ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ - ตอนที่ 177 เสี่ยงอันตรายเพียงลำพัง
ลั่วเซ่าเชินเข้ามาดูถังโจวโจวในห้อง แล้วเขาก็เห็นว่าเธอหลับไปแล้ว แต่คิ้วของเธอก็ยังขมวดอยู่ เห็นได้ชัดว่าเธอยังคงกลัดกลุ้มใจอยู่ตลอด ลั่วเซ่าเชินลูบสัมผัสแก้มของเธอ และเมื่อนึกถึงลั่วอิงที่ยังไม่ได้รับข่าวคราวอะไร ใบหน้าที่สงบนิ่งของเขานั้นก็ค่อยๆ เคร่งเครียดขึ้นมา
ลั่วเซ่าเชินไม่กล้าอยู่ในห้องนานนัก เขาปิดประตูลงอย่างเบามือ ทันใดนั้น เปลือกตาของถังโจวโจวก็เปิดออก ที่จริงแล้วเธอตื่นตั้งแต่ลั่วเซ่าเชินสัมผัสแก้มของเธอแล้ว แต่เธอแสร้งทำเป็นว่าเธอยังคงหลับอยู่
ติ๊ง! ถังโจวโจวได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ของเธอ และเมื่อเธอเห็นว่ามีข้อความเข้า เธอก็รีบลุกขึ้นนั่ง จากนั้นเมื่อเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เธอก็เดินออกไปทางประตูเล็กโดยที่ไม่รบกวนลั่วเซ่าเชินและคนอื่นๆ
เมื่อออกมาจากหมู่บ้านแล้ว ถังโจวโจวก็โบกรถแท็กซี่คันหนึ่ง และเมื่อเธอขึ้นมานั่งบนรถ คนขับรถก็ออกรถตรงไปข้างหน้า มือสองข้างของเธอประสานกันไว้แน่น เธอสวดอ้อนวอนขอพรกับพระเจ้าว่าขอให้ลั่วอิงไม่เป็นอะไร
เมื่อคุณแม่ถังยกถ้วยน้ำซุปเข้ามาในห้อง เธอก็ไม่พบถังโจวโจวแล้ว คุณแม่ถังรีบไปบอกลั่วเซ่าเชินทันที และเมื่อลั่วเซ่าเชินเข้ามาสังเกตดู เขาก็ได้ข้อสรุปว่า “แม่ครับ โจวโจวต้องออกไปคนเดียว เพื่อไปที่ไหนสักแห่งแน่ๆ”
“เป็นไปได้ยังไงคะ ทำไมเธอถึงออกไปข้างนอกโดยที่ไม่บอกเราสักคำ” คุณแม่ถังคิดว่ามันน่าแปลกมาก เพราะถังโจวโจวไม่เคยทำให้พวกเขาเป็นห่วงมาก่อน
“บางทีอาจจะมีคนข่มขู่เธอก็ได้นะครับ แม่ครับ บ้านหลังนี้ไม่เคยมีบุคคลภายนอกบุกเข้ามา โจวโจวอาจจะได้ข่าวของลั่วอิง แต่แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมจะรีบส่งคนออกไปตามหาเธอ”
ลั่วเซ่าเชินไม่สะดวกที่จะอธิบายให้คุณแม่ถังฟัง ตอนนี้ภารกิจที่เร่งด่วนมากก็คือการตามหาถังโจวโจว เธอคงจะไม่ทำอะไรโง่ๆ หรอกนะ
คุณแม่ถังมองลั่วเซ่าเชินที่รีบเดินออกไปอย่างร้อนรน เธอทำได้แค่เพียงรอฟังข่าวอยู่ที่บ้าน ลั่วเซ่าเชินรีบเรียกตัวหวังหวามาและสั่งให้เขาไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่โรงพักในทันที ส่วนเขากับบอดี้การ์ดอีกจำนวนหนึ่งก็ขับรถออกตามหาเธอ
“ท่านครับ คุณผู้หญิงเธอนั่งแท็กซี่ออกไปนอกเขตเมืองครับ”
“โอเค ส่งที่อยู่มาให้ฉันด้วย” เมื่อเขาขึ้นมานั่งบนรถ เขาก็รีบสั่งการบอดี้การ์ดที่อยู่ในรถว่า “รีบขับไปที่ชานเมืองเลย”
เดิมทีเรื่องของลั่วอิงใกล้จะได้เบาะแสแล้ว แต่นี่ถังโจวโจวกลับออกไปเจอคนพวกนั้นแค่เพียงคนเดียว ลั่วเซ่าเชินอดเป็นห่วงไม่ได้ว่าพวกเขาจะทำเรื่องไม่ดีกับถังโจวโจว
ลั่วเซ่าเชินไม่ได้เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของลั่วอิง หากทางนั้นต้องการเงินก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าการฆ่าตัวประกันไม่ได้เป็นผลดีต่อตัวเอง แต่หากทางนั้นต้องการแก้แค้นเขา ก็น่าจะนัดให้เขาออกไปพบตั้งนานแล้ว ไม่จำเป็นต้องจับลั่วอิงไปเป็นตัวประกัน
