ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ - ตอนที่ 366 โอวหยางเลี่ยอึดอัดใจ / ตอนที่ 367 ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับลั่วเซ่าเซินอีกแล้ว
- Home
- ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ
- ตอนที่ 366 โอวหยางเลี่ยอึดอัดใจ / ตอนที่ 367 ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับลั่วเซ่าเซินอีกแล้ว
ตอนที่ 366 โอวหยางเลี่ยอึดอัดใจ
หู่พั่วป้อนข้าวเสี่ยวอวี่เรียบร้อยแล้วก็รีบก้มหน้าก้มตากินอาหารในชามของตัวเอง ส่วนความผิดปกติเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างเฉินหลานอีกับโอวหยางเลี่ย เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้วเฉินหลานอีก็พลันใบหน้าแดงระเรื่อ เธออายุมากขนาดนี้แล้ว ยังต้องมาเสียหน้าต่อหน้าเด็กๆ อีก เพราะเลี่ยคนเดียวเลย!
ดูเหมือนว่าชายคนนี้ต่อหน้าเฉินหลานอีก็จะยังรักษานิสัยแบบเด็กๆ เอาไว้ อยากทำอะไรๆ ให้เฉินหลานอีมาสนใจเขา เมื่อเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็มักจะหึงหวง แต่ว่าเธอก็ห้ามโทษเขา เพราะว่าหลายๆ ครั้งเขาก็แสดงออกถึงความใส่ใจในตัวเธอเป็นอย่างดี
โอวหยางเลี่ยกระแอมขึ้นมา “หู่พั่ว เสี่ยวอวี่กินข้าวเสร็จแล้วก็ให้คนรับใช้พาหลานไปเล่นนะ”
หัวข้อนี้จัดอยู่ในประเภทไม่มีเรื่องก็หาเรื่องใส่ตัว ทั้งๆ ที่ทุกๆ ครั้งเสี่ยวอวี่จะอยู่ใกล้ๆ กับโต๊ะอาหาร เคยต้องให้คนรับใช้พาไปเล่นที่ไหนกัน ดูเหมือนว่าโอวหยางเลี่ยจะตื่นตระหนกเกินไปแล้ว ถึงได้พูดออกมาแบบนี้
“ไม่เป็นไรค่ะลุงโอวหยาง ให้เสี่ยวอวี่อยู่ข้างๆ หนูดีแล้วละค่ะ” หู่พั่วรีบหาทางออกให้กับโอวหยางเลี่ย
เฉินหลานอีทนดูเขาปล่อยไก่ต่อไปไม่ไหวแล้ว “เอาล่ะ เลี่ย รีบกินเนื้อเป็ดสิคะ” ใช้ของกินปิดปากเขาเอาไว้ เธอไม่เชื่อว่าเขาจะพูดอะไรออกมาได้อีก
แน่นอนว่าโอวหยางเลี่ยสงบลงในทันที อะไรที่เฉินหลานอีคีบให้เขา ต่อให้เป็นยาพิษ เขาก็กลืนลงไปได้ เขาหลงใหลเฉินหลานอีถึงขนาดนี้นั่นล่ะ
“คุณยายดีกับคุณตาจังเลยนะคะ” ในบ้านลั่ว น้อยครั้งนักที่ลั่วอิงจะเห็นว่าคุณปู่ของเธอคีบกับข้าวให้คุณย่า ไม่ใช่ว่าเขาไม่ดีกับคุณย่า แต่อาจเป็นเพราะว่าคุณตาของเธอไม่ได้แสดงความรักออกมารุนแรงเท่าโอวหยางเลี่ย เมื่อเทียบกับโอวหยางเลี่ยแล้ว คุณปู่ของเธอก็คงจัดอยู่ในประเภทคนเก็บความรู้สึก
ลั่วอิงกินข้าวเสร็จแล้วก็ยืมมือถือจากถังโจวโจว บอกว่าเธอจะโทรหาลั่วเซ่าเซินว่ามาถึงที่หมายอย่างปลอดภัยแล้ว
หู่พั่วจึงหยิบมือถือให้เธอทันที ลั่วอิงเอามือถือเข้าไปในห้องของตัวเอง ที่นี่ไม่มีคนอื่นนอกจากเธอ จึงทำให้เธอมีสมาธิคุยกับลั่วเซ่าเซิน
ลั่วอิงกดเบอร์มือถือของคุณพ่อ เสียงตื๊ด…ตื๊ด…ดังขึ้นสองสามครั้งลั่วเซ่าเซินถึงได้รับสาย “โจวโจว พวกคุณมาถึงแล้วเหรอ?”
