ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ - ตอนที่ 388 หึงเสี่ยวอวี่ / ตอนที่ 389 เมิ่งชิงซีบ้าคลั่ง
ตอนที่ 388 หึงเสี่ยวอวี่
“ค่ะ กลับกันดีๆ นะคะ ฉันขอส่งแค่ตรงนี้” เห็นว่าหู่พั่วและลั่วเซ่าเซินออกมาจากร้านไปแล้ว เจ้าของร้านก็ปิดประตูหน้าร้าน หู่พั่วเห็นว่าประตูถูกปิดจนมิดชิด ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าไม่เคยเปิดร้านนี้มาก่อนอย่างไรอย่างนั้น ในตรอกนี้ไม่มีใครเดินมา รู้สึกอย่างกับว่าทั้งโลกใบนี้มีเพียงแค่พวกเขาสองคน
“มัวเหม่ออะไรอยู่? ไปกันเถอะ” เสียงของลั่วเซ่าเซินทำให้หู่พั่วกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง เมื่อสักครู่เธอก็ตกอยู่ในห้วงภวังค์ ไม่น่าจะเป็นอย่างนี้เลยนี่นา
“อ๋อ เมื่อกี้อยู่ดีๆ ฉันก็นึกถึงเรื่องอื่นขึ้นมาน่ะ เสี่ยวอวี่รอฉันอยู่ที่บ้าน ฉันควรจะกลับได้แล้ว” หู่พั่วเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ เธอเอ้อระเหยอยู่ข้างนอกนานเกินไปแล้ว อีกประเดี๋ยวก็จะถึงเวลานอนกลางวันของเสี่ยวอวี่ เขาไม่รู้ว่าเธอไม่อยู่ แม่จะกล่อมเขาอยู่ไหมนะ?
เจ้าตัวเล็กจำคนแม่นเป็นที่สุด เวลาใกล้จะนอนหากไม่ได้กลิ่นหอมจากกายผู้เป็นแม่ ก็จะร้องไห้โยเย อีกอย่างหู่พั่วก็ไม่เคยอยู่ห่างจากเขาเลย วันนี้เธอก็พลาดไปแล้ว
“ได้ ถ้างั้นพวกเราไปกันเถอะ” เฮ้อ ดูเหมือนว่าศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาจะเป็นเสี่ยวอวี่เสียแล้วสิ เจ้าเด็กคนนั้นคอยขัดขวางเรื่องดีๆ ของเขาอยู่เรื่อย ตอนแรกเขาก็คิดจะชวนเธอไปดูหนัง สุดท้ายก็ต้องกลับกันแล้ว
รถยนต์จอดอยู่บริเวณพื้นที่ว่างของปราสาท หู่พั่วรีบลงจากรถ เหมือนกับว่าเธอจะได้ยินเสียงร้องไห้ของเสี่ยวอวี่ จึงลืมแม้กระทั่งจะหยิบของ รีบตรงเข้าไปให้ห้องโถงทันที ก็พบว่าเสี่ยวอวี่กำลังร้องไห้งอแงอยู่ “แม่คะ เกิดอะไรขึ้นคะ เสี่ยวอวี่งอแงใช่หรือเปล่า?”
“กลับมากันแล้วเหรอ เสี่ยอวี่คิดถึงลูกเอามากๆ เลย ไม่สิ พอไม่ได้อยู่กับลูก แม่กล่อมยังไงก็ไม่ยอมนอน” เด็กเล็กๆ ย่อมติดแม่เป็นที่สุดอยู่แล้ว เสี่ยวอวี่ยิ่งแล้วใหญ่ เขาไม่เคยอยู่ห่างหู่พั่วมาก่อน เป็นหู่พั่วที่กล่อมเขานอนทุกครั้ง เมื่ออยู่ห่างกับหู่พั่ว เขาจะร้องไห้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