แต่ลั่วเซ่าเชินค่อนข้างกังวลว่าคนเหล่านั้นจะทำให้ลั่วอิงลำบาก ลั่วอิงยังเด็กมาก เขากลัวว่าเรื่องนี้จะเป็นเงาหลอกหลอนติดตัวเธอไปตลอดชีวิต เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ลั่วเซ่าเชินก็ได้แต่เตรียมตัวจัดการกับคนที่รนหาที่ตายแบบพวกนั้นด้วยสายตาเย็นชา
ถังโจวโจวขึ้นแท็กซี่ไปยังชานเมืองอันรกร้าง คนขับรถแท็กซี่เอ่ยเตือนด้วยความหวังดี เมื่อเห็นว่าที่นี่มันไกลและเปลี่ยวมากขนาดนี้ “คุณครับ คุณมาทำอะไรที่นี่หรือครับ ระวังจะเกิดเรื่องนะครับ ให้ผมรอคุณที่นี่ไหม?”
ถังโจวโจวก้าวลงจากรถ ก่อนจะมองไปยังโรงงานร้างที่ห่างออกไปไม่ไกล เธอรู้ว่าเธอมาถึงสถานที่ที่ระบุไว้ในข้อความแล้ว และเมื่อเธอเห็นว่าคนขับรถแท็กซี่มองเธอด้วยสายตากังวล เธอก็ยิ้มให้เขาเล็กน้อย เพื่อขอบคุณในน้ำใจนั้น “ไม่ต้องหรอกค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ฉันไม่เป็นไร”
ถังโจวโจวก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว เธอรู้แค่ว่าหากเธอมาด้วยตัวเองตามนัดหมาย ลั่วอิงก็จะปลอดภัย ถังโจวโจวไม่ใช่คนโง่ที่อ่านข้อความแค่เพียงข้อความเดียวแล้วจะเชื่อ เพียงแต่มีคนส่งภาพถ่ายของลั่วอิงมาให้เธอดู ซึ่งภาพร่างกายเล็กๆ ของลั่วอิงนั้นทำให้ถังโจวโจวรู้สึกสะเทือนใจ
เมื่อคนขับแท็กซี่เห็นว่าถังโจวโจวตั้งใจแน่วแน่ว่าจะทำเช่นนั้น เขาก็ไม่อาจเข้าไปยุ่งเรื่องของเธอได้ ดังนั้น เขาจึงได้แต่กลับรถและขับรถกลับเข้าไปในเมือง
ถังโจวโจวเดินไปได้สักพัก ในที่สุดเธอก็เข้าไปใกล้กับเขตโรงงาน เธอหยุดยืนอยู่หน้าประตูใหญ่ ไม่มีใครอยู่ที่นั่นเลย ถังโจวโจวกำมือแน่น จนเธอรู้สึกได้ว่าฝ่ามือของตัวเองเริ่มมีเหงื่อออก และเธอเองก็ไม่ได้เตรียมใจมาก่อนว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหลังจากที่เธอเดินเข้าไปข้างในแล้ว
เธอรู้แค่ว่าเธอจะต้องพาลั่วอิงกลับบ้านให้ได้ แม้ว่าเธอจะต้องอยู่ที่นี่แทนลั่วอิง เธอก็จะทำให้ลั่วอิงกลับไปอยู่กับลั่วเซ่าเชินให้ได้
หลังจากสูดหายใจลึกๆ แล้ว ถังโจวโจวก็ค่อยๆ เอื้อมมือออกไปเปิดประตูที่เก่าคร่ำคร่านั่น แอ๊ด! ประตูใหญ่ถูกเปิดออกโดยถังโจวโจว แสงสว่างด้านนอกทะลุเข้าไปข้างใน มองแค่ปราดเดียว ถังโจวโจวก็เห็นว่าลั่วอิงถูกมัดติดอยู่กับเสา
เสื้อผ้ายังคงเป็นชุดเดิมกับวันที่เธอถูกลักพาตัวมา ผมเผ้าของเธอยุ่งเหยิง เธอถูกมัดในสภาพที่นั่งอยู่กับพื้น ริมฝีปากของเธอแห้งกรัง ศีรษะของเธอคล้อยต่ำลงเล็กน้อย เมื่อแสงแดดสาดส่องมาที่เธอ เธอก็ขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะสงบนิ่งตามเดิม
ถังโจวโจวไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้เมื่อเธอได้เห็นภาพทั้งหมดนี้ ลั่วอิงของเธอ… พวกเขากล้าทำแบบนี้กับเด็กแค่ห้าขวบได้อย่างไร!
