ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ - ตอนที่ 166 ไม่กลับมาทั้งคืน
“อาเชิน ฉันอยู่นี่” หันฮุ่ยซินย้ำอีกครั้ง
ลั่วเซ่าเชินพยายามตั้งใจฟังเสียงนั้นให้ดีๆ เขาถึงรู้ว่าหันฮุ่ยซินอยู่ที่ไหน เขาเคาะประตูห้องห้องหนึ่ง ปังๆๆ “ฮุ่ยซิน เปิดประตู ผมมาแล้ว”
เมื่อเห็นว่าด้านในไม่มีการเคลื่อนไหว ลั่วเซ่าเชินก็หันไปมองด้านนอกอย่างระแวดระวังอีกครั้งพลางเคาะประตูไปด้วย
“ฮุ่ยซิน คุณอยู่ข้างในหรือเปล่า บาดเจ็บตรงไหนไหม คุณเปิดประตูได้ไหม”
หลังจากนั้น เสียงแผ่วเบาของหันฮุ่ยซินก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง “อาเชิน ฉันไม่มีแรงเลย ฉันยืนไม่ไหว ทำยังไงดี”
หันฮุ่ยซินนั่งอยู่บนชักโครก เธอยังรู้สึกได้อยู่เลยว่าต้นขาของเธอสั่นเทา หลังจากที่เธอได้ยินพี่ใหญ่คนนั้นบอกว่าจะปล่อยให้เธอถูกไฟคลอกตายเมื่อครู่นี้ บวกกับเสียงสัญญาณเตือนภัยที่ยังดังลั่นไม่หยุด ทำให้หันฮุ่ยซินว้าวุ่นใจมากเป็นพิเศษ
แต่พอได้ยินเสียงของลั่วเซ่าเชิน เธอก็รู้แล้วว่าเธอยังมีที่พึ่ง เธอไม่ได้ลอยเคว้งอยู่ในอวกาศเพียงลำพังอีกต่อไป แต่เป็นคนที่ยืนหยัดอยู่บนพื้นดิน มีคนที่เธอสามารถพึ่งพิงได้
ลั่วเซ่าเชินเป็นห่วงมากเมื่อได้ยินว่าหันฮุ่ยซินยืนไม่ไหว ก่อนหน้านี้เขาเพียงแต่ต้องทำให้สามคนนั้นออกไปก่อน ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาจะหวนกลับมาอีกหรือเปล่า ถ้าเขาพาหันฮุ่ยซินที่อ่อนแอออกไปด้วย เขาคงจะรับมือกับชายสามคนนั้นไม่ไหว เพราะต้องกังวลถึงหันฮุ่ยซินที่อยู่ข้างหลัง
ลั่วเซ่าเชินยืนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาว่า “ฮุ่ยซิน คุณหาที่หลบก่อน ผมจะถีบประตูเข้าไป คุณระวังไว้นะ”
ทันทีที่หันฮุ่ยซินได้ยินอย่างนั้น เธอก็เชื่อฟังเขาแต่โดยดี “โอเค อาเชิน คุณพังประตูเข้ามาเถอะ ฉันไม่เป็นไร” ตอนนี้หันฮุ่ยซินมีที่พึ่งทางใจแล้ว เธอรู้สึกว่าคงไม่มีอะไรยากสำหรับเธออีก
ลั่วเซ่าเชินขยับร่างกายเล็กน้อย ก่อนจะถีบเข้าไปที่ประตูอย่างแรง และเมื่อได้ยินเสียงดัง ปัง! ประตูห้องน้ำก็เปิดออก ลั่วเซ่าเชินเห็นว่าหันฮุ่ยซินที่สวมชุดกระโปรงสีดำนั่งหดขาเก็บตัวอยู่บนชักโครก ผมเผ้าก็ดูยุ่งเหยิง ดูเหมือนว่าตอนที่เธอพยายามหนี เธอน่าจะรีบร้อนอยู่พอสมควร
เขารีบเดินเข้าไปหาเธอและยอบตัวลงถามว่า “ฮุ่ยซิน คุณโอเคไหม เดินไหวหรือเปล่า”
หันฮุ่ยซินส่ายหน้า หางตาของเธอยังคงมีรอยน้ำตาอยู่ ท่าทางเธอดูจนตรอกอย่างมาก ลั่วเซ่าเชินถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะก้มตัวลงไปอุ้มหันฮุ่ยซินขึ้นมาในท่าเจ้าหญิง
หันฮุ่ยซินเอนซบลงไปบนแผงอกของลั่วเซ่าเชิน มุมปากของเธอโค้งยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย มือทั้งสองข้างก็โอบอยู่ที่ลำคอของเขา “อาเชิน ขอบคุณนะที่มา”
