ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ - ตอนที่ 380 เมิ่งชิงซีมาประเทศ H / ตอนที่ 381 จิตใจไม่สมดุล
ตอนที่ 380 เมิ่งชิงซีมาประเทศ H
เธอมองดูเขาขับรถออกไป ไม่ว่าลั่วเซ่าเซินคิดจะถอดใจหรือว่ากลับมาอีก เธอก็ไม่สนใจอยู่ดี การแสดงออกของเธอชัดเจนถึงขนาดนั้นแล้วนี่นา
เสิ่นหลานอีเห็นท่าทางมีทิฐิของเธอก็พลันรู้สึกร้อนรนขึ้นมา จะอยู่ตัวคนเดียวได้ยังไงกันล่ะ จะใช้ครึ่งชีวิตสุดท้ายด้วยการเฝ้าดูแลเสี่ยวอวี่ด้วยตัวคนเดียวอย่างนั้นหรือ?
“หู่พั่ว ให้แม่บอกหงเอ๋อร์ให้แนะนำคนให้ลูกรู้จักดีหรือเปล่า ลูกจะยึดมั่นอยู่กับความคิดที่จะใช้ชีวิตตัวคนเดียวจริงๆ ไม่ได้นะ ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกนะลูก”
“แม่คะ แม่อย่าใช้ไม้นี้กับหนูเลยค่ะ ถ้าแม่ทำอย่างนั้น ถึงตอนนั้นหนูจะย้ายออกไปอยู่ที่อื่น” หู่พั่วออกปากมาขนาดนี้แล้ว เสิ่นหลานอีก็ยิ่งไม่กล้าพูดอะไร “ได้จ้ะ แม่พูดผิดเอง แม่จะไม่ยุ่งเรื่องของลูกอีก ลูกล้มเลิกความคิดเมื่อกี้ไปเถอะนะ”
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาลั่วเซ่าเซินก็มารายงานตัวที่ปราสาทโบราณทุกวัน บางครั้งเขาก็ได้เจอกับหู่พั่ว บางครั้งก็มีเพียงลั่วอิงคนเดียวที่ออกมารับหน้า
ตั้งแต่นั้นมาเสิ่นหลานอีก็คุยกับลั่วเซ่าเซินเพียงเรื่องสัพเพเหระเท่านั้น เรื่องที่เกี่ยวกับหู่พั่วเธอจะรีบปิดปากเงียบทันที โดยเฉพาะเวลาที่เขาถามว่าหู่พั่วจะกลับไปกับเขาหรือเปล่า เสิ่นหลานอีก็จะทำเป็นรีบหาข้ออ้างที่จะไม่อยู่นั่งเป็นเพื่อนเขาต่อ
บางครั้งบางคราวลั่วเซ่าเซินก็พบเข้ากับโอวหยางหงที่พักผ่อนอยู่ วันนี้เขาไม่ได้ออกไปไหน โอวหยางหงแสดงออกว่าชังน้ำหน้าเขา สบตาเขาด้วยแววตาเยือกเย็น ส่วนโอวหยางเลี่ยใส่ใจเพียงแต่เรื่องของเสิ่นหลานอี ไม่ได้สนใจเรื่องอื่นเท่าไรนัก
นอกจากการพบหน้ากับลั่วเซ่าเซินโดยบังเอิญแล้ว เวลาอื่นๆ ลั่วเซ่าเซินก็ไม่ได้ค่อยได้พบเขาบ่อยนัก เวลานี้โดยหลักๆ แล้วลั่วเซ่าเซินทำศึกอยู่กับโอวหยางหง
เมิ่งชิงซีลงจากเครื่องบิน มองเมืองที่ตนไม่คุ้นเคย เธอรายงานการออกรบว่า “พี่เซ่าเซิน ฉันมาแล้วค่ะ!”
