ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ - ตอนที่ 184 ฝันร้าย
“แม่โจวโจวขา คุณแม่นอนกอดหนูได้ไหมคะ” ลั่วอิงพูดพลางหันหน้าไปมองถังโจวโจวเล็กน้อย
“ได้สิคะ ตอนนี้หนูไม่กลัวแล้วใช่ไหม” ถังโจวโจวตะแคงตัวและใช้แขนข้างหนึ่งโอบไหล่ของลั่วอิง ส่วนลั่วอิง เมื่อเธอได้รับอนุญาตจากถังโจวโจว เธอก็รีบใช้แขนทั้งสองข้างกอดตัวถังโจวโจวเอาไว้
“แม่โจวโจวขา ขอแค่มีคุณแม่ หนูก็ไม่กลัวแล้วค่ะ” ลั่วอิงกอดถังโจวโจวไว้แน่น ราวกับว่าต้องการจะรับพลังงานความแข็งแกร่งจากตัวของถังโจวโจว
วันนี้เป็นวันที่เหนื่อยสำหรับถังโจวโจว และเมื่อเธอเห็นว่าลั่วอิงไม่ได้พูดอะไรอีก เธอก็ผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว และในขณะที่เธอกำลังหลับลึกอยู่นั้น ถังโจวโจวก็ได้ยินเสียงตะโกน
เมื่อเธอลืมตาที่สะลึมสะลือขึ้น ถังโจวโจวก็พบว่าลั่วอิงกำลังถูกความฝันเล่นงานอยู่ ลั่วอิงหลับตา แต่ปากกลับตะโกนร้องไม่หยุดว่า “คุณพ่อขา แม่โจวโจวขา หนูไม่อยากอยู่ที่นี่…”
ถังโจวโจวตาสว่างทันควัน “ลั่วอิง ตื่นก่อนลูก ตื่นเร็ว” ถังโจวโจวพยายามจับมือของลั่วอิง เพื่อไม่ให้เธอดิ้นไปดิ้นมา หลังจากนั้นลั่วอิงก็ค่อยๆ สงบลง และดวงตาของเธอก็ยังคงปิดอยู่
เมื่อเห็นว่าลั่วอิงผ่านฝันร้ายนั้นไปได้ ถังโจวโจวก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่เมื่อเธอลูบแผ่นหลังของลั่วอิง เธอก็พบว่ามันเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ ถังโจวโจวลุกขึ้นมาเติมน้ำร้อนในอ่าง เพื่อเช็ดแผ่นหลังให้ลั่วอิง เธอหันมองดูเวลา ก็พบว่ามันเป็นเวลาตีหนึ่งแล้ว
ความจริงแล้วถังโจวโจวง่วงมาก แต่เธอก็เป็นห่วงว่าลั่วอิงจะฝันร้ายแบบนั้นอีก เธอจึงรออยู่พักหนึ่ง และเมื่อเธอเห็นว่าลั่วอิงหลับสนิทจริงๆ ถังโจวโจวก็ค่อยๆ หลับไป
ในตอนเช้า ทันทีที่ลั่วอิงขยับตัว ถังโจวโจวก็ลืมตาตื่น ลั่วอิงกำลังจะลุกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำ เธอตั้งใจขยับตัวให้เบาที่สุด เพื่อไม่ให้ถังโจวโจวตื่น แต่เห็นทีจะไม่ทันแล้ว
“เป็นอะไรไปคะ แล้วหนูจะไปไหน” ถังโจวโจวยันตัวเองขึ้นมาจากที่นอน และเมื่อเธอเห็นว่าลั่วอิงพยายามจะลงจากเตียง เธอก็เข้าใจได้ในทันที “อยากไปห้องน้ำใช่ไหมคะ”
“ค่ะ” เสียงนั้นเบาเสียยิ่งกว่ายุง ถังโจวโจวเห็นว่าใบหน้าเล็กๆ ของลั่วอิงมีสีแดงระเรื่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอหลับสบายหรือว่าเป็นเพราะเธอเก็บกักมันมานาน?
