรธจนต้องเข้าโรงพยาบาลแบบนี้”
คุณพ่อลั่วมองไปที่ลั่วเซ่าเชิน ก่อนจะตบหน้าเขาดัง เพี้ยะ! เสียงนั้นดังก้องกังวานไปทั่วโถงทางเดินของโรงพยาบาลที่เงียบสงบแห่งนี้ ลั่วเซ่าเชินถูกคุณพ่อลั่วตบจนหน้าสะบัดไปอีกทาง
ในความคิดของคุณพ่อลั่ว เขารู้ว่าลั่วเซ่าเชินย่อมรู้ตัวเองดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ หลังจากที่เซ่าอวี๋จากไป เขาก็ไม่ค่อยได้เข้าไปยุ่งเรื่องของลั่วเซ่าเชินมากนัก แต่คราวนี้ลูกชายทำเกินไปจริงๆ
“เซ่าเชิน ฉันไม่สนใจหรอกนะว่าแกคิดจะทำอะไร แต่แกต้องจำใส่หัวเอาไว้ แม่คลอดแกออกมา เลี้ยงดูแกจนโตขนาดนี้ แกไม่ควรจะทำให้เธอโมโห แกก็รู้อยู่เต็มอกว่าสุขภาพของแม่แกไม่ค่อยดี ทำไมแกถึงไม่ยอมๆ ไปบ้าง”
ลั่วเซ่าเชินรู้ว่าตัวเองทำผิด เพียงแต่ในสถานการณ์แบบนั้น เขากับคุณแม่ลั่วต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้แก่กัน เขาไม่ได้อยากทะเลาะกับคุณแม่ลั่ว แต่คุณแม่ลั่วก็ยังไม่ยอมถอย ลั่วเซ่าเชินเองก็ไม่มีทางเลือก ถึงอย่างไรตอนนี้เรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว หากจะให้มาเท้าความกันยืดยาว เขาก็ไม่เห็นว่าจะมีประโยชน์อะไร
เมื่อถังโจวโจวเห็นลั่วเซ่าเชินถูกตบ เธอก็ลูบสัมผัสที่แก้มของเขา เธอเห็นรอยฝ่ามือสีแดงที่ประทับอยู่บนนั้น เธอรีบบีบมือเขาไว้แน่นเพื่อเป็นการปลอบโยน
เมิ่งชิงซีทนดูต่อไปไม่ไหว เธอเข้าไปขวางอยู่ตรงหน้าลั่วเซ่าเชินและพูดกับคุณพ่อลั่วว่า “คุณลุงคะ เซ่าเชินไม่ได้ตั้งใจ ทั้งหมดนี่เป็นเพราะถังโจวโจวค่ะ คุณลุงอย่าตีเขาอีกเลยนะคะ!”
เมื่อเมิ่งชิงซีเห็นว่าท่าทีของคุณพ่อลั่วค่อยๆ สงบลงแล้ว เธอก็หันกลับไปหาลั่วเซ่าเชิน หมายใจว่าลั่วเซ่าเชินจะต้องซาบซึ้งใจกับสิ่งที่เธอทำ แต่นี่เธอหันหลังกลับมาเจออะไร? ถังโจวโจวกำลังกุมมือของลั่วเซ่าเชินอยู่ ทั้งสองคนกำลังถ่ายทอดความรู้สึกที่มีให้แก่กัน โดยที่ไม่ได้สนใจความรู้สึกของเธอเลย!
