ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ - ตอนที่ 190 ปาร์ตี้วันเกิด
ป้าหลิววางของว่างและผลไม้ไว้บนโต๊ะน้ำชา หากว่าพวกเด็กๆ ต้องการ พวกเขาก็สามารถหยิบรับประทานได้ในทันที แล้วเธอก็จะคอยเฝ้าสังเกตอยู่ตลอด หากมีอะไรเริ่มพร่องลงไป เธอก็จะรีบยกมาเติม ส่วนถังโจวโจวก็รับหน้าที่พาเด็กๆ เล่นเกม
มีทั้งเกมนกอินทรีจับลูกเจี๊ยบ[1] เกมเออีไอโอยูหยุด หลังจากเล่นอยู่หลายรอบก็ถึงเวลาอาหาร ลั่วอิงชวนเพื่อนๆ มาห้าคน เป็นเด็กผู้หญิงสามคนและเด็กผู้ชายอีกสองคน หนึ่งในเด็กผู้ชายดูเป็นคนขี้อาย เขาไม่ค่อยยอมพูดอะไรสักเท่าไร ถังโจวโจวเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าลั่วอิงเข้ากับเด็กคนนั้นได้อย่างไร
ส่วนเด็กผู้ชายอีกคนหนึ่งดูมีชีวิตชีวาและร่าเริงดี เมื่อเขาเจอถังโจวโจว เขาก็รีบทักทายในทันที “สวัสดีครับคุณน้า” และการเล่นเกมหลังจากนั้น เขาก็ดูกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก ช่างเป็นเด็กที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังจริงๆ
ถังโจวโจวบอกให้ลั่วอิงคอยต้อนรับเพื่อนๆ ของเธอก่อน จากนั้นถังโจวโจวก็ตรงขึ้นไปยังห้องหนังสือชั้นสอง ก๊อกๆๆ
“เชิญ” ลั่วเซ่าเชินอยู่ในนั้นจริงๆ ด้วย และเมื่อถังโจวโจวเปิดประตูเข้าไป เธอก็พบว่าลั่วเซ่าเชินไม่ได้ทำงาน เขาเพียงแต่ยืนมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“เซ่าเชิน คุณไม่ลงไปหรือคะ”
“มันเสียงดังเกินไป” ถังโจวโจวนึกไม่ถึงเลยว่าลั่วเซ่าเชินจะตอบแบบนี้
ถังโจวโจวนิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “คุณไม่คิดว่าเด็กๆ น่ารักหรือคะ แล้วเพื่อนๆ ของลั่วอิงเองก็น่ารักเรียบร้อยดี ไม่น่ารำคาญเลย”
ลั่วเซ่าเชินไม่ตอบ ถังโจวโจวจึงเอ่ยชวนต่อไปอีกว่า “เซ่าเชิน ใกล้จะถึงเวลาทานข้าวแล้วนะคะ คุณเองก็ไม่ได้เจอหน้าลั่วอิงมาทั้งวัน คุณจะไม่ไปอวยพรวันเกิดเธอเลยเหรอ”
ลั่วเซ่าเชินก้มหน้าคิดหนัก และเมื่อถังโจวโจวเห็นว่าสีหน้าของเขาเริ่มผ่อนคลายลงแล้ว เธอก็รู้ดีว่าเธอมีหวัง เธอจึงรีบพูดขึ้นว่า “เซ่าเชิน ไปกันเถอะค่ะ นะคะ ไหนๆ คุณก็ไม่ได้ทำอะไรที่ห้องหนังสืออยู่แล้ว? แล้วทำไมคุณถึงไม่ลงไปสนุกกับเราล่ะคะ”
“นี่คุณคงจะมีความสุขมากเลยใช่ไหม” ลั่วเซ่าเชินเห็นว่าถังโจวโจวมีความสุขมากเมื่ออยู่ท่ามกลางเด็กๆ คงใช่สินะ เพราะเธอชอบเด็กมากอยู่แล้ว
“เด็กๆ น่ารักจะตายไป! เซ่าเชิน ตกลงคุณจะไปหรือไม่ไปคะ นี่มันก็จะถึงเวลาทานข้าวแล้ว ไม่ว่ายังไงคุณก็ต้องลงไปอยู่ดีนี่?”