ลั่วเซ่าเชินก้าวออกไปข้างหน้าและกวาดตามองไปรอบๆ ด้วยกลัวว่าคนที่รังแกหันฮุ่ยซินเมื่อครู่นี้จะกลับมาอีกครั้ง แล้วเดี๋ยวจะเกิดความชุลมุนขึ้นได้ “พูดอะไรอย่างนั้น ฮุ่ยซิน คุณพักก่อนเถอะ ไว้ถึงที่ปลอดภัยแล้วค่อยคุยกัน”
หันฮุ่ยซินดื่มด่ำไปกับเวลาที่เธอได้อยู่กับลั่วเซ่าเชินแค่เพียงสองคน ไม่มีเงาของถังโจวโจว บรรยากาศแบบนี้เหมือนกับเมื่อหลายปีก่อน เหมือนกับตอนที่เธอกับเขายังรักกันอยู่ พวกเขาสองคนรักกันมาก ในตอนนั้นหันฮุ่ยซินไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งลั่วเซ่าเชินจะทิ้งเธอไป และไปแต่งงานกับคนอื่น
ลั่วเซ่าเชินเดินเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา เพราะตั้งใจเลือกทางที่มีคนเดินแค่ไม่กี่คน เวลานี้ผู้คนที่อยู่ในบาร์ต่างออกมาด้านนอกกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ผู้คนไม่ตื่นตระหนกอีกต่อไป เพราะมีคนเปิดสัญญาณเตือนภัยโดยพลการ มันจึงส่งผลกระทบใหญ่หลวงแบบนี้
เมื่อลั่วเซ่าเชินอุ้มหันฮุ่ยซินเดินผ่านห้องโถงไป เขาก็ได้ยินหลายคนกำลังก่นด่าคนที่ไม่รู้กาละเทศะเปิดสัญญาณเตือนภัยคนนั้น ทำให้พวกเขาตกใจกลัวกันไปหมด
หลังจากได้ยินแบบนั้น ลั่วเซ่าเชินก็ลอบยิ้ม ไม่มีใครสนใจเกี่ยวกับการจากไปของเขา และแน่นอนว่าหลังจากที่เหตุการณ์กลับมาอยู่ในความสงบ พวกเขาก็ยังคงสนุกกันต่อ คืนนี้ยังอีกยาวนาน!
เมื่ออุ้มหันฮุ่ยซินมาถึงรถ ลั่วเซ่าเชินก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก “เอาละ ปลอดภัยแล้ว!” ลั่วเซ่าเชินขึ้นมานั่งประจำที่ จากนั้นเขาก็มองดูหันฮุ่ยซินที่สวมเพียงชุดกระโปรงตัวบาง เขาถอดเสื้อโค้ทออกมาคลุมร่างเธอไว้ ก่อนจะเปิดระบบทำความอุ่นภายในรถ
“ฮุ่ยซิน ทำไมวันนี้คุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้” ลั่วเซ่าเชินรู้สึกประหลาดใจ เขาคิดว่าหันฮุ่ยซินเป็นเด็กดีเรียบร้อยติดบ้านมาโดยตลอด สมัยเรียนเธอก็พยายามอย่างหนัก แล้วเธอก็ใช้เวลาว่างไปกับการเต้นเสียหมด
ในตอนนั้นที่เธอคบอยู่กับลั่วเซ่าเชิน ส่วนใหญ่ลั่วเซ่าเชินก็จะอยู่เป็นเพื่อนหันฮุ่ยซินในห้องซ้อมเต้น มาตอนนี้เขากลับเจอหันฮุ่ยซินอยู่ในร้านเหล้า มันทำให้ความทรงจำของลั่วเซ่าเชินเริ่มเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ
แต่เมื่อคิดดูอีกที ลั่วเซ่าเชินก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หลายปีที่ผ่านมานี้เขาเองก็เปลี่ยนแปลงไปไม่ใช่น้อย! ถ้าหันฮุ่ยซินจะเปลี่ยนไปบ้าง มันก็เป็นเรื่องธรรมดา
ดังนั้น ลั่วเซ่าเชินจึงฉวยโอกาสพูดก่อนที่หันฮุ่ยซินจะพูด “ขอโทษที ผมถามมากเกินไปหน่อย เรื่องมันผ่านไปได้ก็ดีแล้ว อย่างน้อยคุณก็ไม่ได้เป็นอะไร ว่าแต่คุณจะไปที่ไหนต่อ?”