ถังโจวโจวรีบสวมเสื้อคลุมเพื่อลงจากเตียง จากนั้นเธอก็สวมให้ลั่วอิงด้วยเหมือนกัน “รอเดี๋ยวนะคะ เดี๋ยวแม่โจวโจวจะอุ้มหนูไป”
“ไม่ต้องค่ะ หนูไปเองได้” ลั่วอิงปฏิเสธในทันที เธอโตแล้วนะ อีกทั้งสุขภาพร่างกายของเธอเองก็แข็งแรงดี เธอไม่ต้องการให้ถังโจวโจวอุ้ม
“โอเคค่ะ ถ้าอย่างนั้นหนูไปเองนะ แม่โจวโจวไม่อุ้มแล้ว” ถังโจวโจวคอยช่วยเหลือลั่วอิงในขณะที่ไปเข้าห้องน้ำ และเมื่อเธอเห็นว่าลั่วอิงยังไม่คิดจะนอนต่อ เธอจึงคิดจะอาบน้ำให้ลั่วอิง “หนูนั่งรออยู่บนเตียงก่อนนะคะ คุณพ่อกำลังจะมาแล้ว แม่โจวโจวจะไปเข้าห้องน้ำ แล้วเดี๋ยวคุณแม่จะออกมาอยู่เป็นเพื่อนนะ”
“ค่ะ แม่โจวโจว หนูจะรออยู่ตรงนี้ คุณแม่รีบไปเถอะค่ะ”
ถังโจวโจววางใจลงได้ชั่วคราว ที่นี่คือโรงพยาบาล ไม่มีใครสามารถลักพาตัวลั่วอิงไปได้อีก แต่เป็นเพราะฝันร้ายก่อนหน้านี้ ในขณะที่ถังโจวโจวกำลังแปรงฟันอยู่นั้น เธอจึงชะโงกหน้าออกมาจากประตู และเมื่อเธอเห็นว่าลั่วอิงปกติดี เธอจึงหันกลับไปแปรงฟันต่อ
ทันทีที่ถังโจวโจวอาบน้ำเสร็จ ลั่วเซ่าเชินก็ถือของเดินเข้ามา “คุณตื่นนานแล้วเหรอ” ลั่วเซ่าเชินเอ่ยถามในขณะที่วางของลง
“สักพักเองค่ะ ฉันเพิ่งอาบน้ำเสร็จก่อนที่คุณจะมา วันนี้คุณจะเข้าบริษัทไหมคะ” ลั่วเซ่าเชินไม่ได้เข้าบริษัทมาหลายวันแล้ว วันนี้เขาควรจะเข้าไปดูสักหน่อย
“อืม รอพวกคุณทานเสร็จกันก่อนแล้วค่อยไป รีบทานข้าวเช้าเถอะ” อาหารเช้าถูกแบ่งออกเป็นสองกล่อง กล่องหนึ่งเป็นข้าวต้ม อีกกล่องหนึ่งเป็นซาลาเปา ป้าหลิวน่าจะเตรียมแป้งไว้ตั้งแต่เมื่อคืน แล้วก็ค่อยลุกขึ้นมาทำให้ในตอนเช้า
“ลำบากป้าหลิวแย่เลย อุตส่าห์ตื่นแต่เช้ามาทำอาหารให้” จะนึ่งซาลาเปาแต่ละทีนั้นต้องใช้ฝีมือและเวลาอย่างมาก ถังโจวโจวคิดว่าพอลั่วอิงหายดีแล้ว เธอควรจะบอกให้ลั่วเซ่าเชินให้รางวัลแก่ป้าหลิวบ้าง เพื่อตอบแทนน้ำใจของป้าหลิวที่ดูแลพวกเธออย่างดีมาตลอด
“เอาละ รีบทานเถอะ คุณไม่เห็นเหรอ ลูกสาวเราน้ำลายจะหกแล้ว”
ลั่วอิงรีบเช็ดมุมปากทันที แล้วเธอก็พบว่าเธอถูกลั่วเซ่าเชินหลอก ดังนั้น เธอจึงตะโกนลั่นออกมา “คุณพ่อ! ไม่จริงสักหน่อยค่ะ”
ถังโจวโจวเห็นลั่วอิงร่าเริง แต่สิ่งที่ยังติดค้างอยู่ในใจของเธอก็คือฝันร้ายของลั่วอิงเมื่อคืนนี้ ถังโจวโจวเชื่อว่าเรื่องนี้ยังคงส่งผลกระทบต่อจิตใจของลั่วอิงอยู่ ที่ลั่วอิงดูยิ้มแย้มแจ่มใส อาจเป็นเพราะกลัวว่าเธอกับลั่วเซ่าเชินจะเป็นห่วง
“เซ่าเชิน เราออกไปคุยกันสักนิดเถอะค่ะ ลั่วอิงทานไปก่อนเลยนะ เดี๋ยวแม่โจวโจวกับคุณพ่อกลับมา”
ลั่วอิงยุ่งอยู่กับซาลาเปาที่แสนเอร็ดอร่อย “ค่ะ ได้เลยค่ะ”
“มีอะไรเหรอ โจวโจว คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผม” ลั่วเซ่าเชินออกมาจากห้องพักผู้ป่วย เขาเห็นถังโจวโจวขมวดคิ้วยุ่ง ราวกับว่าเธอมีบางสิ่งบางอย่างค้างคาอยู่ในใจ และเมื่อเขานึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เขาก็คิดไปถึงว่า หรือจะเป็นเพราะคำพูดของคุณแม่ลั่ว?