ถังโจวโจวเกิดร้อนรนใจขึ้นมาเมื่อเห็นว่าลั่วเซ่าเชินไม่ยอมขยับตัว เขาจำเป็นจะต้องอยู่แต่ในห้องหนังสืออย่างนั้นหรือ งานไม่เสร็จก็ไม่เห็นเป็นไรเลย วันนี้เป็นวันเกิดของลั่วอิงนะ จะหยุดพักสักวันไม่ได้เลยหรือ?
ถังโจวโจวกำลังจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด แต่ที่ไหนได้ จู่ๆ ลั่วเซ่าเชินก็หันตัวกลับมา เธอไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไร? ลั่วเซ่าเชินขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นว่าถังโจวโจวเอาแต่ยืนมองเขาอยู่อย่างนั้น “จะลงไปไม่ใช่เหรอ?”
“ก็คุณไม่อยากลงไปไม่ใช่เหรอ?” หลังจากนั้นถังโจวโจวก็อยากจะตบปากตัวเอง เธอรีบพูดกลบเกลื่อนว่า “ลงสิคะ รีบไปกันเถอะ” ขอให้เขาไม่ทันได้ยินประโยคนั้นก็แล้วกัน ขอให้เขาไม่ได้ยินด้วยเถอะ ถังโจวโจวบ่นพึมพำกับตัวเอง
ลั่วเซ่าเชินเดินลงมาชั้นล่างพร้อมกับถังโจวโจว ลั่วเซ่าเชินยังคงอยู่ในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มที่เขาสวมไปทำงาน ส่วนถังโจวโจวก็อยู่ในชุดเดรสลำลองแขนยาวสีน้ำเงินเข้มเช่นกัน ด้านนอกคลุมทับด้วยเสื้อคลุมสีขาว ทั้งหมดนี่มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเธอและลั่วเซ่าเชินแต่งตัวคู่กัน
“คุณพ่อขา คุณพ่อมาแล้วหรือคะ” ลั่วอิงรู้สึกตื่นเต้นดีใจที่ได้เห็นลั่วเซ่าเชินลงมาจากชั้นบนเสียที
ลั่วเซ่าเชินอุ้มลั่วอิงไว้ในอ้อมแขน ลั่วอิงก้มหน้ามองทุกคนในทันที บนศีรษะของลั่วอิงมีหมวกวันเกิดอยู่ เธออยู่ในชุดเดรสลูกไม้สีขาว เธอเหมือนกับตุ๊กตาตัวน้อยที่ถูกลั่วเซ่าเชินกอดไว้ในอ้อมแขน
“คุณชาย คุณผู้หญิงคะ ทานข้าวได้แล้วค่ะ” ป้าหลิวออกมาแจ้งถังโจวโจว
“ค่ะ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ” ถังโจวโจวตามป้าหลิวไปที่ห้องครัว ส่วนลั่วเซ่าเชินก็ปล่อยลั่วอิงลง “ลูกไปเล่นกับเพื่อนๆ เถอะครับ”
“วันนี้หนูมีความสุขจังเลยค่ะ คุณพ่อ!” ได้อยู่กับคุณพ่อคุณแม่ที่รักเธอ ได้อยู่กับเพื่อนๆ ของเธอ ลั่วอิงรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่เธอมีความสุขมากที่สุดวันหนึ่ง
“ลั่วอิงครับ วันนี้เป็นวันเกิดของลูก ลูกก็ต้องมีความสุขที่สุดอยู่แล้ว ไม่ว่าวันนี้ลูกจะขออะไร พ่อจะตามใจหนูทุกอย่างเลยนะ” ลั่วเซ่าเชินย่อตัวลงไปกระซิบกระซาบกับลั่วอิง
ถังโจวโจวและป้าหลิวนำอาหารออกมาเสิร์ฟทีละจาน “ลั่วอิง หนูรีบไปเรียกเพื่อนๆ มาทานข้าวกันเร็วค่ะ”
“เราไปทานข้าวกันเถอะ! เดี๋ยวพอทานข้าวเสร็จ พวกเธอก็จะได้เห็นเค้กวันเกิดที่คุณแม่ทำให้เราแล้ว” ลั่วอิงพูดอย่างภูมิอกภูมิใจ
ถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินช่วยกันอุ้มเด็กๆ ขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ทีละคน ป้าหลิวทำอาหารไว้มากมายหลายอย่าง มีทั้งน่องไก่ ปีกเป็ด ซี่โครงหมูตุ๋นมันฝรั่ง ไก่ตุ๋นเห็ด สามสหายผัดเต้าหู้ฝอย[2] และอื่นๆ ละลานตา
