ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ - ตอนที่ 180 ได้รับการช่วยเหลือ
“มาถึงขั้นนี้แล้ว เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อเขา ฉันเชื่อว่าผอ. ลั่วน่าจะเป็นคนที่รักษาสัญญา” ในขณะที่เจ้าแผลเป็นพูดประโยคสุดท้ายนี้ เขามองไปที่ลั่วเซ่าเชิน
ลั่วเซ่าเชินรู้ว่าตอนนี้ทุกคำพูดล้วนเป็นคำพูดที่เลื่อนลอย “พวกคุณคอยดูเอาก็แล้วกัน ให้การกระทำของผมเป็นเครื่องพิสูจน์ หากพวกคุณเหลือทางไว้ให้ผมเดิน ผมเองก็จะเหลือทางไว้ให้พวกคุณเดินเช่นกัน”
ลั่วเซ่าเชินรู้สึกขอบคุณพวกเขามากที่ไม่ลงมือฆ่าถังโจวโจวและลั่วอิง หากว่าลั่วอิงและถังโจวโจวเป็นอะไรไป ไม่ว่าจะต้องใช้เงินมากแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถซื้อพวกเธอคืนมาได้
“ไปรับเงิน” เจ้าแผลเป็นบอกให้ลูกน้องคนหนึ่งเปิดประตูแล้วออกไปด้านนอก ไม่นานชายคนนั้นก็กลับเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง เขามองไปที่กระเป๋าเดินทางที่ดูหนักอึ้งนั้น
ผู้คนรอบข้างมองด้วยแววตาลุกวาว เพราะในนั้นคือเงินมากมายมหาศาล! จะไม่ให้พวกเขาตื่นเต้นได้อย่างไร เจ้าแผลเป็นเปิดกระเป๋าและหยิบกองเงินออกมาพลิกดูทีละปึก เพื่อให้แน่ใจว่าภายในนั้นไม่มีของอย่างอื่น
“ผอ. ลั่ว ข้อตกลงของเราสิ้นสุดแล้ว ผมหวังว่าคุณจะทำตามอย่างที่พูด …ไปกันเถอะ” เจ้าแผลเป็นพาพวกลูกน้องออกไปจากโรงงานร้าง จากนั้นก็ได้ยินเสียงสตาร์ทรถ ถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินสบตากัน และทันใดนั้นเอง รอยยิ้มก็ถูกจุดขึ้นมาบนใบหน้าของพวกเขา
เมื่อลูซี่เห็นว่าพวกแก๊งจับตัวเรียกค่าไถ่จากไปแล้ว เธอจึงเดินเข้ามาข้างใน เธอพบว่าลั่วเซ่าเชินและถังโจวโจวต่างก็นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น ลั่วเซ่าเชินกำลังแก้มัดให้กับถังโจวโจว “ท่านคะ จะไม่ส่งคนตามไปหรือคะ”
“ไม่ต้อง ให้เรื่องมันจบแค่นี้ ห้ามพูดอะไรแม้แต่คำเดียว”
“รับทราบค่ะ ท่านผอ.” ลูซี่เห็นว่าโรครักสะอาดเกินเหตุของลั่วเซ่าเชินดูเหมือนจะหายไปแล้ว จนกระทั่งแก้มัดให้กับถังโจวโจวเสร็จ เขาก็ประคองเธอขึ้นมา ก่อนจะเดินออกไปข้างนอกพร้อมกัน
หลังจากขึ้นมาบนรถแล้ว ถังโจวโจวก็เอาแต่ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของลั่วเซ่าเชิน และลั่วเซ่าเชินก็ค่อยๆ รู้สึกได้ว่าอกเสื้อของเขานั้นเปียกชื้น เขาถึงรู้ว่าถังโจวโจวทำอะไรอยู่ เขาเพียงแต่ลูบแผ่นหลังของถังโจวโจวอย่างเบามือ ไม่ได้บังคับให้เธอเงยหน้าขึ้นมา ประเดี๋ยวถูกถังโจวโจวโกรธเข้ามันจะไปกันใหญ่
ถังโจวโจวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “ทำไมคุณถึงไม่พูดอะไรสักคำ” เธอร้องไห้ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของลั่วเซ่าเชิน แต่เธอกลับไม่ได้รับคำปลอบใจจากเขาเลย ถังโจวโจวคิดไปต่างๆ นานาว่าลั่วเซ่าเชินยังคงเสียดายเงินอยู่ใช่ไหม?