“เซ่าเชิน คุณอย่าเพิ่งคิดไปในทางอื่น เรื่องที่ฉันจะคุยกับคุณ มันเกี่ยวข้องกับลั่วอิง” ถังโจวโจวรีบอธิบายให้ลั่วเซ่าเชินเข้าใจก่อน ไม่ต้องบอกเธอก็รู้ว่าลั่วเซ่าเชินคิดไปถึงเรื่องของคุณแม่ลั่วอีกแล้ว เพราะมีแต่คุณแม่ลั่วเท่านั้นที่สามารถทำให้เธออารมณ์เสียได้
“ลั่วอิงเหรอ ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า” ลั่วเซ่าเชินเห็นว่าลั่วอิงกินได้ ดื่มได้ ไม่มีอาการผิดปกติใดๆ แสดงออกมาให้เห็น แล้วเธอก็ดูจะดีวันดีคืนเลยทีเดียว!
ถังโจวโจวรู้สึกได้ว่าหัวใจของชายหนุ่มนั้นช่างหยาบกระด้างเสียเหลือเกิน “คุณคิดว่าเรื่องนี้มันจะผ่านไปได้ง่ายๆ หรือคะ”
“คุณหมายถึงปัญหาทางด้านจิตใจ?” ลั่วเซ่าเชินรีบนึกถึงความเป็นไปได้ที่ทำให้ถังโจวโจวระแวดระวังมากขนาดนี้ นอกจากเรื่องนี้แล้ว ลั่วเซ่าเชินก็ไม่สามารถคิดถึงเรื่องอื่นได้อีก
ความจริงแล้วก่อนหน้านี้ลั่วเซ่าเชินเองก็เคยกังวลเกี่ยวกับปัญหานี้อยู่เหมือนกัน แต่เท่าที่ดูลั่วอิงแล้ว เธอก็ไม่ได้ออกอาการน่าเป็นห่วงอะไร ลั่วเซ่าเชินจึงแค่เข้าใจว่าลั่วอิงอาจจะเปิดใจมากขึ้นและไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้อีก แต่ตอนนี้ถังโจวโจวกลับหยิบยกหัวข้อนี้ขึ้นมาพูด
“เมื่อคืนตอนที่ฉันนอนกับลั่วอิง เธอฝันร้ายค่ะ เธอเอาแต่พูดว่า ‘คุณพ่อขา แม่โจวโจวขา หนูไม่อยากอยู่ที่นี่’ แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไร พอเช้านี้ฉันถามเธอว่าเมื่อคืนฝันร้ายหรือเปล่า เธอก็ตอบว่าไม่”
ลั่วเซ่าเชินรู้สึกตึงเครียดขึ้นมาทันที ดูเหมือนว่าจิตใจของลั่วอิงจะมีปัญหา “คุณหมายความว่าเธอตั้งใจทำให้เราคิดว่าเธอไม่เป็นอะไร เพื่อไม่ให้เราต้องเป็นกังวลอย่างนั้นเหรอ”
ถังโจวโจวพยักหน้า “ใช่ค่ะ ฉันคิดแบบนั้น เพราะเมื่อตอนเช้าที่ฉันถามเธอ เธอหยุดชะงักไปนิดหนึ่ง ราวกับว่าเธอกำลังคิดว่าเธอจะตอบคำถามของฉันยังไงดี แล้วถ้าเธอไม่ได้ฝันร้ายจริงๆ ทำไมเธอถึงต้องตอบมันด้วยล่ะคะ”
ถังโจวโจวคิดว่าบางทีลั่วอิงอาจจะไม่อยากให้พวกเขาเป็นกังวล ดังนั้นเธอจึงตั้งใจจะปิดบัง แต่ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าถังโจวโจวนั้นคิดผิด ลั่วอิงอาจจะจำสิ่งที่เธอฝันเมื่อคืนไม่ได้จริงๆ เพราะบางครั้งเธอเองก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน พอตื่นเช้าขึ้นมา เธอก็ลืมไปหมดแล้วว่าเมื่อคืนเธอฝันอะไร