เธอสืบข่าวของลั่วเซ่าเซินมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าเขาพักอยู่ที่ไหน ก่อนจะนั่งรถตรงไปยังตรงไปยังโรงแรมแห่งนั้น เปิดห้องชุดที่อยู่ตรงข้ามกับลั่วเซ่าเซิน เพียงเท่านี้เธอก็จะสามารถเฝ้าสังเกตการเข้าออกของลั่วเซ่าเซินได้ตลอดเวลาแล้ว
ตอนที่เมิ่งชิงซีมาถึงเป็นเวลาใกล้มื้อกลางวัน เธอไม่มีแก่ใจจะออกไปหาอะไรกิน ตรงสั่งอาหารให้มาส่งที่ห้องพัก มื้อกลางวันถูกจัดการไปอย่างง่ายๆ เพราะถึงอย่างไรเธอก็กินไม่ค่อยลงอยู่แล้ว
รอจนกระทั่งเธอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง แสงอาทิตย์ตกดินที่หลงเหลืออยู่สาดทอบนหน้าต่าง สะท้อนเป็นเงาสลับแสงเป็นเส้นๆ สวยงาม เธอหลับไปด้วยความงัวเงีย อยากนอนต่ออีกสักหน่อย ทว่าท้องร้องดังจ๊อกๆ ฝืนต่อไปไม่ได้จริงๆ จึงทำได้เพียงลงจากเตียง
เมิ่งชิงซีออกมาจากห้อง เทน้ำแก้วหนึ่งบนแท่นวางชา ขณะที่ดื่มน้ำอยู่ก็เหมือนว่าจะได้ยินเสียงเปิดประตูจากฝั่งตรงข้าม เธอมีปฏิกิริยาตอบสนองในทันที ดูเหมือนว่าพี่เซ่าเซินจะกลับมาแล้ว!
เมื่อเปิดช่องประตูออกดู ก็เห็นเงาร่างผอมสูงของลั่วเซ่าเซิน ก่อนประตูจะปิดลงอีกครั้ง เขาก็เข้าไปในห้องแล้ว เมิ่งชิงซีเองไม่ได้ไปรบกวนเขา ตอนนี้เธอยังไม่อยากให้เขารู้ว่าเธอมายังประเทศ H
วันต่อมาเมิ่งชิงซีตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวของห้องฝั่งตรงข้ามก็รีบหยิบกระเป๋า รอให้ลั่วเซ่าเซินเดินตามทางเดินออกไปเป็นเวลานานแล้วถึงได้เปิดประตูออกไป
เธอใส่แว่นกันแดดและหมวกไว้พร้อมสรรพ เห็นลั่วเซ่าเซินเดินเข้าไปใกล้ลานจอดรถ เธอก็รีบวิ่งไปยังหน้าประตูโรงแรม เรียกรถแท็กซี่ที่จอดรออยู่ข้างนอกทันที
ไม่นานนัก ลั่วเซ่าเซินก็ขับรถคันสีดำออกมา “โชเฟอร์ ตามรถสีดำคันข้างหน้าไป”
“ครับ” คนขับรถเหยียบคันเร่ง อยู่ห่างกับรถของลั่วเซ่าเซินในระยะพอดีๆ อย่างกับว่ามีประสบการณ์ในการติดตามคนอื่น
“แม่หนู นั่นแฟนของเธอเหรอ เธอตามเขาไปทำไมกัน?” เกรงว่าคนขับจะเจอผู้โดยสารแบบนี้มาไม่น้อย ไม่ได้แสดงความแปลกใจในคำพูดมากนัก อย่างกับยอมรับแล้วว่าเมิ่งชิงซีกำลังทำอะไรอยู่
“โชเฟอร์ อย่ายุ่งกับเรื่องนี้เลย แค่อย่าให้คลาดกับเขาก็พอ” เมิ่งชิงซีไม่ได้ปฏิเสธหรือยอมรับที่เขาเข้าใจว่าลั่วเซ่าเซินเป็นแฟนของเธอ ให้เขาเดาไปเถอะ อย่างไรเธอก็ไม่บอกอะไรเขาอยู่แล้ว
ใครก็ไม่อาจรู้ได้ว่าในใจเธออาจจะแอบยินดีอยู่ก็เป็นได้ เมิ่งชิงซีสงสัย นี่เขาทำอะไรของเขากันนะ? เป้าหมายของเมิ่งชิงซีที่มาที่นี่อีกอย่างก็คือ ถังโจวโจว
ตอนที่ 381 จิตใจไม่สมดุล
เมิ่งชิงซีรู้แก่ใจแล้วว่าถังโจวโจวสูญเสียความทรงจำก่อนหน้านี้ไป เธอคิดว่านี่เป็นผลกระทบจากถูกรถชนเมื่อคราวก่อน
เมิ่งชิงซีเสียดายเป็นอย่างมาก ทำไมถึงไม่ชนเธอให้ตายไปเลยนะ ยังอยู่มาจนถึงตอนนี้ได้อีก ถังโจวโจวคือวิกฤติที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ไม่อย่างนั้นเวลานี้พี่เซ่าเซินก็คงถูกเธอเข้ากุมหัวใจได้อย่างช้าๆ แต่พอถังโจวโจวปรากฎตัวขึ้น ความสนใจของเขาก็วกกลับไปหาเธอในทันที
เวลานี้ไม่ว่าเมิ่งชิงซีจะเศร้าโศกเสียใจอย่างไร แต่ความจริงที่ถังโจวโจวยังมีชีวิตอยู่ก็เป็นความจริงอยู่ดี ตอนนี้สิ่งที่เธอทำได้ก็คือพยายามแก้ไขสิ่งผิดพลาดในตอนแรกให้กลับเข้าสู่ลู่ทางเดิมที่ควรจะเป็นอย่างสุดกำลัง
จู่ๆ รถยนต์ก็จอดนิ่ง เมิ่งชิงซีมองดู ทางข้างหน้าไม่มีหมู่บ้าน ข้างหลังไม่มีร้านค้า “โชเฟอร์ ทำไมจอดตรงนี้ล่ะ?”