“ลูกรัก แม่กลับมาแล้วนะ ไม่ร้องไห้นะจ๊ะ” หู่พั่วอุ้มเสี่ยวอวี่ขึ้นมา ไกวตัวเขาเดินไปรอบๆ ห้องโถง ราวกับว่าเสี่ยวอวี่ได้กลิ่นไอของผู้เป็นแม่ เสียงร้องไห้จึงค่อยๆ เงียบลง ลั่วเซ่าเซินถือของเข้ามา ได้เห็นเข้ากับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนของหู่พั่ว น่าเสียดายที่ความอ่อนโยนเหล่านี้ไม่เคยปรากฏกับเขามาก่อน
หู่พั่วเตรียมจะหันไปพูดกับเสิ่นหลานอีแต่ก็พลันรู้สึกเจ็บที่หัวเล็กน้อย ถึงได้รู้ตัวว่าเสี่ยวอวี่กำเส้นผมของเธอไว้ในมือแน่น
“อยู่นิ่งๆ นะ ผมจะช่วยแกะออกให้เอง” ลั่วเซ่าเซินเห็นว่าเสี่ยวอวี่คว้าผมของหู่พั่วเอาไว้ ก็รีบร้อนเจ้าไป เห็นหู่พั่วขยับตัวไปเรื่อยอย่างนี้มีแต่จะทำให้เจ็บมากขึ้น
“เบาๆ หน่อยนะ อย่าทำให้เขาเจ็บล่ะ” หู่พั่วเห็นลั่วเซ่าเซินเก้ๆ กังๆ กลัวว่าเขาจะทำให้มือของเสี่ยวอวี่เป็นรอยแดงขึ้นมา
“ผมกะแรงได้หรอกน่า” ลั่วเซ่าเซินแกะนิ้วมือเล็กๆ ของเสี่ยวอวี่ออก “เจ้าตัวเล็กนี่แรงเยอะไม่ใช่เล่นเลย คว้าไว้แน่นเชียว ไม่สงสารแม่บ้างเลยเหรอไง”
เพราะว่าหู่พั่วกำชับลั่วเซ่าเซินเอาไว้เมื่อสักครู่ เขาจึงไม่กล้าใช้แรงกับเขา ช่วงแรกที่แยกมือของเขาออกค่อนข้างยาก เด็กเล็กๆ นี่ช่างยุ่งเหลือเกิน
หมดแรงไปมหาศาล ในที่สุดก็ทำให้มือของเสี่ยวอวี่กับผมของหู่พั่วแยกออกจากกันได้ “ได้แล้ว เจ็บหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไร เขาไม่ได้ใช้แรงเยอะน่ะ” เวลานี้หู่พั่วผ่อนคลายลงแล้ว ไม่ได้ถือเรื่องเมื่อสักครู่เป็นเรื่องใหญ่ ลั่วเซ่าเซินเห็นว่าเธอช่วยออกหน้าแทนเสี่ยวอวี่ถึงขนาดนี้ก็ค่อนข้างโกรธขึ้นมา “คุณจะโอ๋ลูกตั้งแต่เล็กๆ ไม่ได้นะ ต้องสอนเขาให้ดีตั้งแต่ยังเด็กๆ”
หู่พั่วกลอกตาใส่เขาทันที “ฉันรู้หรอกน่าว่าต้องสอนเขายังไง แล้วเขาไม่ดีที่ตรงไหน ตรงไหนที่ไม่เข้าตาคุณกันล่ะ จริงๆ เลยเชียว…”
“แม่คะ หนูอุ้มเสี่ยวอวี่ขึ้นไปนอนก่อนนะคะ”
“รีบขึ้นไปเถอะ งอแงมาครึ่งชั่วโมงแล้ว ตอนนี้หลับเร็วเชียว” หู่พั่วอุ้มเสี่ยวอวี่ขึ้นไปยังชั้นสอง เสิ่นหลานอีเห็นว่าลั่วเซ่าเซินอารมณ์เสีย เวลานี้เธอคุ้นเคยกับลั่วเซ่าเซินแล้ว เสิ่นหลานอีจึงไม่ได้มองลั่วเซ่าเซินเป็นเหมือนศัตรูเหมือนตอนแรกๆ อีก
“เธออารมณ์เสียเพราะหึงเสี่ยวอวี่งั้นเหรอ?”
คิดไม่ถึงว่าลั่วเซ่าเซินจะพยักหน้าตอบรับ “คุณน้าครับ โจวโจวทำอย่างนี้ได้ยังไงกัน ผมก็แค่เป็นห่วงเธอ ทำไมเธอถึงได้ออกหน้าพูดแทนเสี่ยวอวี่ล่ะครับ?”