“โอเค ผมจะคอยจับตาดูไว้ คุณนอนกับเธออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน คอยสังเกตดูว่าเธอเป็นแบบนั้นบ่อยหรือเปล่า หากว่าเธอเป็นแบบนั้นจริงๆ เราค่อยเชิญจิตแพทย์มาดูอาการของเธอ”
“ค่ะ”
ลั่วเซ่าเชินอยู่กับสองแม่ลูกต่ออีกสักพัก ก่อนจะเข้าไปที่บริษัท ในขณะที่ถังโจวโจวกำลังเล่านิทานให้ลั่วอิงฟัง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น “เชิญค่ะ”
“ลั่วอิง น้าหลินเหยามาเยี่ยมแล้ว” หลินเหยาหอบตุ๊กตาหมีตัวใหญ่มาด้วย เจ้าหมีตัวนี้บังเธอไปเกือบครึ่งตัว คงจะพอจินตนาการได้ว่าเจ้าหมีตัวนี้มันใหญ่มากขนาดไหน
“น้าหลินเหยาคะ อันนี้ให้หนูเหรอ” ลั่วอิงมองไปที่ตุ๊กตาหมีด้วยความตกตะลึง เธอไม่เคยได้รับตุ๊กตาตัวใหญ่ขนาดนี้มาก่อน เธอจึงรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
“ใช่ค่ะ น้าให้หนู ชอบไหมคะ” หลินเหยาวางตุ๊กตาหมีไว้บนเตียง และทันใดนั้นเตียงก็แออัดขึ้นมา
“เธอจะซื้อหมีตัวใหญ่ขนาดนี้มาทำไม” ถังโจวโจวถาม
“ก็ลั่วอิงชอบตุ๊กตาหมีไม่ใช่เหรอ ฉันซื้อมาให้ลั่วอิงโดยเฉพาะเลยนะ ลั่วอิงจะได้ดีใจ” ตอนที่หลินเหยาได้รับข่าวว่าลั่วอิงหายตัวไป เธอก็ได้แต่ปลอบโยนถังโจวโจวผ่านโทรศัพท์ โดยหวังว่าถังโจวโจวจะไม่โทษตัวเอง แต่มันก็คงไร้ประโยชน์ในเวลานั้น
หลินเหยารู้ว่าหากลั่วอิงไม่สามารถกลับมาได้ ถังโจวโจวก็จะไม่ยอมยกโทษให้ตัวเองไปตลอดชีวิต และเมื่อได้ข่าวว่าลั่วอิงกลับมาอย่างปลอดภัย หลินเหยาก็รีบซื้อของเล่นสุดโปรดของลั่วอิงมาเยี่ยมเธอในทันที
ประตูถูกเคาะขึ้นอีกครั้ง หลินเหยาเป็นฝ่ายเดินไปเปิดให้ พลางถาม “คงไม่ใช่สามีเธอหรอกใช่ไหม” ท่านบอสลั่วมาเหรอ?
“จะเป็นไปได้ยังไง เมื่อเช้านี้เขามาแล้ว ตอนนี้ก็น่าจะอยู่ที่บริษัท” แต่เธอเองก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าไม่ใช่ลั่วเซ่าเชิน ถ้าเซ่าเชินจะมา ทำไมเขาถึงต้องเคาะประตูด้วยล่ะ?
และเมื่อหลินเหยาเปิดประตู “ฟังหยวน คุณนั่นเอง!”