“ถังโจวโจวเกี่ยวอะไรด้วย” คุณพ่อลั่วยังไม่รู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และเมื่อเขาเห็นรอยแดงที่อยู่บนใบหน้าของลั่วเซ่าเชิน เขาก็แอบโทษตัวเองในใจว่าเมื่อครู่นี้เขาบุ่มบ่ามมากเกินไป
เมิ่งชิงซีรีบเล่าให้คุณพ่อลั่วฟังว่าเมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้นที่คฤหาสน์ตระกูลลั่ว และเมื่อคุณพ่อลั่วเข้าใจที่มาที่ไปทั้งหมดแล้ว เขาก็นิ่งไปพักใหญ่ ในขณะที่ถังโจวโจวก็กุมมือของลั่วเซ่าเชินไว้แน่น และไม่ได้พูดอะไรออกมาหลังจากที่เห็นว่าคุณพ่อลั่วนิ่งเงียบไป
คุณพ่อลั่วปรายตามองถังโจวโจวที่ยืนอยู่ข้างๆ ลูกชายของเขา เขารู้สึกว่าเธอช่างเป็นคนที่ดูเรียบง่ายธรรมดา แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะดึงดูดลั่วเซ่าเชินได้มากขนาดนี้ “เซ่าเชิน แล้วแกจะทำยังไงต่อไป” คุณพ่อลั่วเห็นด้วยกับคุณแม่ลั่ว เขาไม่เห็นว่าคุณแม่ลั่วจะทำผิดไปตรงไหน
ลั่วเซ่าเชินนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบว่า “พ่อครับ ผมว่าผมพูดชัดเจนที่สุดแล้ว ผมไม่สามารถแยกจากโจวโจวได้ครับ ตอนแรกผมคิดว่าพ่อกับแม่อาจจะลองเปิดใจยอมรับเธอดู แต่ในเมื่อมันไม่ไหวจริงๆ ตอนนี้พวกผมก็ย้ายออกไปอยู่ข้างนอกแล้ว ก็คงจะไม่ทำให้พ่อกับแม่รู้สึกขวางหูขวางตาอีก”
ลั่วเซ่าเชินคิดอย่างง่ายๆ เขาไม่เห็นว่ามันจะเป็นปัญหาอะไร ทั้งเรื่องชาติกำเนิดของถังโจวโจวและเรื่องที่เธอเป็นภรรยาของเขา ต่อให้หลังจากนี้จะพิสูจน์ได้ว่าถังโจวโจวเป็นลูกบุญธรรมของตระกูลถังจริงๆ เรื่องราวมันก็ไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมเลย จนถึงตอนนี้เขาจึงยังไม่เข้าใจว่าทำไมคุณแม่ลั่วถึงต้องโมโหขนาดนั้น
“แกตัดสินใจแล้ว?” น้ำเสียงอันหนักแน่นของคุณพ่อลั่วดังขึ้นอีกครั้ง
ลั่วเซ่าเชินสัมผัสได้ถึงความจริงจังของคุณพ่อลั่ว เขารู้ว่าคุณพ่อลั่วตั้งใจถามเขาจริงๆ เขาพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ครับพ่อ ผมตัดสินใจแล้ว”
ลั่วเซ่าเชินก็อยากให้ภรรยาของเขาเข้ากับคุณพ่อและคุณแม่ได้เป็นอย่างดี แต่น่าเสียดายที่มันเป็นแค่ความฝันลมๆ แล้งๆ แต่ลั่วเซ่าเชินก็ไม่ท้อใจ ขอเพียงแค่ถังโจวโจวตั้งท้อง คุณแม่ลั่วก็จะหันมาหาเธอเอง และปัญหาตึงเครียดที่เกิดขึ้นภายในครอบครัวก็จะไม่ถูกพูดถึงอีกต่อไป
เมิ่งชิงซีกัดฟันแน่นเมื่อเห็นว่าลั่วเซ่าเชินมั่นคง ไม่หวั่นไหว “เซ่าเชินคะ ถึงพี่จะยอม โจวโจวอาจจะไม่ยอมก็ได้”
ถังโจวโจวที่สงบปากสงบคำมาตลอด แต่เมิ่งชิงซีกลับเอ่ยถึงเธอขึ้นมา เธอจึงเงยหน้าขึ้นมองเมิ่งชิงซีตรงๆ และตอบเธอกลับไปด้วยรอยยิ้ม “คุณเมิ่งคะ ฉันคิดว่าฉันคงไม่ต้องรบกวนคุณในเรื่องนี้ นี่มันเป็นเรื่องภายในครอบครัวของเราค่ะ!”
เมิ่งชิงซีเพียงแค่ขบฟันกันแน่น เธอแอบด่าถังโจวโจวอยู่ในใจ แต่น่าเสียดายที่เธอยังคงต้องแสร้งทำเป็นว่าเธอไม่เข้าใจสิ่งที่ถังโจวโจวพูด “ทำไมเธอถึงพูดห่างเหินอย่างนั้นล่ะโจวโจว”
ถังโจวโจวไม่ได้สนใจเมิ่งชิงซีที่แสร้งทำเป็นใสซื่ออีก เธอหันกลับไปมองคุณพ่อลั่ว “คุณพ่อคะ แม้ว่าหนูจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณพ่อกับคุณแม่ แต่ตอนนี้หนูก็ยังคนของตระกูลถัง ซึ่งมันก็ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับการแต่งงานระหว่างหนูกับเซ่าเชินนี่คะ?”