อาหารถูกจัดวางไว้เต็มโต๊ะ ถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินแยกกันนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะของทั้งสองด้าน ลั่วอิงและเพื่อนๆ อีกห้าคนนั่งอยู่ที่ด้านยาวของโต๊ะทั้งสองฝั่ง โดยแบ่งเป็นฝั่งละสามคน
เนื่องจากพวกเด็กๆ กินของว่างและผลไม้ไปก่อนแล้ว พวกเขาจึงกินข้าวได้ไม่มากนัก ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังจะต้องเผื่อท้องไว้กินเค้กอีก ดังนั้น พวกเด็กๆ จึงเน้นกินแต่กับ ไม่กินข้าว ถังโจวโจวเองก็ไม่ได้บังคับพวกเขา พวกเขาอยากจะกินอะไรก็ให้คีบกันเอง
หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จแล้ว ถังโจวโจวก็นำเค้กที่เธอเตรียมไว้สำหรับลั่วอิงตั้งแต่ช่วงบ่ายออกมาจุดเทียน จากนั้นเธอก็ให้ลั่วเซ่าเชินดับไฟในห้องนั่งเล่น ภายในห้องนั่งเล่นจึงเหลือแค่เพียงแสงสว่างจากเทียนที่อยู่กลางห้อง
แสงเทียนสีเหลืองนวลส่องประกายไปทั่วบริเวณ “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู! แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู! แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู! แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู! สุขสันต์วันเกิดนะ ลั่วอิง!” ทุกคนร่วมกันร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ขึ้นมา ลั่วอิงถูกล้อมรอบอยู่ตรงกลาง และใบหน้าของเธอก็เปี่ยมไปด้วยความสุข
“ลั่วอิง ขอพรก่อนสิคะ แล้วค่อยเป่าเทียนนะ”
ลั่วอิงหลับตา และหลังจากนั้นสิบวินาที เธอก็ลืมตาขึ้นมา “คุณแม่ขา หนูขอพรเสร็จแล้ว”
“โอเคค่ะ หนูกับเพื่อนๆ ช่วยกันเป่าเทียนนะคะ เดี๋ยวเราจะได้ตัดเค้กกัน” ถังโจวโจวตะโกน “หนึ่ง สอง สาม” แล้วเด็กๆ ก็ช่วยกันเป่าเทียน
ถังโจวโจวเปิดไฟและยื่นมีดตัดเค้กให้กับลั่วอิง “ตอนนี้หนูแบ่งเค้กได้แล้วค่ะ ลองนับดูสิคะว่ามีกี่คน แล้วหนูก็แบ่งตามจำนวนนั้นนะ” เด็กๆ ที่ยืนอยู่ด้านข้างต่างจับจ้องไปที่ก้อนเค้กตรงหน้า พวกเขากำลังรอให้ลั่วอิงตัดเค้กอยู่
ลั่วอิงนับจำนวนคนอย่างเงียบๆ เธอตัดออกมาก่อนหนึ่งชิ้น ถังโจวโจวช่วยเธอวางเค้กลงบนจานกระดาษ “ลั่วอิง ชิ้นนี้หนูจะให้ใครคะ”
“ชิ้นนี้ให้คุณพ่อค่ะ!” ถังโจวโจวช่วยเธอส่งมันให้กับลั่วเซ่าเชิน
จากนั้นเธอก็ตัดออกมาอีกหนึ่งชิ้น “แล้วชิ้นนี้ล่ะคะ”
“ให้คุณแม่ค่ะ!”
“ขอบคุณค่ะลูกรัก” ถังโจวโจวมีความสุขมาก เธอจูบลงบนใบหน้าของลั่วอิง
ชิ้นที่สามถูกตัดออกมาสดๆ ร้อนๆ ถังโจวโจวเห็นพวกเด็กๆ จ้องตาเป็นมัน เธอคิดว่าลั่วอิงจะมอบให้หนึ่งคนในนั้น
แต่นึกไม่ถึงเลยว่าลั่วอิงจะพูดประโยคนี้ออกมา “แม่โจวโจวขา หนูอยากมอบเค้กชิ้นนี้ให้กับป้าหลิวค่ะ วันนี้ป้าหลิวช่วยจัดงานให้หนูตั้งหลายอย่าง หนูอยากขอบคุณป้าหลิว!”