หันฮุ่ยซินมองดูดวงตาของลั่วเซ่าเชินที่เธอคุ้นเคย แต่คำพูดที่ออกมาจากปากของเขากลับทำให้เธอไม่เข้าใจ “อาเชิน คุณจะขอโทษฉันทำไมคะ คุณกับฉันห่างเหินกันถึงขนาดนั้นเลยเหรอ”
ลั่วเซ่าเชินรู้สึกปวดหัว เมื่อเห็นว่าหันฮุ่ยซินเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับประเด็นนี้ไม่ยอมปล่อย เขาสัญญากับถังโจวโจวไว้แล้วว่าเขากับหันฮุ่ยซินจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก แล้วเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าตอนนี้โจวโจวหลับไปแล้วหรือว่ากำลังรอให้เขากลับไปอยู่
ลั่วเซ่าเชินเพิ่งสังเกตเห็นว่าใบหน้าของหันฮุ่ยซินแดงก่ำ “ฮุ่ยซิน นี่คุณเมาเหรอ”
“เปล่าค่ะ อาเชิน ฉันจะเมาได้ยังไง” หันฮุ่ยซินยิ้มเจื่อน ลั่วเซ่าเชินมั่นใจว่าหันฮุ่ยซินดื่มเหล้า เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เธอเมาหรือเปล่า แต่โดยปกติแล้วคนเมามักจะบอกว่าตัวเองไม่ได้เมา
ลั่วเซ่าเชินไม่ได้สนใจว่าหันฮุ่ยซินจะเมาหรือไม่เมาแล้ว เขาขับรถตรงไปข้างหน้า “ฮุ่ยซิน ตกลงคุณจะไปไหน ผมจะได้ไปส่งคุณ”
“เฮอะ! อาเชิน พอคุณส่งฉันเสร็จ คุณก็จะกลับไปหาถังโจวโจวใช่ไหมคะ ฉันไม่ให้คุณกลับหรอก คุณเป็นของฉัน คุณเป็นของฉัน…” เสียงของหันฮุ่ยซินเบาลงไปเรื่อยๆ ดวงตาของเธอปิดสนิทโดยที่ปากของเธอยังคงขยับอยู่ เพียงแต่มันไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมาเลย ดูคล้ายว่าเธอกำลังละเมอ
เมื่อเห็นสภาพของหันฮุ่ยซินในตอนนี้ ลั่วเซ่าเชินก็ไม่กล้าไปส่งเธอที่บ้าน เขาจอดรถอยู่ในลานจอดรถด้านนอกของโรงแรม จากนั้นเขาก็พยุงหันฮุ่ยซินเดินเข้าไปที่ล็อบบี้
เมื่อเดินมาถึงเคาน์เตอร์ ลั่วเซ่าเชินก็ควักบัตรออกมาหนึ่งใบ “เปิดห้องครับ”
แม้ว่าพนักงานต้อนรับจะต้อนรับอย่างอบอุ่น แต่เมื่อเธอเห็นว่าหันฮุ่ยซินหลับตา เธอก็ปรายตามองไปสำรวจลั่วเซ่าเชินอีกครั้ง และเมื่อเธอคิดว่าเขาไม่น่าจะเป็นคนแบบนั้น เธอจึงดำเนินการให้เขา
ลั่วเซ่าเชินหยิบกุญแจและประคองหันฮุ่ยซินให้เดินไปที่ลิฟต์ เขาได้ยินเสียงของพนักงานต้อนรับดังไล่หลังมาเบาๆ ว่า “พระเจ้าช่วย หล่อมาก! ผู้หญิงคนนั้นโชคดีจริงๆ ที่ได้รู้จักกับหนุ่มหล่อคนนี้”
“ดูๆ ไปก็เหมือนนายแบบอยู่เหมือนกันนะ แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาตั้งใจจะทำอะไร ผู้หญิงคนนั้นหมดสติซะด้วย ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา เราอาจจะช่วยเหลือไม่ทัน”
“เป็นฉัน ฉันยอมเลย ก็เขาหล่อขนาดนั้น ต่อให้ขาดทุนฉันก็ยินดี!”