ถังโจวโจวสงสัยมาตลอดว่า ทำไมคุณพ่อและคุณแม่ลั่วถึงมีปัญหากับเธอมากนัก กับคุณแม่ลั่วเธอยังพอสามารถหาเหตุผลมาอธิบายได้ แต่กับคุณพ่อลั่วเธอไม่เข้าใจเลย เพราะปกติแล้วเธอไม่ค่อยได้คุยกับคุณพ่อลั่วสักเท่าไร และความคิดของคุณพ่อลั่วนั้นก็ยากแท้หยั่งถึง
คุณพ่อลั่วเอาแต่มองตรงไปที่ถังโจวโจว และในขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นคุณหมอก็เดินออกมา คุณพ่อลั่วผละจากพวกเขาทันที และเดินเข้าไปหาคุณหมอ “คุณหมอครับ ภรรยาผมเป็นยังไงบ้าง”
“ตอนนี้คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วครับ แต่วันหลังพวกคุณอย่าทำให้เธอเครียดอีกนะครับ ไม่อย่างนั้นครั้งหน้าพวกคุณอาจจะไม่ได้โชคดีแบบวันนี้” เมื่อคุณหมอพูดจบ เขาก็ขอให้คนอื่นๆ รออยู่หน้าห้องผ่าตัด
หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าหน้าที่ก็เข็นเตียงของคุณแม่ลั่วไปไว้ที่ห้องพักผู้ป่วย คุณพ่อลั่วเดินตามไปติดๆ แต่ถังโจวโจวกลับละล้าละลังอยู่ เธอฉุดมือลั่วเซ่าเชินเอาไว้ ลั่วเซ่าเชินที่ก้าวไปข้างหน้าก็หยุดฝีเท้าลง และเมื่อเขาหันหลังกลับไปมอง เขาก็พบว่าถังโจวโจวกำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดมองเขาอยู่
“โจวโจว มีอะไรหรือเปล่า แม่อยู่ที่ห้องพักผู้ป่วยแล้ว เรารีบไปดูท่านกันเถอะ”
ถังโจวโจวย่ำเท้าคิดอยู่นานก่อนจะพูดขึ้นว่า “เซ่าเชิน ฉันคงไม่เข้าไปหรอกค่ะ เดี๋ยวพอคุณแม่เห็นฉัน ท่านก็จะพานเครียดและป่วยขึ้นมาอีก ฉันว่าฉันกลับไปหาพ่อกับแม่ก่อนดีกว่าค่ะ”
ลั่วเซ่าเชินเองก็คิดเหมือนกันว่าคุณแม่ลั่วไม่ชอบถังโจวโจว จะพากันเดินเข้าไปก็เกรงจะทำให้คุณแม่ลั่วไม่พอใจขึ้นมาอีก เมิ่งชิงซียืนเหยียดยิ้มอยู่ข้างๆ ถังโจวโจวหยิ่งยโสไปแล้วจะได้อะไร ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องคำนึงถึงอาการป่วยของคุณแม่ลั่วก่อนอยู่ดี แม้แต่ห้องพักผู้ป่วยก็ยังไม่กล้าเหยียบย่างเข้าไป เมิ่งชิงซีรู้สึกมีความสุขมากจริงๆ
ลั่วเซ่าเชินคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไปที่บ้านของคุณพ่อกับคุณแม่ก่อน พอผมเสร็จจากทางนี้แล้ว ผมจะรีบไปรับคุณ” ลั่วเซ่าเชินพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนมาก เพราะเขากลัวว่าถังโจวโจวจะคิดมากไปกว่านี้
ถังโจวโจวพยักหน้า “ค่ะ คุณรีบเข้าไปเถอะ ฉันไปเองได้” เมื่อเห็นว่าเขาหันหลังกลับมามองเป็นครั้งเป็นคราว ถังโจวโจวก็รู้ว่าเขาเป็นห่วงเธอจริงๆ เธอรู้สึกว่าเป็นแบบนี้มันก็ดีเหมือนกัน
เมิ่งชิงซีรอจนลั่วเซ่าเชินเดินจากไปแล้ว จากนั้นเธอก็เดินเชิดหน้าเข้าไปหาถังโจวโจว “ถังโจวโจว ถ้าเธอฉลาดพอก็รีบไสหัวไปให้ไกลจากเซ่าเชินซะ อย่าทำให้ตัวเองดูแย่ไปกว่านี้เลย”
เป็นเพราะเมื่อครู่นี้คุณพ่อลั่วยังอยู่ ถังโจวโจวจึงไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับเมิ่งชิงซีมาก แต่นึกไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ยอมเลิกรา แถมยังดูมั่นอกมั่นใจมากขึ้นอีกด้วย “คุณเมิ่งคะ นี่วันๆ คุณไม่ทำงานทำการบ้างหรือคะ ถึงได้มัวแต่มายุ่งเรื่องของครอบครัวของเราขนาดนี้ได้?”