“ถ้าอย่างนั้นหนูเอาไปให้ป้าหลิวเองดีไหมคะ” ถังโจวโจวส่งจานกระดาษให้ลั่วอิง จากนั้นลั่วอิงก็ค่อยๆ ประคองเค้กไปให้ป้าหลิวอย่างระมัดระวัง
ป้าหลิวพูดพลางน้ำตารื้นว่า “ขอบคุณค่ะ คุณหนู”
ลั่วอิงก้มหน้าอย่างเขินอาย ก่อนจะพูดด้วยเสียงเล็กๆ ว่า “ไม่เป็นไรค่ะ”
ลั่วอิงแบ่งเค้กที่เหลืออยู่ออกเป็นหกชิ้น เธอแบ่งให้กับเพื่อนๆ ของเธอก่อน จากนั้นเธอถึงจะหยิบของตัวเองมากิน ถังโจวโจวมีความรู้สึกเป็นร้อยพันเกิดขึ้นในใจ เมื่อได้เห็นเธอแบ่งให้คนอื่นก่อนแล้วค่อยหยิบให้ตัวเองทีหลัง
เมื่อส่งเพื่อนๆ ของลั่วอิงให้กับคุณพ่อและคุณแม่ของพวกเขาแล้ว ถังโจวโจวก็รู้สึกได้ถึงความเหนื่อยล้าในทันที เธอรู้สึกหมดแรง เมื่อนึกถึงของกองใหญ่ที่ต้องเก็บกวาดในห้องนั่งเล่น
“เอาละ เรียบร้อยแล้ว” ถังโจวโจวและป้าหลิวช่วยกันเก็บกวาดห้องนั่งเล่น และเมื่อพวกเธอเห็นบ้านที่สะอาดสะอ้าน พวกเธอก็รู้สึกพึงพอใจ
หลังจากอาบน้ำให้ลั่วอิงแล้ว ถังโจวโจวก็อาบน้ำต่อ เมื่อออกมาจากห้องน้ำหลังจากอาบน้ำเสร็จ ถังโจวโจวก็เห็นว่าลั่วอิงหลับไปแล้ว รอยบุ๋มที่ข้างแก้มของเธอปรากฏขึ้น พิสูจน์ให้เห็นว่าวันนี้เธอมีความสุขมาก
ถังโจวโจวสังเกตเห็นว่าลั่วเซ่าเชินไม่ค่อยได้กินอะไรเลยเมื่อหัวค่ำ ดังนั้นเธอจึงตั้งใจต้มบะหมี่มาให้เขาเป็นพิเศษ เธอยกมาที่ห้องหนังสือ “เซ่าเชิน ฉันเข้าไปนะคะ”
“เข้ามาเลย” กลิ่นหอมของบะหมี่ลอยตามติดถังโจวโจวเข้ามาด้วย เขาเห็นถังโจวโจววางชามใบหนึ่งลงบนโต๊ะ และชามบะหมี่ไข่ไก่ก็ปรากฏขึ้นในสายตาของลั่วเซ่าเชิน
“เมื่อหัวค่ำคุณไม่ค่อยได้กินอะไรเลยไม่ใช่หรือคะ ฉันกลัวว่าคุณจะหิว ฉันก็เลยต้มบะหมี่มาให้ คุณรีบทานสิคะ” ถังโจวโจวดันชามบะหมี่ไปให้ลั่วเซ่าเชิน
จากนั้นเธอก็ส่งตะเกียบให้ ลั่วเซ่าเชินรับไป ความหอมของบะหมี่แทงทะลุเข้าไปในโพรงจมูกของถังโจวโจว จู่ๆ เธอก็รู้สึกหิวขึ้นมาเสียอย่างนั้น เธอจึงพยายามกลืนน้ำลายและปลอบตัวเองในใจว่า ฉันไม่หิว ฉันไม่หิว…
ลั่วเซ่าเชินเห็นว่าเธอกำลังหลับตา จึงถามขึ้นด้วยความสงสัย “นั่นคุณทำอะไรอยู่น่ะ”
“เปล่านี่คะ คุณรีบกินเถอะค่ะ” ถังโจวโจวรีบหันหน้าไปทางอื่น เธอพยายามไม่มองบะหมี่ชามนั้น เพื่อที่เธอจะได้ไม่หิวไปมากกว่านี้
ลั่วเซ่าเชินมองดูบะหมี่ จากนั้นก็มองดูท่าทางที่ยิ่งปกปิดก็ยิ่งเห็นได้ชัดของถังโจวโจว แล้วเขาก็เข้าใจในทันที “คุณอยากกินล่ะสิ”