“หนู ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากขับไปต่อนะ เพียงแต่ว่าบนนั้นห้ามไม่ให้รถแท็กซี่เข้าไป นอกจากว่าจะได้รับการอนุญาตจากเจ้าของที่อยู่ข้างใน”
เมิ่งชิงซีทำได้เพียงมองลั่วเซ่าเซินขับรถเข้าไปไกลตา ลัดเลาะทางบนภูเขาลดเลี้ยว มองไม่เห็นเงารถยนต์อีกต่อไป
ในใจของเมิ่งชิงซีค่อนข้างร้อนรน ไม่ใช่ว่าตามมาจนถึงที่นี่แล้วก็จะคลาดกับเขาอีกหรอกนะ
“แม่หนู ถ้าหนูรีบจริงๆ ก็ต้องเดินขึ้นไปเองแล้วละ” คนขับรถเองก็ไม่มีหนทางอื่น เพราะรถแท็กซี่ไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปบนนั้น ต่อให้เขาอยากทำ ก็ทำไม่ได้อยู่ดี
“ขึ้นไปไม่ได้จริงๆ เหรอ? ไม่เห็นมีใครเฝ้าอยู่สักหน่อย” เมิ่งชิงซีเผชิญเข้ากับกฎเกณฑ์อันแปลกประหลาด ให้เธอเดินขึ้นไปเองอย่างนั้นเหรอ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าต้องเดินไปนานเท่าไร?
“แม่หนู จะดูแค่ว่าไม่มีคนเฝ้าอยู่ไม่ได้หรอกนะ ข้างทางของถนนเส้นนี้มีแต่กล้องวงจรปิดเต็มไปหมด ถ้าขับขึ้นไปก็จะมีคนออกมาทันที” เคยมีคนทดลองทำอย่างนั้นมาก่อนแล้ว ผลสุดท้ายไม่เพียงถูกแจ้งความ แม้กระทั่งรถก็ถูกอายัดเอาไว้ที่สถานีตำรวจ
อันดับแรกคือจ่ายเงินแล้วก็ยังเอารถคืนมาไม่ได้ คนขับรถคนนั้นถึงได้ร้อนใจ ต่อมาไม่รู้ว่าคิดวิธีอะไรขึ้นมาจึงเอารถคืนมาได้ เพียงแต่ไม่มีรถแท็กซีคันไหนกล้าขับเข้าไปอีก ทางม้าลายที่อยู่ปากทางถนนเส้นนั้นราวกับว่าเป็นเส้นต้องห้ามไปโดยปริยาย ไม่มีใครกล้าล่วงล้ำเข้าไป
เมิ่งชิงซีไม่มีทางเชื่อเรื่องบ้าบออย่างนี้แน่ มีกฎเกณฑ์อย่างนี้ที่ไหนกัน เธอไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน “โชเฟอร์ ฉันจะจ่ายเงินให้คุณอีกเท่าหนึ่ง คุณขับเข้าไปที เกิดอะไรขึ้นฉันจะรับผิดชอบเอง”
คนขับรถรีบร้อนส่ายหน้า “แม่หนูเอ้ย รีบลงจากรถเถอะนะ ฉันทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้หรอก ประเดี๋ยวจะไม่มีแม้กระทั่งจานชามไว้กินข้าว” เรื่องอะไรเขาจะต้องหาเรื่องใส่ด้วยล่ะ
เมิ่งชิงซีเซ้าซี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า คนขับรถก็ไม่ยอมรับปาก ทำได้เพียงลงจากรถด้วยความโกรธเคือง หลังจากที่เธอจ่ายค่าแท็กซี่ให้กับเขา เขาก็รีบขับรถจากไปทันที เหลือเพียงเมิ่งชิงซีที่ยืนเหม่อมองเส้นทางขึ้นเขาเส้นยาว
เธอจะตามขึ้นไปดีหรือเปล่า? เมิ่งชิงซีลังเล ประเดี๋ยวเกิดเจอลั่วเซ่าเซินเข้าที่กลางทางก็จะพาลมองหน้ากันไม่ติด ถึงเวลานั้นเธอจะอธิบายกับเขาอย่างไรดี?