คราวนี้เมิ่งชิงซีไม่ยอมถังโจวโจว “ถังโจวโจว เร็วๆ นี้เธออาจจะไม่ใช่คนในครอบครัวของเซ่าเชินอีกแล้วก็ได้ ฉันจะรอดูวันที่เธอถูกขับไล่ออกจากตระกูลลั่ว!” เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เมิ่งชิงซีก็ไม่อาจควบคุมท่าทีที่สำรวมมาตลอดของเธอได้อีก เธอได้แต่หวังว่าวันนั้นจะมาถึงในไม่ช้า
“คุณเมิ่งคะ แม้ว่าฉันจะถูกคุณพ่อคุณแม่ขับไล่ออกจากตระกูล แต่เซ่าเชินก็ยังจะอยู่กับฉัน ฉันอยากจะแนะนำอะไรคุณสักหน่อยนะ คุณควรจะรีบหาผู้ชายดีๆ สักคนให้ได้ในขณะที่คุณยังสาวยังสวยดีกว่า เพราะต่อให้วันหนึ่งเซ่าเชินจะไม่ต้องการฉัน แต่เขาก็จะไม่มีวันต้องการคุณด้วย คุณว่าที่ฉันพูดมานี่ถูกต้องไหมคะ?”
ถังโจวโจวเหยียดยิ้มอย่างมีความสุข โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นว่าเมิ่งชิงซีโมโหจนพูดไม่ออกเธอก็ยิ่งมีความสุข เธอทนมองสีหน้าที่อาฆาตแค้นของเมิ่งชิงซีอยู่นานมาก
เมิ่งชิงซีชี้ไปที่ถังโจวโจวแล้วพูดออกมาว่า “ถังโจวโจว เธอคอยดูเถอะ จะต้องมีสักวันที่ฉันหัวเราะดังกว่าเธอมาก!” เมิ่งชิงซีเชิดหน้ายืดอกและเดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยของคุณแม่ลั่ว
และเมื่อถังโจวโจวเห็นว่าเมิ่งชิงซีพ้นไปจากสายตาแล้ว มุมปากของถังโจวโจวที่ยกยิ้มอยู่ก็ค่อยๆ ลดระดับลงอย่างช้าๆ ความจริงแล้วเธอไม่มีความสุขเลย เธอไม่อยากเห็นลั่วเซ่าเชินเดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยเพียงคนเดียว ขนาดเมิ่งชิงซียังเข้าไปได้ มีแค่เธอคนเดียวที่ไม่ได้เข้าไป
มันทำให้ถังโจวโจวรู้สึกว่า เธอถูกกีดกันจากลั่วเซ่าเชินและเมิ่งชิงซี เธอรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก
ถังโจวโจวยืนนิ่งอยู่สักพักก่อนจะเดินออกไปจากโรงพยาบาล เมื่อคุณแม่ถังได้ยินเสียงออด เธอก็สงสัยว่าใครมาหาเธอ และเมื่อเธอเปิดประตูออกไปดู เธอก็พบว่าเป็นถังโจวโจว
“โจวโจว ทำไมอยู่ๆ ลูกถึงมากะทันหันแบบนี้ล่ะ” แม้ว่าคุณแม่ถังจะรู้สึกแปลกใจ แต่เธอก็หลีกให้ถังโจวโจวเข้ามาในบ้านก่อน
เมื่อเห็นว่าริมฝีปากของถังโจวโจวซีดเผือด คุณแม่ถังก็กลัวว่าเธอจะหนาว เธอจึงรีบไปยกน้ำร้อนออกมาให้ หลังจากเห็นว่าถังโจวโจวดื่มน้ำแล้ว คุณแม่ถังก็เบาใจ ถังโจวโจวถือแก้วเอาไว้ในมือพลางมองนิ่งไปที่คุณแม่ถัง ความกังวลในแววตาของเธอไม่สามารถหลอกลวงผู้คนได้