“ลั่วอิง! หนูเป็นยังไงบ้างลูก!”
ถังโจวโจวถลาตัวเข้าไปหาลั่วอิงและจับมือของเธอเอาไว้ พลันรู้สึกได้ว่าอุณหภูมิในร่างกายของเธอนั้นผิดปกติ ถังโจวโจวจึงทาบฝ่ามือของตัวเองลงบนหน้าผากของลั่วอิง ก่อนที่จะพบว่าร่างกายของลั่วอิงร้อนจนน่าตกใจ ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำไปหมด
“ลั่วอิง หนูมีไข้ใช่ไหมคะ ตอนนี้รู้สึกเจ็บไหม” ถังโจวโจวเอ่ยถามอย่างร้อนใจ
ลั่วอิงที่เริ่มได้สติรู้สึกสับสนนิดหน่อย เธออยากจะนอนมาก แต่ร่างกายของเธออยู่ในสภาพย่ำแย่ เธอรู้สึกว่าเหมือนเธอจะได้ยินเสียงของถังโจวโจว แต่เธอก็คิดว่านั่นเป็นแค่จินตนาการของเธอ แม่โจวโจวจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
บางทีเธออาจจะคาดหวังเอาไว้มาก ลั่วอิงพยายามเปิดเปลือกตาของเธอขึ้น แล้วเธอก็เห็นถังโจวโจวนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเธอ ณ ตอนนี้เธอถึงเชื่อว่าเธอไม่ได้ฝันไปจริงๆ เธอเอ่ยออกมาเสียงแหบแห้ง “แม่โจวโจวขา หนูคิดถึงคุณแม่…”
เมื่อถังโจวโจวได้ยินอย่างนั้น น้ำตาของเธอก็ไหลทะลักออกมา ยังคงเหมือนกับทุกครั้งที่ลั่วอิงกลับมาจากโรงเรียน ลั่วอิงมักจะพูดประโยคนี้กับเธอเสมอ วันนี้เมื่อได้เห็นหน้าถังโจวโจวอีกครั้ง ลั่วอิงที่อยู่ในถ้ำหมาป่าเพียงคนเดียวมาตลอดสองวัน ประโยคแรกที่ลั่วอิงพูดกับเธอก็ยังเป็นประโยคนี้ ถังโจวโจวจะไม่ปวดใจได้อย่างไร
ถังโจวโจวไม่กล้าแตะต้องลั่วอิงเพราะกลัวว่าจะมีบาดแผลที่เธอมองไม่เห็น แม้ว่าถังโจวโจวจะไม่อยากคิดเช่นนั้น แต่ด้วยด้านมืดของคนที่ลงมือได้ถึงขนาดนี้แล้ว เธอก็ต้องคิดถึงความปลอดภัยของลั่วอิงไว้ก่อน
ถังโจวโจวกลัวว่าลั่วอิงจะเป็นกังวล เธอจึงรีบเช็ดน้ำตาตัวเอง “ลั่วอิง แม่โจวโจวมารับหนูแล้วนะคะ เด็กดีของคุณแม่ หนูต้องมาลำบากอยู่หลายวันแบบนี้ แต่หนูไม่ต้องกังวลแล้วนะคะ แม่โจวโจวมาแล้ว ลั่วอิงรออีกแป๊บเดียวนะ เดี๋ยวแม่โจวโจวจะพาหนูกลับบ้านเอง”
ลั่วอิงรู้สึกใจชื้นขึ้นเมื่อได้ยินถังโจวโจวพูดเช่นนั้น แต่เธอก็นึกอะไรบางอย่างได้ จึงรีบพูดออกมาว่า “แม่โจวโจวขา คนพวกนั้นน่ากลัวมาก คุณแม่ต้องระวังตัวด้วยนะคะ”
“แม่โจวโจวรู้ค่ะ ลั่วอิงพักผ่อนก่อนนะ เดี๋ยวพอหนูตื่นขึ้นมา เราก็ถึงบ้านกันแล้ว” ในที่สุดลั่วอิงก็ทนไม่ไหว เดิมทีเธอก็มีไข้สูงอยู่แล้ว และการมาถึงของถังโจวโจวก็เป็นการปลอบใจเธออย่างดี เธอจึงสบายใจขึ้นมาก จากนั้นก็ผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าลั่วอิงหลับไปแล้ว ถังโจวโจวก็รีบแก้มัดเชือกอยู่ที่ด้านหลังของลั่วอิงออก เพียงแต่เชือกนี่ไม่รู้ว่ามัดอย่างไร ถังโจวโจวแก้อยู่นานแต่ก็แก้ไม่ออกเสียที เธอพยายามอย่างหนักจนเหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้า