“คุณพ่อ หนูเองค่ะ! ไม่ใช่คุณแม่โจวโจว” คุณพ่อก็ไม่คิดหน่อยเหรอว่าตอนนี้คุณแม่โจวโจวจะเป็นคนโทรหาเขาก่อนได้อย่างไร ตอนแรกที่อยู่ในประเทศ ถังโจวโจวก็ไม่เคยโทรหาลั่วเซ่าเซินก่อนเลยสักครั้ง ลั่วอิงเห็นอยู่กับตา
“ที่แท้ก็ลูกนี่เอง? คุณแม่โจวโจวล่ะ พวกลูกไปถึงที่นั่นแล้วหรือยัง”
“คุณพ่อคะ หนูยืมโทรศัพท์มือถือมาจากคุณแม่โจวโจว ตอนนี้หนูอยู่ในห้องคนเดียว พวกเราถึงกันตั้งแต่ตอนเช้าแล้วค่ะ”
ลั่วอิงรู้สึกว่าเธอหลับไปตื่นหนึ่ง เครื่องบินก็มาถึงที่หมายแล้ว อาจเป็นเพราะว่าหลับเพลินไปหน่อย เธอถึงได้รู้สึกว่าไม่ได้ไกลสักเท่าไร
“ถ้าอย่างนั้นลูกกินมื้อกลางวันหรือยัง?”
“กินแล้วค่ะ กินเสร็จแล้วก็มาโทรหาคุณพ่อเลย คุณพ่อคะ คุณพ่อจะมาเมื่อไหร่?”
“อีกไม่นานหรอกลูก อีกไม่นานพ่อก็จะไปหาลั่วอิงแล้วนะ” คราวก่อนที่เกิดเรื่องกับลั่วอิง ลั่วเซ่าเซินได้ใส่เครื่องรับส่งสัญญาณ GPS ลงในสร้อยคอของเธอ ดังนั้นขอเพียงลั่วอิงอยู่ในปราสาท เขาก็จะรู้ตำแหน่งของเธอได้อย่างง่ายดาย ตามตัวเธอได้อย่างรวดเร็ว
“คุณพ่อ ถ้าอย่างนั้นคุณพ่อจะรู้ได้ยังไงล่ะคะว่าหนูอยู่ที่ไหน?” ถ้าเธอไม่บอกคุณพ่อ คุณพ่อจะรู้ได้อย่างไรกัน?
“วางใจเถอะ พ่อมีวิธีของพ่อ ลูกแค่รออยู่เฉยๆ ก็พอ ลูกรัก อยู่ที่นั่นสบายดีหรือเปล่า เป็นยังไงบ้าง?”
“คุณพ่อคะ คุณยายกับคุณตาดูไม่แก่เลย คุณลุงพ่อบ้านก็เป็นดูมิตรดี คนที่นี่ดีกับลั่วอิงทุกคนเลยค่ะ แค่ไม่มีคุณพ่ออยู่ด้วย ลั่วอิงคิดถึงพ่อค่ะ”
“ลั่วอิงเป็นเด็กดีนะ อีกไม่นานพ่อก็จะไปหาลูกแล้ว วันนี้แค่นี้ก่อนนะลูก เดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อไปหา” ลั่วเซ่าเซินหาพิกัดของลั่วอิงเจอแล้ว บินไฟล์ทวันนี้ พรุ่งนี้ก็คงถึงประเทศ H แล้ว
“ค่ะ บ๊ายบายค่ะคุณพ่อ” ลั่วอิงวางสายจากลั่วเซ่าเซิน วิ่งกลับไปคืนมือถือที่ห้องถังโจวโจวอย่างอารมณ์ดี พ่อบ้านเห็นว่าลั่วอิงมาที่นี่ไม่คุ้นเคยกับผู้คนและสถานที่ เธอใกล้ชิดกับหู่พั่วมากที่สุด ดังนั้นถึงจัดให้ห้องของทั้งสองอยู่ใกล้ๆ กัน
ตอนที่ 367 ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับลั่วเซ่าเซินอีกแล้ว
ลั่วอิงยื่นมือถือคืนให้กับถังโจวโจว ก่อนจะตั้งอกตั้งใจเล่นกับเสี่ยวอวี่ จนกระทั่งเสี่ยวอวี่เหนื่อยแล้ว หู่พั่วจึงได้จับทั้งสองนอนเรียงกลางวันอยู่บนเตียง ในห้องเงียบสงัด ก่อนที่หู่พั่วจะช่วยห่มผ้าให้เด็กๆ
เมื่อได้ยินว่ามีคนเคาะประตูจากด้านนอก เธอก็เดินออกไปเปิดประตู ก็พบว่าเป็นเฉินหลานอี “แม่คะ แม่มาได้ยังไงคะ?”