“คุณเสียใจเรื่องเงินสิบล้านหยวนนั่นไหม” ลั่วเซ่าเชินไม่ทันได้ตอบ เพราะกำลังตกอยู่ในสภาวะที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูกไปชั่วขณะ
“คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ?” ลั่วเซ่าเชินไม่อนุญาตให้เธอซุกตัวอีกต่อไป เขาดันเธอออกจากอ้อมแขนของเขา ก่อนจะเชยคางเธอและสบตาเธอ “นี่คุณคิดว่าผมเห็นเงินสำคัญกว่าคุณกับลั่วอิงเหรอ”
หากถังโจวโจวตอบว่า ‘ใช่’ ลั่วเซ่าเชินคงจะอยากใช้มือทั้งสองข้างบีบคอเธอให้ตาย ดูเหมือนว่าจิตใจของเธอจะถูกเรื่องร้ายๆ หลอกหลอนไปแล้ว
โชคดีที่ถังโจวโจวยังคงฉลาดเป็นกรด “ไม่แน่นอนค่ะ ถึงยังไงคุณก็มีเงิน เสียเงินไปแค่นี้ มันอาจจะมากสำหรับคนธรรมดา แต่สำหรับคุณแล้ว มันก็แค่ขนเส้นเดียวบนวัวเก้าตัว[1]”
เขาเห็นว่าถังโจวโจวยังคงอธิบายกับเขาอย่างมีเหตุผล แต่ลั่วเซ่าเชินไม่ได้ใจกว้างมากเท่าเธอ “นี่คุณไม่นึกกลัวสักนิดเลยหรือ”
ลั่วเซ่าเชินเห็นว่าแม้เธอจะร้องไห้อยู่พักหนึ่ง แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกกลัวเลย เขาได้ยินถังโจวโจวกระซิบที่ข้างหูของเขาว่า “เพราะ…ฉันรู้ว่าคุณจะต้องมาช่วยฉันอย่างแน่นอน พอฉันคิดแบบนี้ ฉันก็เลยไม่กลัวค่ะ”
ความจริงแล้วถังโจวโจวกำลังหลอกเขาอยู่ ก่อนที่จะเข้าไปในโรงงานร้างแห่งนั้น เธอรู้สึกวิตกกังวลเป็นอย่างมาก และเมื่อเธอได้พบกับคนพวกนั้นเป็นครั้งแรก ร่างกายของเธอก็เกร็งไปหมด เธอถึงขั้นคิดว่าเธออาจจะไม่ได้กลับออกมาอีก
แต่หลังจากที่ได้ลองเจรจากับพวกเจ้าแผลเป็นแล้ว ถังโจวโจวก็รู้ว่าพวกเขามีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่บ้าง ดังนั้นแล้วพวกเขาก็เลยมีจุดอ่อน ซึ่งนั่นไม่ใช่ว่าจะช่วยอะไรไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงไม่กลัว และเมื่อเธอสังเกตดูอีกครั้ง เธอก็พบว่าพวกเจ้าแผลเป็นนั่นก็ไม่ได้แตกต่างจากคนทั่วไป
ลั่วเซ่าเชินกดหน้าผากลงกับหน้าผากของถังโจวโจว “ไม่กลัวจริงๆ เหรอ”
เมื่อได้สบตาเข้ากับสายตาอันล้ำลึกของลั่วเซ่าเชิน จู่ๆ ถังโจวโจวก็ไม่สามารถพูดคำว่า ‘ไม่กลัว’ ออกมาได้ และเมื่อเห็นว่าเธอเงียบไป ลั่วเซ่าเชินก็เข้าใจเรื่องทั้งหมด “ในเมื่อคุณกลัวแล้วทำไมคุณถึงไม่พูดมันออกมา ไม่ใช่ว่าผมไม่ปลอบใจคุณ ผมแค่อยากทิ้งช่วงให้คุณคิด แต่ปรากฏว่าคุณเข้าใจมันผิดไป”
“เซ่าเชินคะ อันที่จริงแล้วตอนนั้นฉันก็กลัวอยู่เหมือนกัน แต่เป็นเพราะลั่วอิง ฉันถึงมัวแต่กลัวไม่ได้ เธอต้องมาทนทุกข์ทรมานแบบนี้ก็เพราะฉัน หากว่ากันตามจริงแล้ว ฉันก็ควรจะเป็นคนที่พาเธอกลับไป” ถังโจวโจวโถมตัวเข้าไปในอ้อมแขนของลั่วเซ่าเชินและอธิบายความในใจของเธอให้เขาฟัง