บางครั้งลั่วเซ่าเซินก็รู้สึกว่าตัวเองออกจะล้ำเส้น จู้จี้จุกจิกกับเสี่ยวอวี่เกินไปหน่อย แต่พอเป็นถังโจวโจว ลั่วเซ่าเซินก็ไม่อาจจะอดกลั้นความรู้สึกนี้เอาไว้ได้
“เธอนี่เหมือนกับเด็กไม่มีผิดเลยนะ!” เสิ่นหลานอีรู้สึกว่าถ้าลั่วเซ่าเซินรู้ความจริง เขาจะยังเป็นแบบนี้อยู่อีกหรือเปล่า? คิดว่าคงเห็นเสี่ยวอวี่เป็นสิ่งล้ำค่าในอ้อมแขนแทบไม่ทันกระมัง คงไม่แสดงท่าทีอย่างตอนนี้แน่
เสิ่นหลานอีไม่รู้เสียแล้วว่าต่อให้สุดท้ายลั่วเซ่าเซินจะรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับเสี่ยวอวี่ เขาก็ไม่ได้ดีไปกว่านี้เลยแม้สักนิด เพียงเพราะว่าเสี่ยวอวี่มักจะแย่งถังโจวโจวไปจากเขา ทว่าเขากลับพูดอะไรไม่ได้แม้สักคำเดียว
ตอนที่ 389 เมิ่งชิงซีบ้าคลั่ง
เพียงแต่นั่นคือเรื่องที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ตอนนี้เสิ่นหลานอีแค่รู้สึกว่าท่าทีของลั่วเซ่าเซินนั้นเหมือนกับเด็กๆ ไม่ได้รู้สึกว่าลั่วเซ่าเซินและเสี่ยวอวี่อยู่ในฐานะคู่ปรับทางความรักของกันและกัน
“คุณน้าครับ ผมมาส่งโจวโจวแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”
“เธอจะไม่เจอหน้าลั่วอิงหน่อยเหรอ?” เพียงเสิ่นหลานอีกะพริบตาครั้งหนึ่งก็ไม่เห็นเงาของลั่วอิงเสียแล้ว เมื่อกี้เอาแต่กล่อมเสี่ยวอวี่ จึงไม่ทันสังเกตว่าลั่วอิงไม่ได้อยู่ในห้องโถงแล้ว
“ตอนนี้ไม่รู้ว่าเธอไปอยู่ที่ไหน ยังไงพรุ่งนี้ผมก็จะมาอีก พรุ่งนี้ค่อยเจอกันก็ได้ครับ” ลั่วเซ่าเซินไม่เห็นลั่วอิง เธอคงไปเล่นอยู่กระมัง เขาไม่ไปรบกวนเธอดีกว่า อย่างไรต่อจากนี้ก็ยังมีเวลาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอีกนาน
เห็นรถยนต์ของลั่วเซ่าเซินจากไปแล้ว เสิ่นหลานอีทำความรู้จักเขามาเป็นเวลานาน รู้สึกว่าเขาก็ลำบากอยู่ไม่น้อย ทว่าลูกสาวของเธอก็มีเป้าหมายชัดเจน เธอเองก็แทรกเข้าไปได้ไม่สะดวกนัก ต้องดูที่วาสนาของพวกเขาแล้วล่ะ ว่าจะได้อยู่ด้วยกันหรือว่าแยกจากกัน
เมิ่งชิงซีเห็นว่าลั่วเซ่าเซินออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าทุกวัน เธอไม่ต้องตามไปดูก็รู้ว่าเขาไปหาถังโจวโจว ถังโจวโจวดีขนาดนั้นเชียวเหรอ? ถึงเกาะเกี่ยวดวงใจของลั่วเซ่าเซินเอาไว้จนเขาไม่อาจห่างจากเธอไปได้ เธอจะไม่ยอมให้ถังโจวโจวมีความสุขหรอกนะ
เมิ่งชิงซีไม่อยากรออีกต่อไปแล้ว เธออยู่ที่นี่มานานเกินพอ เธอต้องรีบกลับไปยังประเทศ M รอให้เธอผลักไสถังโจวโจวออกไปได้ พี่เซ่าเซินก็จะกลับมาอยู่ข้างกายเธออย่างรวดเร็วเองนั่นแหละ
วันนี้ ในที่สุดเมิ่งชิงซีก็รอจนได้จังหวะ หู่พั่วพาลั่วอิงออกมาข้างนอก เสิ่นหลานอีอุ้มเสี่ยวอวี่เอาไว้ในอ้อมแขน ลั่วเซ่าเซินขับรถไปจอด รถยนต์สีขาวคันหนึ่งจอดอยู่ไม่ใกล้นัก เมิ่งชิงซีนั่งอยู่ในรถที่สะกดรอยตามพวกเขามาจนถึงที่นี่
สายลมโชยพัด หมวกของลั่วอิงปลิวหล่นไปตกอยู่ที่พื้น เธอกุมเส้นผมที่ปลิวไสว “รอเดี๋ยวนะ ฉันจะช่วยเก็บให้ลั่วอิงเอง”
หมวกใบนั้นหล่นลงที่กลางถนน หู่พั่วเห็นมองแล้วว่าไม่มีรถผ่านไปมา ก็รีบวิ่งออกไปด้วยความเร็ว
เมิ่งชิงซีเห็นท่าทางแม่ลูกรักใคร่กันดี ในใจก็โกรธเกรี้ยวจนถึงขีดสุด ทำไมถังโจวโจวถึงได้มีชีวิตที่ดีกว่าเธอ เธอควรจะลงนรกไปได้ตั้งนานแล้ว ทำไมถึงได้ยังเหลือรอดอยู่บนโลกใบนี้ ฉันจะถอนรากถอนโคนจุดด่างพร้อยของโลกใบนี้ด้วยตัวเอง
เครื่องยนต์เสียงดังกระหึ่ม สายตาของเมิ่งชิงซีจดจ้องมองตรงไปยังหู่พั่ว เท้าเหยียบคันเร่งจนสุด ทำให้รถยนต์พุ่งทะยานออกไป มือของหู่พั่วเพิ่งไปจะสัมผัสกับหมวกใบนั้น ขณะที่กำลังดีอกดีใจเตรียมกลับไป ก็พบว่าด้านหลังเกิดเหตุไม่ปกติขึ้นอย่างกะทันหัน
เมื่อหันกลับไปมองก็เห็นว่ามีรถเก๋งสีขาวคันหนึ่งกำลังพุ่งตรงมาทางเธอ หู่พั่วตกตะลึง เธอขยับเขยื้อนตัวไม่ได้เลยแม้แต่น้อย สายตาของเมิ่งชิงซีบ้าคลั่งอย่างที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน “ถังโจวโจว ตายเสียเถอะ!”