ฟังหยวนก้าวเข้าไปในห้องพร้อมกับตะกร้าผลไม้ ถังโจวโจวยิ้มพลางมองไปที่เขา “ฟังหยวน คุณรู้ข่าวได้ยังไงคะ”
“โจวโจว ผมได้ยินมาจากอาเชินน่ะ ลั่วอิง ลุงฟังมาเยี่ยมหนูแล้วนะ ดีใจไหมครับ” ฟังหยวนส่งตะกร้าผลไม้ให้กับถังโจวโจว ถังโจวโจวยกมันไปวางไว้บนโต๊ะ ฟังหยวนลูบศีรษะของลั่วอิงอย่างแรง
ลั่วอิงร้องออกมาเสียงดัง “ลุงฟังคะ คุณลุงอย่าลูบหัวหนูแบบนี้ ผมหนูยุ่งไปหมดแล้วค่ะ”
ฟังหยวนรีบเอ่ยขอความเมตตา “โอเคๆ ครับ เจ้าหญิงน้อย ลุงฟังผิดไปแล้ว แต่ที่ลุงลูบหัวหนูก็เพราะลุงชอบหนูนะ” ฟังหยวนน้อยใจ หากไม่ใช่เพราะเป็นเธอ เขาก็ไม่แตะหรอกนะ
ลั่วอิงจับผมเปียที่ถังโจวโจวถักให้เธอเมื่อเช้านี้ หลังจากเธอรู้แล้วว่ามันยังไม่เสียทรง เธอถึงคลายความโกรธลงบ้าง
และเมื่อได้ยินฟังหยวนพูดแบบนั้น เธอก็ตั้งคอเถียงกับเขาอีก “หนูไม่ได้อยากให้คุณลุงชอบหนูสักหน่อย แล้วนี่ก็เป็นเปียที่แม่โจวโจวถักให้หนูเลยนะคะ”
“อ้อ จริงหรือครับ ถ้าอย่างนั้นลุงยิ่งต้องแตะมันดีๆ” เขาแกล้งยื่นมือออกไปทางศีรษะของลั่วอิง
ลั่วอิงเอียงหลบอยู่ด้านข้างและตะโกนบอกถังโจวโจวว่า “แม่โจวโจวขา ช่วยหนูด้วย หนูไม่อยากให้คุณลุงฟังทำเปียหนูยุ่ง”
“ฟังหยวน พอแล้วค่ะ! เดี๋ยวถ้าเจ้าหญิงน้อยโกรธขึ้นมาจริงๆ คุณจะปลอบเธอไม่ไหวนะคะ” ถังโจวโจวเอ่ยเตือนเขา
ฟังหยวนจึงเก็บมือกลับมา ก่อนจะพูดติดตลกว่า “แหม แค่ล้อเล่นนิดหน่อยเอง ลั่วอิง หนูนี่นะ…”
“เชอะ…”
เมื่อเห็นว่าลั่วอิงไม่สนใจเขาจริงๆ ฟังหยวนจึงทนหน้าหนาอีกครั้ง “ลั่วอิง หนูจะไม่สนใจลุงฟังแล้วเหรอ ไม่สนใจจริงๆ เหรอ…”
ลั่วอิงถูกฟังหยวนวอแวและถูกจักจี้ เธอจึงไม่อาจฝืนทำหน้านิ่งต่อไปได้ “ฮ่าๆๆ คุณลุงอย่าจักจี้…”
“รีบบอกลุงมานะ หนูยังจะโกรธลุงอยู่ไหม”
“ฟังหยวน เบาหน่อยค่ะ ลั่วอิงเพิ่งจะหายดีนะ” ถังโจวโจวกลัวว่าลั่วอิงจะเล่นจนเหนื่อยมากเกินไป เธอจึงอยากให้ฟังหยวนรามือ
“ไม่เป็นไร ผมรู้น้ำหนักมือดี” เมื่อเขาพูดจบ เขาก็ยังไม่หยุดมือและจักจี้ลั่วอิงต่ออยู่อย่างนั้น
ลั่วอิงขอร้องหลินเหยา เมื่อเห็นว่าถังโจวโจวยืนอยู่ข้างๆ โดยที่ไม่ได้ช่วยอะไรเธอมากกว่านี้เลย “น้าหลินเหยาขา คุณน้าช่วยดึงลุงฟังออกไปหน่อย หนูถูกจักจี้จนจะไม่ไหวแล้วค่ะ”
“ฟังหยวน พอแล้ว ลั่วอิงจะทนไม่ไหวแล้ว คุณทำตัวเองทั้งนั้น ใครบอกให้คุณแหย่เธอ” หลินเหยาเองก็เอ่ยตักเตือนเขาเหมือนกัน ฟังหยวนจึงรู้สึกว่าเขาเล่นต่อไปไม่ได้แล้ว
“พวกคุณนี่นะ…”
“ทำไม พวกเราพูดผิดเหรอ?”
“ไม่ผิดครับ ไม่ผิด”