“ไม่อยากค่ะ!” ถังโจวโจวตอบทันควัน
ลั่วเซ่าเชินเห็นถังโจวโจวทำเป็นปากแข็ง เขาก้มหน้าก้มตากินบะหมี่อย่างเอร็ดอร่อย พลางพูดขึ้นมาในขณะที่กินอยู่ว่า “คุณไม่อยากกินจริงๆ น่ะเหรอ ใกล้จะหมดแล้วนะ พลาดแล้วพลาดเลยนะ”
‘ไม่ ไม่อยาก ไม่กิน ถังโจวโจว เธอต้องห้ามใจเอาไว้’ ถังโจวโจวบ่นพึมพำและไม่หลงไปกับเสียงยั่วยวนของลั่วเซ่าเชิน เมื่อลั่วเซ่าเชินเห็นว่าถังโจวโจวไม่ติดกับ และบะหมี่ก็ใกล้จะหมดแล้ว เขาจึงได้แต่วางตะเกียบลงและเลื่อนชามไปไว้ตรงหน้าถังโจวโจว
“คุณไม่อยากกินจริงๆ เหรอ” ลั่วเซ่าเชินยกชามบะหมี่ไปหยุดอยู่ใต้จมูกของถังโจวโจว
เมื่อถังโจวโจวได้กลิ่นหอม เธอก็พยายามกลืนน้ำลาย และเมื่อเธอเปิดตาขึ้นมา เธอก็เห็นสีหน้าอันขบขันของลั่วเซ่าเชิน ถังโจวโจวรู้สึกโมโหเล็กน้อย “คุณจะยกมาให้ฉันทำไมคะ รีบกินเร็วๆ เถอะค่ะ ฉันทำมาให้คุณนะ”
“เอาละ ผมรู้ว่าคุณเองก็อยากกิน อย่ามัวแต่รั้นอยู่เลย หรืออยากให้ผมป้อน?” ลั่วเซ่าเชินมองดูบะหมี่ที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง เธออยากจะทดสอบฝีมือของเขาสินะ!
ถังโจวโจวรับชามมาในทันที เมื่อเห็นว่าลั่วเซ่าเชินคิดจะป้อนเธอจริงๆ “ไม่ต้องค่ะ ฉันกินเองได้”
ถังโจวโจวกินบะหมี่ที่เหลืออยู่จนหมดในไม่กี่คำ ลั่วเซ่าเชินพูดอย่างน่าเสียดายเมื่อเห็นว่าโอกาสของเขานั้นหลุดลอยไปแล้ว “คุณจะรีบกินไปทำไมกัน”
ในใจของถังโจวโจวนั้นเต็มไปด้วยคำที่ยากจะอธิบาย ถ้าหากไม่รีบกิน แล้วเกิดคุณป้อนฉันขึ้นมาจริงๆ ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนล่ะ แต่ปากของเธอก็ยังคงพูดคำที่น่าฟังออกมา “ก็ฉันกลัวว่าคุณจะลำบากนี่”
“พอๆ ไม่ต้องฝืนพูดหรอก ผมรู้ดีว่าคุณคิดยังไง” ลั่วเซ่าเชินเปิดโปงความคิดของเธออย่างไร้ความปรานี ซึ่งนั่นทำให้ถังโจวโจวรู้สึกเก้อเขิน
“ใช่ที่ไหนกันคะ ฉันพูดจากใจจริงหรอก” ถังโจวโจวรีบปฏิเสธ แม้ว่าเธอจะยังยืนยันตามเดิม แต่ลั่วเซ่าเชินก็รู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร เพียงแต่ไม่ได้พูดออกมาตามตรงเท่านั้น นี่เป็นเพราะเขายังมีความเป็นสุภาพบุรุษอยู่!
[1] นกอินทรีจับลูกเจี๊ยบ การละเล่นพื้นบ้านของจีน คล้ายกับการละเล่นงูกินหางของไทย
[2] สามสหายผัดเต้าหู้ฝอย อาหารชนิดหนึ่งของจีน วัตถุดิบหลักคือ เต้าหู้แห้ง เนื้อไก่ หน่อไม้และขิง โดยวัตถุดิบทั้งหมดจะหั่นเป็นฝอย