ปัง! แสงสว่างนั้นพลันมืดลงในทันที ประตูใหญ่ถูกปิดลงอย่างกะทันหัน ทำให้ถังโจวโจวตัวสั่นเทา แล้วเธอก็ได้ยินเสียงผู้ชายดังขึ้นมาจากด้านหลัง “มาแล้วสินะ คุณถัง!”
ถังโจวโจวแหงนหน้ามองดูคนๆ นั้น ชายคนนั้นมีแผลเป็นอยู่บนใบหน้า บนมือของเขามีรอยสักลายเสือดาวอยู่ แค่มองก็รู้แล้วว่าเขาเป็นคนเดินดินธรรมดาๆ คนหนึ่ง
ด้านหลังของชายที่มีแผลเป็นยังมีลูกน้องที่ย้อมผมอีกจำนวนหนึ่งตามมาด้วย สีหน้าและท่าทางของพวกเขาดูไม่ค่อยเป็นมิตร แววตาท่าทางของพวกเขาทำให้ถังโจวโจวสั่นเทิ้มไปทั้งตัว จู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าที่เธอแอบออกมาโดยไม่บอกลั่วเซ่าเชินก่อนนั้นเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด
แต่ไหนๆ ก็มาแล้ว ถังโจวโจวจึงทำได้แค่ยืนหยัดต่อไป เมื่อครู่นี้เธอสัญญากับลั่วอิงแล้วว่าเธอจะพาลั่วอิงกลับไปถึงบ้านก่อนที่จะตื่นขึ้นมา เธอไม่สามารถผิดคำสัญญาของตัวเองได้!
“พวกนายต้องการอะไร” ถังโจวโจวไม่อยากเสียเวลากับพวกเขาอีกต่อไปแล้ว ลั่วอิงมีไข้สูง หากมัวแต่ชักช้ายืดยาดอยู่ เธอก็จะยิ่งแย่ลงไปอีก ถังโจวโจวไม่ต้องการเอาชีวิตของลั่วอิงมาเสี่ยง
ชายที่มีแผลเป็นมองตรงไปที่ถังโจวโจว “คุณถังนี่กล้าหาญชาญชัยดีจริงๆ บอกให้มาคนเดียว คุณก็มาคนเดียว คุณไม่นึกกลัวบ้างเลยหรือไง”
เจ้าแผลเป็นแอบนึกแปลกใจอยู่ ผู้หญิงคนนี้ก็ดูดีมีชาติตระกูล แต่ทำไมนายจ้างของเขาถึงต้องการจะฆ่าเธอ? แม้ว่าเจ้าแผลเป็นจะเดาสุ่มไปต่างๆ นานา แต่ใบหน้าของเขาก็ยังคงเย็นชาอยู่อย่างนั้น
“มาพูดอะไรเอาป่านนี้ บอกมาเถอะว่าพวกนายต้องการอะไร ฉันสามารถให้ได้ทุกอย่าง แต่ฉันมีข้อแม้อยู่เพียงข้อเดียว ฉันขอให้พวกนายปล่อยลั่วอิงไป เด็กตัวเล็กแค่นี้ก็ยังกล้าทำร้ายได้ลงคออีกหรือ!” ถังโจวโจวพูดออกมาอย่างขุ่นเคือง
แต่น่าเสียดายที่เจ้าแผลเป็นคนนั้นไม่ได้รู้สึกอะไร “เอาน่า คุณถัง คุณไม่เห็นจำเป็นต้องโกรธเลยนี่ เรายังไม่ได้ทำอะไรลูกสาวของคุณเลยนะ จะว่าไปตอนนี้คุณถังก็เครียดเกินไปหรือเปล่า ผมได้ยินมาว่าเธอไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณนี่ มันคุ้มกันเหรอที่คุณต้องลงทุนทำถึงขนาดนี้เพื่อเธอ?”