…
เมื่อลั่วเซ่าเชินได้ยินคำนินทาเหล่านั้นจากด้านหลัง เขาก็มองดูสภาพระหว่างเขาและหันฮุ่ยซินอีกครั้ง ท่าทางของเขาก็ดูคล้ายกับลักพาตัวผู้หญิงมาทำมิดีมิร้ายจริงๆ นั่นแหละ
ติ๊ง! เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ลั่วเซ่าเชินก็ประคองหันฮุ่ยซินออกมาจากลิฟต์ จากนั้นเขาก็เปิดประตูห้องที่เขาได้กุญแจมาเมื่อครู่นี้ เขาวางหันฮุ่ยซินลงบนเตียง จากนั้นลั่วเซ่าเชินก็มองสำรวจไปรอบๆ ห้อง ถือว่าสะอาดสะอ้านดี
ลั่วเซ่าเชินมองหันฮุ่ยซินที่กำลังหลับสบาย เมื่อคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรแล้ว เขาก็กำลังจะกลับ แต่ทันใดนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงละเมอของหันฮุ่ยซิน
“อาเชิน พวกเราคืนดีกันเถอะ ฉันไม่อยากอยู่ห่างจากคุณ!” ลั่วเซ่าเชินขยับตัวเข้าไปใกล้หันฮุ่ยซิน เขาเห็นว่าปากของเธอขยับขึ้นลงอีกครั้ง ก่อนจะพูดออกมาอีกว่า “อาเชิน ฉันรักคุณ! ฉันไม่อยากอยู่ห่างจากคุณ… อาเชิน…”
ลั่วเซ่าเชินเหยียดยิ้มออกมาอย่างขมขื่น มันไม่มีประโยชน์ที่จะมาพูดอะไรแบบนี้ในเวลานี้ ตอนนี้เขาอยู่กับถังโจวโจวแล้ว มือของลั่วเซ่าเชินค่อยๆ ประคองใบหน้าของหันฮุ่ยซิน แม้จะผ่านมานานหลายปี แต่ใบหน้าของเธอก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
รูปคิ้วแบบเดิม ปากกระจับแบบเดิม จมูกรั้นๆ แบบเดิม รูปร่างของเธอดูบอบบางมาก แต่น่าเสียดายที่นิสัยใจคอของเธอช่างโหดร้าย จู่ๆ หันฮุ่ยซินก็คว้ามือของลั่วเซ่าเชินมาจับไว้และพึมพำว่า “อาเชิน อาเชิน…”
ลั่วเซ่าเชินเหม่อลอยอยู่พักหนึ่ง แต่เมื่อเขาเห็นว่าหันฮุ่ยซินจับมือเขาไว้แน่น เขาก็รู้สึกว่านี่มันไม่ถูกต้อง เขาอยากจะดึงมือออกเพื่อผละตัวออกไปให้ได้ แต่ดูเหมือนว่าหันฮุ่ยซินจะใช้แรงทั้งหมดที่มีรั้งเขาไว้ ทำให้ลั่วเซ่าเชินต้องตกอยู่ภายใต้การผูกมัดของเธอ
ถังโจวโจวเอนตัวพิงกับหัวเตียง เธอเปิดไฟสีส้มนวลดวงเล็กๆ เอาไว้ดวงหนึ่ง สายตาของเธอหลุดลอยไปไกล ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงบางอย่างจากภายนอก เธอสะดุ้งรู้สึกตัวและรีบวิ่งไปดูที่ริมหน้าต่าง และเมื่อเธอพบว่าด้านนอกยังคงมืดสนิท ไม่มีแม้แต่เสียงของรถ เธอก็ทำได้แค่เพียงกลับไปที่เตียงเท่านั้น