“เด็กๆ นอนกันหมดแล้วเหรอ?” เฉินหลานอีเพิ่งจะปลอบประโลมดวงใจดวงน้อยที่เป็นแผลของโอวหยางเลี่ยเสร็จ รอจนกระทั่งเขาไปทำงานแล้ว เธอถึงได้ปรี่ตรงมาหาหู่พั่ว
“ค่ะ นอนแล้วทั้งสองคนเลย เมื่อเล่นกันสนุกแทบแย่” เมื่อเสี่ยวอวี่มีพี่สาวตัวน้อย เขาก็อารมณ์ดีเป็นพิเศษ อีกทั้งได้กลับมายังสถานที่ที่คุ้นเคยก็พลันรู้สึกอย่างกับว่าตัวเองลอยล่องไปในอากาศ
หู่พั่วปิดประตูลง เธอพูดคุยกับเฉินหลานอีอยู่ในห้อง ขณะเดียวกันก็เฝ้าเสี่ยวอวี่และลั่วอิงที่กำลังนอนอยู่ไปด้วย
“หู่พั่ว กลับไปคราวนี้ได้เจอกับพ่อแม่ที่เลี้ยงลูกมาหรือเปล่า?” เฉินหลานอีเคารพนับถือพ่อแม่ของถังโจวโจวอย่างสุดหัวใจ เธอมีแต่จะขอบคุณพ่อแม่ของถังโจวโจว ไม่มีเจตนาเป็นปฏิปักษ์เลยแม้แต่น้อย
“ค่ะ ได้เจอกันแล้ว หนูกับหงเอ๋อร์ตั้งใจว่าจะไปเยี่ยมพวกท่านอยู่แล้ว ก็เลยได้ทำความรู้จักกับพวกท่านแล้วค่ะ”
พวกเขาคิดว่าเธอตายไปนานแล้ว จู่ๆ เธอก็ไปปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา ไม่รู้ว่าดีใจหรือว่าตกใจกันแน่
“แม่คะ แม่กลัวหรือเปล่า?” เฉินหลานอีนิ่งเงียบไปเป็นเวลานาน นี่ไม่เหมือนนิสัยของเธอเลย เพราะว่าเฉินหลานอีมีโอวหยางเลี่ยคอยประคบประหงม ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครกล้าหือกับเธอมาก่อน ต่อให้ไปออกงานเลี้ยง ฐานะของโอวหยางเลี่ยก็ทำให้เธอทำอะไรได้ตามอำเภอใจอยู่ดี
“มีบ้างจ้ะ ไม่ได้เจอกันนานขนาดนี้ ไม่กล้าคิดเลยว่าคุณตาคุณยายของลูกจะเป็นยังไงบ้าง?” เมื่อคิดขึ้นได้ อารมณ์ของเฉินหลานอีก็พลันเศร้าซึม ตอนนั้นเธอและเมิ่งไหวเซินสองสามีภรรยาเป็นคนหนุ่มสาวที่ผู้ใหญ่ให้ความสำคัญเป็นที่สุด ตอนนี้ได้ตัดขาดจากกันแล้ว
“ไม่รู้ว่าตอนนี้คุณพ่อคุณแม่จะยังจำลูกสาวคนเล็กคนนี้ได้หรือเปล่า” เมื่อเฉินหลานอีคิดถึงพ่อกับแม่ขึ้นมาได้ ความทรงจำอันรื่นเริงก็ไหลทะลักออกมา ทำให้เธอเหม่อลอย
“คุณตาคุณยายจะต้องคิดถึงแม่อยู่แล้วสิคะ” หู่พั่วประหลาดใจเมื่อได้เห็นท่าทีของเฉินหลานอี บ้านเฉินเองก็คงจะไม่ใช่ครอบครัวธรรมดาๆ อย่างแน่นอน
“งั้นเหรอจ๊ะ ความจริงแม่ก็คิดถึงพวกท่านเหมือนกัน อยากให้หงเอ๋อร์ไปสืบข่าวของพวกท่านบ้าง แต่ก็กลัวว่าจะได้รับรู้สิ่งที่แย่ที่สุด อดทนเอาไว้ไม่คิดถึง จนกระทั่งลูกถามขึ้นมานี่ละ”