ลูซี่นั่งอยู่ที่เบาะหน้า เธอได้ยินลั่วเซ่าเชินกับถังโจวโจวกระซิบคุยกันอยู่ที่เบาะหลัง แค่ถังโจวโจวกลับมาอย่างปลอดภัย เธอก็โล่งใจแล้ว มิฉะนั้นเธอกลัวว่าท่านผอ. จะทำเรื่องอะไรบ้าๆ เพียงเพราะคุณผู้หญิงคนเดียว
ลั่วเซ่าเชินกอดถังโจวโจวตอบ เขารู้สึกว่าหัวใจของเขาสงบลง ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่าถังโจวโจวสำคัญกับเขามากขนาดไหน มันไม่ใช่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นครั้งแรก เขาไม่ได้รับบทเป็นผู้ชมอยู่ด้านนอกอีกต่อไป เขากลับกลายเป็นหนึ่งในตัวละครเอกของเรื่องนี้แทน
“โจวโจว วันหลังคุณอย่าทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้อีกนะ แม้จะเพื่อลั่วอิงก็ไม่ได้ คุณเป็นของผมแค่เพียงคนเดียว” เอกลักษณ์เฉพาะตัวของลั่วเซ่าเชินเริ่มกลับมา
ถังโจวโจวรู้สึกโกรธเพราะคำพูดของลั่วเซ่าเชิน “ลั่วเซ่าเชิน ลั่วอิงเป็นลูกสาวของคุณนะ ทำไมฉันถึงจะทำเรื่องแบบนี้เพื่อเธอไม่ได้” ถังโจวโจวแค่รู้สึกว่าคำพูดของลั่วเซ่าเชินนั้นไร้เหตุผล เธอทำทั้งหมดนี่ก็เพื่อลั่วอิง ไม่ใช่เพราะลั่วเซ่าเชินสักหน่อย!
ลั่วเซ่าเชินไม่อธิบายซ้ำ เพียงแต่ยังยืนยันคำเดิมว่า “ห้ามก็คือห้าม ผมรักลั่วอิง แต่ผมไม่อนุญาตให้คุณเอาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายเพราะเธอ”
ถังโจวโจวคุยกับลั่วเซ่าเชินไม่รู้เรื่องแล้ว เธอจึงไม่อยากพูดกับเขาอีกต่อไป ความอบอุ่นที่เพิ่งได้รับเมื่อครู่นี้ถูกลั่วเซ่าเชินทำลายไปจนหมด
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล พวกเขาก็รีบตรงไปยังห้องพักผู้ป่วยวีไอพีทันที คนที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงนั้นคือลั่วอิง ใบหน้ารูปไข่ของเธอซีดเผือด บนหลังมือมีสายน้ำเกลืออยู่ และหวังหวาก็กำลังเฝ้าเธออยู่อย่างใกล้ชิด
ถังโจวโจววิ่งไปที่ข้างเตียง ก่อนจะคว้ามือข้างที่ไม่ได้เสียบสายน้ำเกลือขึ้นมาจับไว้ เธอค่อยๆ ทาบฝ่ามือเล็กๆ นั้นกับใบหน้าของเธอ แล้วก็อดร้องไห้ออกมาไม่ได้
ลั่วเซ่าเชินเอ่ยถามหวังหวาในขณะที่ยืนอยู่ข้างเตียง “หมอว่ายังไงบ้าง”
“คุณหมอบอกว่าคุณหนูไข้ขึ้นสูงมากครับ ผอ. หากไข้ลดลงได้ พักผ่อนอีกสักระยะหนึ่ง ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรครับ แต่คุณหนูอาจจะยังตกใจกลัวอยู่มาก ผมเกรงว่าเธอจะ…”
“โอเค นายออกไปก่อน” ลั่วเซ่าเชินรู้ว่าหวังหวาจะพูดอะไร เขาเองก็กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เพียงแต่ตอนนี้มันยังไม่เกิดขึ้น ถึงเวลาแล้วค่อยว่ากันอีกที