รถทะยานผ่านไป เมิ่งชิงซีไม่กล้าจอดดูนานนัก เธอมองผ่านกระจกมองหลังทว่าไม่เห็นศพของถังโจวโจว ไม่ว่าในใจจะเสียดายสักแค่ไหน ตอนนี้เธอรีบขับหนีไปให้เร็วที่สุดจะดีกว่า
ถังโจวโจวหายไปไหนแล้ว? เสิ่นหลานอีเห็นรถคันหนึ่งพุ่งเข้าหาลูกสาวของตน จึงทำได้เพียงร้องเสียงดังด้วยความตื่นตระหนก “หู่พั่ว รีบหนีออกมาเร็วเข้า!” ทว่าหู่พั่วทำได้เพียงย่อตัวแน่นิ่งอยู่ที่เดิม เธอตกใจจนสมองหยุดทำงานไปแล้ว จำได้ที่ไหนว่าตัวเองอยู่กลางถนน
โชคดีที่สุดท้ายหู่พั่วเกิดความกล้าหาญขึ้นมา เธอกลิ้งตัวไปหลบด้านข้าง ยากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้บนลำตัวบาดเจ็บ แต่ก็รักษาชีวิตเอาไว้จนได้
ลั่วอิงรีบร้อนกระโจนเข้ามาหา หู่พั่วเองก็นับว่าโชคไม่ดีนัก ความจริงแล้วเธอกลิ้งตัวออกด้านข้างก็ควรจะไม่เป็นอะไร แต่ข้างๆ กลับมีก้อนหินอยู่ก้อนหนึ่ง เธอกระแทกเข้ากับหินก้อนนั้นพอดี ทำให้เธอสลบไปทันที
เสิ่นหลานอียังคงอุ้มเสี่ยวอวี่เอาไว้ ลั่วอิงทั้งร้องไห้ทั้งส่งเสียงตะโกน ทันใดนั้นสถานการณ์ก็วุ่นวายไปหมด หลังจากที่ลั่วเซ่าเซินจอดรถเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็พบว่าทางด้านถังโจวโจวเกิดความวุ่นวาย คนจำนวนมากห้อมล้อมอยู่ที่ตรงนั้น เขาเบียดเสียดผู้คนเหล่านั้นเข้าไป ก้าวเข้าไปกลางวง ก็เห็นว่าเสิ่นหลานอีร้องไห้เรียกให้คนเรียกรถพยาบาล
“ช่วยด้วย ช่วยลูกสาวฉันด้วย ช่วยลูกฉันด้วย”
“โจวโจว เกิดอะไรขึ้น?” เมื่อลั่วเซ่าเซินกลับมา ก็เห็นถังโจวโจวที่เดิมทีดูมีชีวิตชีวานอนอยู่บนพื้น ใบหน้าซีดขาว อีกทั้งบนร่างกายยังมีแผลถลอกน้อยใหญ่ เมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
“เซ่าเซิน มาแล้วเหรอ? รีบเรียกรถพยาบาลเร็วเข้า จะให้หู่พั่วเป็นอะไรไปไม่ได้นะ!” เสี่ยวอวี่เองก็ราวกับสัมผัสได้ว่าเกิดเรื่องกับแม่ของเขา ร้องไห้กระจองอแงอยู่ในอ้อมแขนของเสิ่นหลานอี “แงๆ…”
ทันใดนั้นสถานการณ์ตรงนั้นก็สับสนวุ่นวายไม่หยุด ลั่วเซ่าเซินทำได้เพียงฝืนคงสติของตัวเองเอาไว้ รีบกดโทรออกทันที จากนั้นจึงย่อตัวลงกับพื้น สำรวจอาการของถังโจวโจวในตอนนี้