ถังโจวโจวเหยียดยิ้มเยือกเย็นออกมา “พวกนายไม่เคยมีครอบครัวกันหรือไง การเสียสละตัวเองเพื่อคนในครอบครัว พวกนายยังจะกล้าถามออกมาได้อีกเหรอว่ามันคุ้มหรือไม่คุ้มน่ะ!”
“นาย ผู้หญิงคนนี้กำลังกวนโมโหเราอยู่แน่ๆ อย่ามัวแต่ไปคุยกับเธออยู่เลย คนทางนั้นกำลังรอฟังข่าวอยู่นะ!” ลูกน้องคนหนึ่งของชายที่มีแผลเป็นก้าวออกมา เขาแค่อยากจะได้เงินที่เป็นส่วนแบ่งของเขาเร็วๆ ส่วนกับถังโจวโจว เขาไม่อยากจะพูดกับเธอให้เสียเวลา
ถังโจวโจวเห็นพวกเขาเริ่มร้อนใจ เหมือนเธอจะได้ยินว่ามีคนบงการพวกเขาอยู่เบื้องหลัง เธอจึงรีบคิดหาวิธีรับมือ “พวกนายต้องการเงินเหรอ? สามีฉันรวยมาก พวกนายต้องการมากเท่าไรล่ะ ฉันจะบอกให้เขาเอามาให้ เพียงแต่พวกนายต้องปล่อยฉันกับลูกสาวของฉันไป!”
“จริงเหรอ?” เจ้าแผลเป็นคนนั้นมองไปที่ถังโจวโจวอย่างครุ่นคิด จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่าสนใจ เธอตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังแบบนี้แท้ๆ ยังมีกะจิตกะใจมาคิดหาหนทางให้ตัวเองอีก
“แน่นอนสิ เพียงแค่พวกนายบอกตัวเลขมา ฉันจะรีบบอกให้สามีของฉันโอนเงินให้พวกนายทันที” ถังโจวโจวพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เพื่อโน้มน้าวให้คนโลภมากกลุ่มนี้เชื่อคำพูดของเธอ
ถังโจวโจวคิดว่าโอกาสของเธอมาถึงแล้ว เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางสนอกสนใจของลูกน้องที่อยู่ด้านหลังของชายที่มีแผลเป็นนั่น
“พวกนายคงไม่รู้ล่ะสิว่าสามีของฉันคือใคร เคยได้ยินชื่อลั่วเซ่าเชินไหม ลั่วกรุ๊ปน่ะ?”
“ใช่ลั่วกรุ๊ปที่ใหญ่ที่สุดในเมือง S หรือเปล่า” ในที่สุดก็มีคนทนไม่ไหว รีบก้าวออกมาถาม แต่เมื่อคนๆ นั้นถูกชายที่มีแผลเป็นถลึงตาใส่ ก็ค่อยๆ ถอยหลังกลับไป
ถังโจวโจวไม่อาจปล่อยโอกาสดีๆ แบบนี้ให้หลุดลอยไปได้ “ใช่! ลั่วกรุ๊ปนั่นแหละ สามีของฉันคือผู้อำนวยการที่นั่น ดังนั้น ไม่ว่าพวกนายจะอยากได้เงินสักเท่าไร เขาก็สามารถจ่ายให้ได้!”
ความจริงแล้วเจ้าแผลเป็นเองก็คล้อยตามเธออยู่เหมือนกัน ไม่ว่าอย่างไรมันก็เป็นเรื่องดีที่จะได้เงินมากขึ้นได้อย่างง่ายดายแบบนี้