ถังโจวโจวรู้สึกเสียใจมากยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินหวังหวาพูดเช่นนั้น หากเรื่องนี้เป็นเหตุให้ลั่วอิงมีเงามืดติดตามตัวไปตลอด เธอจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองเด็ดขาด
“คุณอย่าคิดมากเลย ลูกสาวของเราจะต้องไม่เป็นอะไร” ลั่วเซ่าเชินโอบไหล่ของถังโจวโจว พลางมองดูลั่วอิงที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียง
หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง ในที่สุดลั่วอิงก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา และในขณะที่ถังโจวโจวเห็นว่าลั่วอิงฟื้นขึ้นมาแล้ว เธอก็ตื่นเต้นดีใจ พลางเอ่ยถามซ้ำๆ ว่า “ลูกรัก หนูยังเจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่าคะ บอกแม่โจวโจวเร็ว แม่โจวโจวจะได้ไปเรียกคุณลุงหมอมาช่วยดูอาการให้หนูนะคะ”
อาจจะเป็นเพราะว่าลั่วอิงเธอเพิ่งฟื้นและมีไข้สูง เสียงของเธอจึงค่อนข้างแหบแห้ง “น้ำ…”
ถังโจวโจวลุกขึ้นในทันที แต่เป็นเพราะว่าเธอฟุบอยู่ข้างเตียงของลั่วอิงมานานเกินไป เมื่อเธอลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จึงทำให้ดวงตาของเธอนั้นมืดดำไปชั่วขณะ เธอไม่สามารถทรงตัวได้ จึงเซล้มลงไปด้านข้าง ลั่วเซ่าเชินรีบวิ่งเข้าไปประคองเธอ
แม้ว่าเขาจะเป็นห่วง แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ็ดถังโจวโจว “คุณจะทำอะไรช้าลงหน่อยไม่ได้เลยหรือ ลั่วอิงเพิ่งจะหายดี คุณก็จะมาล้มป่วยอีกคนแล้ว?”
ถังโจวโจวน้อมรับคำตักเตือนของลั่วเซ่าเชินแต่โดยดี แล้วร่างกายของเธอก็ไม่ได้ประท้วงอีกต่อไป ถังโจวโจวรีบรินน้ำจากกาน้ำใส่แก้วทันที จากนั้นเธอก็ปักหลอดเข้าไปในแก้ว ก่อนจะรีบยกมันไปให้ลั่วอิง เธอค่อยๆ ประคองลั่วอิงขึ้นมานั่ง
เมื่อเห็นว่าลั่วอิงรีบดื่มน้ำ อึกๆๆ จนหมดแก้ว ถังโจวโจวก็รีบถามว่า “เอาอีกไหมคะ”
ลั่วอิงพยักหน้าเบาๆ “แม่โจวโจวขา หนูอยากดื่มน้ำอีก” หลังจากดื่มน้ำไปได้หนึ่งแก้ว ความชุ่มชื้นของน้ำก็ทำให้เส้นเสียงของเธอดีขึ้นมาก
ถังโจวโจวหันตัวไปรินน้ำให้กับลั่วอิง ส่วนลั่วเซ่าเชินก็ช่วยปรับความสูงของเตียงให้ ก่อนจะลูบศีรษะเล็กๆ ของเธอ “ลูกรัก ลูกดีขึ้นบ้างหรือยัง”
“คุณพ่อขา หนูคิดถึงคุณพ่อค่ะ” ในขณะที่พูด ลั่วอิงก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา เธอยังจำได้อยู่เลยว่าเธอหวาดกลัวมากแค่ไหน เมื่อเธอตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่คนเดียวในสถานที่แปลกๆ โดยที่ไม่มีคุณพ่อและแม่โจวโจว มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน
เมื่อถังโจวโจวถือน้ำเข้ามา เธอก็พบว่าลั่วอิงกำลังร้องไห้อยู่ เธอรีบผลักลั่วเซ่าเชินออก ก่อนที่เธอจะปลอบโยนลั่วอิงในอ้อมกอดของเธอ “ลั่วอิง แม่โจวโจวรู้ว่าหนูกลัว แต่ตอนนี้หนูปลอดภัยแล้วนะ แม่โจวโจวจะไม่ปล่อยให้หนูคลาดสายตาอีก”
“แม่โจวโจวขา หนูนึกว่าหนูจะไม่ได้กลับมาแล้วซะอีก… ฮือๆ…” ลั่วอิงฝังหน้าร้องไห้เสียงดังลั่นอยู่ในอ้อมแขนของถังโจวโจว เธอกำลังระบายความอัดอั้นตันใจที่เธอได้รับเมื่อไม่กี่วันมานี้
ถังโจวโจวเองก็พลอยน้ำตาร่วงไปด้วย “โอ๋ เด็กดี อย่าร้องไห้อีกเลยนะคะ แม่โจวโจวปวดใจไปหมดแล้ว”
ลั่วเซ่าเชินรู้ว่าที่ถังโจวโจวผลักเขาออกเมื่อครู่นี้ เป็นเพราะว่าเธอยังจำสิ่งที่เขาพูดไว้บนรถก่อนหน้านี้ได้ แต่ลั่วเซ่าเชินก็ได้ยืนกำมือมองดูลั่วอิงร้องไห้อยู่อย่างนั้น
หลังจากร้องไห้ไปได้สักพัก ลั่วอิงก็ค่อยๆ สะอึกสะอื้นเบาลงอย่างช้าๆ และเมื่อถังโจวโจวเห็นว่าลั่วอิงหยุดร้องไห้แล้ว หัวใจของเธอก็พลอยสงบลงไปด้วย ลั่วอิงร้องไห้หนักเสียจนเธอรับมือไม่ถูก และเมื่อลั่วอิงสงบลง แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเธอ
หลังจากเช็ดคราบน้ำตาที่อยู่บนใบหน้าของลั่วอิงแล้ว ถังโจวโจวก็ยกน้ำที่เธอเพิ่งจะวางไว้ที่ข้างเตียงมาให้เธอ “หนูบอกว่าหนูอยากดื่มน้ำอีกไม่ใช่เหรอ หนูร้องไห้มานานขนาดนี้ น้ำที่หนูเพิ่งจะดื่มเข้าไปคงออกมาหมดแล้ว หนูต้องเติมมันกลับเข้าไปนะคะ”
ลั่วอิงสนุกสนานไปกับคำพูดของถังโจวโจว และเมื่อถังโจวโจวเห็นเธอยิ้ม ก็รู้สึกดีใจอย่างมาก “รีบดื่มเถอะค่ะ หนูอยากจะดื่มแค่ไหน แม่โจวโจวจะรินให้”
ลั่วอิงจับมือของถังโจวโจว ถังโจวโจวค่อยๆ เอียงแก้วจนกระทั่งลั่วอิงดื่มน้ำจนหมด
“เอาอีกไหมคะ” ลั่วอิงส่ายหน้า และเมื่อเห็นว่าสีหน้าของเธอดูไม่ค่อยดีนัก ถังโจวโจวก็รีบถามว่า “เป็นอะไรไปคะ ไม่สบายตัวเหรอ”
“เอิ๊ก!” ที่แท้เธอก็แค่ดื่มน้ำมากเกินไป เธอก็เลยเรอออกมาเสียงดัง
ถังโจวโจวบีบจมูกเล็กๆ ของลั่วอิง “เจ้าตัวน้อย รีบนอนลงนะคะ หนูยังไม่หายดี ต้องพักผ่อนเยอะๆ”
ลั่วอิงไม่ยอม “แม่โจวโจวขา หนูจะได้กลับบ้านเมื่อไรคะ”
“ต้องรอให้หนูหายดีก่อนค่ะ” ถังโจวโจวลูบศีรษะของลั่วอิง แน่นอนว่าเธอก็อยากให้ลั่วอิงกลับบ้านไวๆ เพียงแต่ร่างกายของเธอยังไม่ดีขึ้น ดังนั้น หากลั่วอิงยังอยู่ที่โรงพยาบาลก็จะทำให้เธอวางใจได้มากกว่า
[1] ขนเส้นเดียวบนวัวเก้าตัว สำนวนจีนหมายถึง เรื่องเล็กน้อย เรื่องที่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่