“แม่คะ หนูมีเรื่องอยากจะถาม” ถังโจวโจวคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะตัดสินใจถามมันออกมา แม้ว่าเธอจะค่อนข้างแน่ใจ แต่เธอก็ยังอยากได้ยินจากปากของคุณแม่ถัง ราวกับว่าการคาดเดาของเธอจะได้รับการสรุปอย่างสมบูรณ์แบบ
“โจวโจว ลูกจะถามเรื่องอะไรน่ะ จริงจังซะขนาดนี้ แม่เริ่มทำตัวไม่ถูกแล้วเนี่ย!” คุณแม่ถังลูบศีรษะของถังโจวโจวพลันรู้สึกอยากทอดถอนใจ แค่เพียงพริบตาเดียวลูกก็โตขนาดนี้แล้ว เมื่อหวนนึกถึงตอนที่เพิ่งมีถังโจวโจว… คุณแม่ถังรีบสลัดความคิดนั้นออกไปทันที และหันไปตั้งใจฟังถังโจวโจว
“แม่คะ หนูใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อกับแม่หรือเปล่า” ถังโจวโจววางแก้วน้ำลงบนโต๊ะและกุมมือของคุณแม่ถังไว้แน่น คุณแม่ถังเจ็บที่มือ แต่เธอรู้สึกตกใจมากกว่า
“โจวโจว นี่ลูกพูดเรื่องอะไร ทำไมจู่ๆ ลูกถึงถามแบบนี้ขึ้นมา! ลูก…ลูกจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของแม่ได้ยังไง ลูกไปได้ยินข่าวนี้มาจากไหน” คุณแม่ถังเข้าใจว่าถังโจวโจวไปได้ยินเรื่องไร้สาระมาจากคนอื่น ดังนั้น เธอจึงพยายามขจัดความสงสัยของถังโจวโจวออกไป
แต่น่าเสียดายที่พอถังโจวโจวได้ยินคุณแม่ถังพูดอย่างลนลานเช่นนั้น ก็ยิ่งมั่นใจว่าสิ่งที่เมิ่งชิงซีพูดมามันคือความจริง เพราะเวลาที่คุณแม่ถังรู้สึกประหม่า เธอจะพูดมากเป็นพิเศษ บางทีคุณแม่ถังก็อาจจะยังไม่รู้ตัวว่าเธอมีข้อผิดสังเกตตรงนี้ แต่ถังโจวโจวกลับค้นพบมันหลังจากเฝ้าสังเกตมานานหลายปี
“แม่คะ หนูรู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง หนูแค่อยากได้ยินคำตอบจากปากของแม่ หนูไม่อยากให้คนอื่นเป็นคนมาบอกหนู หนูแค่อยากฟังจากแม่คนเดียว” ถังโจวโจวทอดสายตามองตรงไปที่คุณแม่ถัง คุณแม่ถังหลบตาเธอทันที
“โจวโจว แม่ คือว่าแม่…” คุณแม่ถังหมายจะเกลี้ยกล่อมถังโจวโจว แต่ด้วยสายตาที่ถังโจวโจวมองมาก็ทำให้เธอพูดไม่ออก
ถังโจวโจวยอบตัวลงและวางศีรษะไว้บนหน้าตักของคุณแม่ถัง แววตาของเธอเหม่อลอยไปไกล “แม่คะ แม่บอกหนูมาเถอะ หนูแค่อยากได้คำตอบ หนูไม่ได้จะทำอะไรเลย”
คุณแม่ถังจับปอยผมที่หล่นลงบนหน้าของถังโจวโจว เธอเดาว่าถังโจวโจวน่าจะได้ข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้มา เธอถึงมาถามอย่างกะทันหันแบบนี้