“รู้จักกันเอาไว้ก็ดีแล้ว พวกเขาเป็นพ่อแม่ของลูก ลูกเองก็ต้องเคารพพวกเขาเหมือนกันนะ ก็ถือเสียว่ามีความรักจากพ่อแม่เพิ่มขึ้นมา ต่อไปก็ต้องกตัญญูต่อพวกเขา เพราะพวกเขาเองก็ลำบากมาไม่น้อย”
“แม่คะ แม่ใช้คำพูดที่หนูพูดปลอบใจลั่วอิงมาปลอบหนูนี่คะ! หนูรู้ดีค่ะ หนูเข้าใจมาตลอด ผ่านไปอีกสักพัก หนูก็จะไปหาพวกท่าน ถ้ามีโอกาสพาพวกท่านมาอยู่ที่ประเทศ H ได้ก็จะพามา กลัวแต่ว่าพวกเขาจะไม่ยอม”
เฉินหลานอีได้ฟังคำพูดของหู่พั่วแล้ว เธอตัดสินใจว่าจะตัดขาดกับสามีของเธอแล้วหรือ? “หู่พั่ว ลูกไม่อยากอยู่กับพ่อของเสี่ยวอวี่แล้วเหรอ?” เธอกลับไปคราวนี้ อย่างไรก็ต้องเจอกับพ่อของเสี่ยวอวี่นี่นา
“เขาไม่รู้ว่าเสี่ยววี่เป็นลูกของเขา เขาคิดว่าเป็นลูกของหงเอ๋อร์ หงเอ๋อร์แกล้งเขา แต่ดูเหมือนว่าเขาอยากให้หนูกลับไปกับเขาให้ได้” หู่พั่วเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ลั่วเซ่าเซินกำลังคิดอะไรอยู่ อย่างไรลั่วอิงก็มากับเธอแล้ว ขอให้เฉินหลานอีมีความสุขก็พอ
ถึงเวลานั้นให้ลั่วอิงอยู่ต่ออีกหน่อย แล้วค่อยส่งเธอกลับไป ก็จะได้พูดคุยกับพ่อแม่ของถังโจวโจวเรื่องที่จะพาเขามาอยู่ที่ประเทศ H ขอเพียงแค่พวกเขายอมตกลง
“หงเอ๋อร์นี่จริงๆ เลยเชียว…” เฉินหลานอีไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับลูกชายคนนี้ดี ทำไมถึงแกล้งคนอื่นกับเรื่องแบบนี้ได้? ดูเหมือนว่าหงเอ๋อร์จะไม่ถูกชะตากับสามีของหู่หั่วสินะ
“แม่คะ อย่าไปโทษหงเอ๋อร์เลยค่ะ หนูไม่มีความรู้สึกอะไรกับลั่วเซ่าเซินเลยแม้แต่นิดเดียว ปล่อยให้เป็นไปอย่างนี้เถอะค่ะ ขอแค่เสี่ยวอวี่อยู่กับหนู หนูใช้ชีวิตตัวคนเดียวก็ดีแล้วค่ะ” ตอนนี้หู่พั่วไม่มีความคิดที่จะใช้ชีวิตอยู่กับลั่วเซ่าเซินเลย
เฉินหลานอีเองก็ไม่อยากบังคับเธอ “ลูก อย่ากดดันตัวเองไปเลยนะ ไม่ว่าอย่างไรแม่ก็อยู่กับลูก ไม่สิ ยังมีลุงโอวหยางแล้วก็หงเอ๋อร์คอยอยู่ข้างหลังด้วย พวกเขาเป็นภูเขาให้ลูกพึ่งพิง”
“แม่คะ แม่ไม่อยากกลับไปบ้างเหรอคะ แล้วตากับยายของหนูล่?” หู่พั่วไม่เคยถาม เพราะเห็นว่าเฉินหลานอีไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ วันนี้มีโอกาสหู่พั่วจึงตัดสินใจถามออกมา
เฉินหลานอีเองก็มีครอบครัว เป็นไปไม่ได้ว่าจะไม่อยากกลับบ้าน เหตุผลอะไรกันที่ทำให้คุณแม่ที่ฟื้นฟูความทรงจำได้นานแล้วไม่ยอมกลับไปหาคนในครอบครัว?