เมิ่งชิงซียืนคิดอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานาน สุดท้ายก็ตัดสินใจได้ว่าจะเดินขึ้นไป เธอเหยียบลงบนรองเท้าส้นเข็ม เดินเลาะทางเส้นเล็กไปอย่างช้าๆ
พระอาทิตย์เอนเอียงอยู่บนฟากฟ้า เดินไปได้สักครู่ เมิ่งชิงซีก็รู้สึกว่าบนหลังของเธอเริ่มเต็มไปด้วยเหงื่อ เธอเริ่มเสียใจที่เดินขึ้นมา เพิ่งปีนขึ้นมาได้เพียงเนินเดียวเท่านั้นเอง แล้วก็ไม่อยากเดินลงไปด้วย เธอพลันกลัดกลุ้มจนเกินจะบรรยาย
เมื่อมองดูเวลา ก็พบว่าเพิ่งเดินมาได้เพียงห้านาทีเท่านั้น ทั้งยังไม่เห็นเงาผู้คนเลยแม้แต่น้อย เมิ่งชิงซีทนกัดฟันเดินหน้าต่อไป เธอพยายามสุดกำลังที่จะสะกดจิตตัวเอง “สิ่งที่ทำไปทั้งหมดตอนนี้ก็เพื่ออนาคตที่มีความสุข”
ขอเพียงให้ได้ตัวลั่วเซ่าเซินมา ครึ่งชีวิตภายหลังของเธอก็จะเป็นอันลงตัว นั่งบนตำแหน่งคุณนายลั่ว ไม่มีใครกล้าทำอะไรเธอทั้งนั้น!
เมิ่งชิงซีโอบกอดความคิดแบบนี้เอาไว้ จนในที่สุดก็เดินมาถึงหน้าปราสาท ยืนแน่นิ่งอยู่ริมกำแพงยาวเหยียด เธอมองเห็นเพียงปราสาทหลังนั้น คิดว่าลั่วเซ่าเซินคงจะอยู่ข้างใน แต่ว่าพี่เซ่าเซินมาที่นี่ทำไมกันล่ะ?
เมิ่งชิงซีนั่งแกร่วเฝ้าอยู่ข้างนอกไม่นานเท่าไหร่ ก็เห็นว่าประตูปราสาทเปิดออก ตามด้วยเสียงของลั่วเซ่าเซินที่ดังขึ้น “โจวโจว คุณน้า ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”
ถังโจวโจวนี่นา! เมิ่งชิงซีรีบแอบมองเข้าไป ก็เห็นถังโจวโจวตัวเป็นๆ ยืนอยู่บนขั้นบันได ถังโจวโจวอาศัยอยู่ที่นี่เชียวเหรอ! นี่ทำให้เมิ่งชิงซีสะเทือนใจอยู่ไม่น้อย
ถังโจวโจวเป็นคนอย่างไรกัน พ่อแม่ก็เป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป ฐานะทางบ้านก็ธรรมดาเสียเหลือเกิน กลายเป็นว่าพอเกิดเรื่องขึ้น ก็อาศัยอยู่ในปราสาทเสียอย่างนั้น ใช้ชีวิตอย่างเจ้าหญิง เธอได้สิทธิ์นี้มาจากไหน?