…ถังโจวโจวรู้สึกว่ามีแสงหนึ่งแยงตาเธออยู่ เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา แล้วก็พบว่ามันสว่างแล้ว เธอบิดคอเล็กน้อย “ซี้ด…” เมื่อคืนเธอนอนพิงหัวเตียงทั้งคืน ตื่นเช้ามาเลยมีอาการปวดแบบนี้
เมื่อเห็นว่าอีกด้านหนึ่งของเตียงเย็นเฉียบ ไม่มีแม้แต่ความอบอุ่นใดๆ มันก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเมื่อคืนนี้ลั่วเซ่าเชินไม่ได้กลับมา หรือถ้ากลับมา เขาก็ไม่ได้เข้ามานอนในห้อง ถังโจวโจวคิดว่าข้อสันนิษฐานแรกน่าจะเป็นไปได้สูงกว่า
ถังโจวโจวขยับร่างกายที่แข็งทื่อของตัวเอง พลางนวดขมับและลุกไปยืนอยู่ริมหน้าต่าง เมื่อมองลงไปด้านล่าง เธอก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงารถของลั่วเซ่าเชิน เธอเปิดประตูห้องนอนและเดินลงไปชั้นล่าง เธอก็เห็นว่าป้าหลิวกำลังทำงานบ้านอยู่ “คุณผู้หญิง ตื่นแล้วหรือคะ”
“ค่ะ ป้าหลิว เซ่าเชินกลับมาหรือยังคะ”
“เมื่อคืนคุณชายออกไปข้างนอกหรือคะ ฉันยังไม่เห็นคุณชายเลย”
ถังโจวโจวได้ยินคำตอบนั้นของป้าหลิว เธอก็ก้มหน้าลงอย่างหดหู่ “อ้อ ไม่เป็นไรค่ะ ป้าทำงานต่อเถอะ” เธอหมุนตัวเดินกลับขึ้นไปชั้นบน เห็นได้ชัดว่าเธอดูล่องลอยมาก
ป้าหลิวไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหนุ่มสาวคู่นี้ เมื่อวานคุณชายก็อยู่บ้านตลอดนี่ เขาออกไปข้างนอกตอนกลางคืนแล้วยังไม่ได้กลับมาหรือ? ป้าหลิวไม่เข้าใจจึงได้แต่ส่ายหน้าและทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป
เมื่อลั่วเซ่าเชินตื่นขึ้นมา เขาก็พบว่าเขาลืมกลับบ้าน มือของเขาก็ยังคงถูกหันฮุ่ยซินจับไว้อยู่อย่างนั้น ลั่วเซ่าเชินพยายามดึงมือออก อาจจะเป็นเพราะว่าหันฮุ่ยซินหลับอยู่ แรงบีบที่มือของเธอจึงไม่แรงมากนัก ลั่วเซ่าเชินค่อยๆ ดึงมือกลับมาอย่างง่ายดาย
หันฮุ่ยซินตื่นขึ้นมาเพราะการเคลื่อนไหวของลั่วเซ่าเชิน เธอกุมหน้าผากพลางลุกขึ้นมานั่ง แล้วเธอก็เห็นลั่วเซ่าเชินนั่งอยู่ข้างๆ เธอจึงพูดอย่างดีอกดีใจว่า “อาเชิน เมื่อคืนคุณอยู่เป็นเพื่อนฉันทั้งคืนเลยหรือคะ”
ลั่วเซ่าเชินครุ่นคิดอย่างหนัก เขาจำไม่ได้แล้วว่าเมื่อคืนเขาผล็อยหลับไปได้อย่างไร พอเขาตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองยังอยู่ในห้องนี้ และเมื่อลั่วเซ่าเชินนึกถึงถังโจวโจว เขาก็รู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาเล็กน้อย