ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ - ตอนที่ 552 โจ๊กหนึ่งชาม / ตอนที่ 553 ละเมอ
ตอนที่ 552 โจ๊กหนึ่งชาม
“เอาล่ะ กินได้แล้ว” ยุ่งอยู่นาน ในที่สุดหันฮุ่ยซินก็ยกโจ๊กมา เธอยืนอยู่ที่โต๊ะอาหาร เจียงรุ่ยเฉินเดินมานั่ง มองดูโจ๊กง่ายๆ ในชาม ตาเขาเริ่มแดงขึ้นมาเล็กน้อย
“คุณมองอะไร รีบมาสิ เตรียมกินข้าว” หันฮุ่ยซินรู้สึกว่าหิวแล้วเหมือนกัน แต่เจียงรุ่ยซินกลับยังยืนโง่อยู่ ไม่รู้ว่าในใจเขาคิดอะไรอยู่
“ไม่มีอะไร ฮุ่ยซิน ผมรู้สึกว่าวันนี้ช่างเป็นวันที่โชคดีของผมจริงๆ” เจียงรุ่นเฉินนั่งลง ในมือคว้าชามไว้ และในชามก็มีช้อนสีขาวอยู่ เขาหยิบช้อนค่อยๆ ตักข้าวเข้าปาก
“อื้อ อร่อยจริงๆ ฮุ่ยซิน แต่ไหนแต่ไรมาผมไม่เคยรู้ว่าฝีมือคุณจะดีขนาดนี้” เจียงรุ่ยเฉินทานหมดอย่างรวดเร็ว ทานหมดไปชามหนึ่งแล้วยังอยากจะกินอีก
“ฮุ่ยซิน ยังมีอีกไหม ผมอยากกินอีก”
“ยังมีอีก คุณรอเดี๋ยว เดี๋ยวฉันไปเอามาให้”
หันฮุ่ยซินวางมือจากชาม รับชามโจ๊กที่เจียงรุ่ยเฉินกินหมดแล้ว เข้าไปในห้องครัว ไม่นาน เธอก็ออกมา “เอ้า รีบกินสิ”
แต่โจ๊กเปล่าที่ทำง่ายอย่างนี้ทำไมเจียงรุ่ยเฉินถึงกินอย่างเอร็ดอร่อยได้แบบนั้น เหมือนกับชีวิตนี้ยังไม่เคยกินมาก่อนอย่างนั้น แปลกคนจริง
เมื่อทานอาหารค่ำแบบง่ายๆ เสร็จแล้ว หันฮุ่ยซินเห็นว่าไม่มีอะไรแล้วจึงเตรียมตัวที่จะกลับ ใครจะรู้จู่ๆ เจียงรุ่ยเฉินจะโวยวายขึ้นมา “ฮุ่ยซิน ผมเจ็บแผลจังเลย เจ็บมาก…”
“เจ็บตรงไหน ทำไมจู่ๆ ก็ปวดขึ้นมาได้ล่ะ” หันฮุ่ยซินเห็นว่าหน้าเขามีแต่เหงื่อ ดูเหมือนว่าจะปวดแผลมากทีเดียว
ไม่ใช่ว่าเมื่อกี้ไปโดนจุดที่เจ็บโดยม่ได้ระวังเข้าหรอกนะ หันฮุ่ยซินอยากจะดูแผลของเจียงรุ่ยเฉิน แต่ก็กลัวจะไปโดนจุดที่ทำให้เขาเจ็บยิ่งกว่าเดิมจะลำบาก
“ผมเองก็ไม่รู้ ฮุ่ยซิน คุณไม่ไปได้ไหม ถ้าคืนนี้ผมเกิดเรื่องจะทำยังไง”
เจียงรุ่ยเฉินแค่อยากให้หันฮุ่ยซินตกลง ที่ไหนได้เมื่อได้ยินคำตอบของเธอสีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันที “คุณโกหกฉัน เจียงรุ่ยเฉิน ฉันไม่เล่นกับคุณแล้ว ฉันจะกลับ”
“อย่าไปนะ ผมไม่ได้โกหกคุณจริงๆ ผมเจ็บจริงๆ ไม่ใช่คุณไม่รู้ ฮุ่ยซิน คุณใจร้ายจริงๆ ถึงแม้ตอนนี้พวกเราไม่ใช่คนรักกัน แต่แค่เป็นเพื่อนก็ไม่ได้เหรอ”
“เป็นเพื่อนได้แน่นอน แต่คุณคิดอย่างนั้นจริงรึเปล่าล่ะ” หันฮุ่ยซินไม่ได้คิดมากถ้าจะเป็นเพื่อน เพียงแต่เธอไม่แน่ใจว่าเจียงรุ่ยเฉินคิดแบบนั้นจริงไหม
“แน่นอน ฮุ่ยซิน คุณอย่าทิ้งผมโดยไม่สนใจเลย” เจียงรุ่ยเฉินดึงมือหันฮุ่ยซินไม่ยอมปล่อย แม้เธอจะขัดขืน เขาก็ไม่ยอมปล่อย
เขาไม่ได้จับมือเธอนานเท่าไหร่แล้วนะ ดูเหมือนจะสองปีแล้ว สองปีมานี่ เขาเองก็ไม่กล้าพูดเรื่องลูกกับหันฮุ่ยซินอีกเลย ทั้งสองคนทำเหมือนลืมเรื่องนี้ไปแล้ว เพียงแต่เจียงรุ่ยเฉินมักจะมาตามตอแยเธอ ทำให้หันฮุ่ยซินรู้สึกรำคาญใจ
หันฮุ่ยซินก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงต้องอยู่ แต่เธอก็อยู่จริง และตอนนี้เธอก็อยู่ในรับแขกของเจียงรุ่ยเฉิน อาจเป็นเพราะเจียงรุ่ยเฉินวางแผนไว้ เธอกำลังสับสน บางทีมันอาจเป็นเพราะความเมตตาของเธอ
เธอเกิดง่วงขึ้นมา ตาใกล้จะปิดเต็มที อย่างไรก็ตามประตูห้องก็ปิดแล้ว คืนนี้ก็คงต้องนอนที่นี่ แต่ก็ปลอดภัยดี หันฮุ่ยซินค่อยๆ ผล็อยหลับไป
เจียงรุ่ยเฉินยืนลูบประตูห้องหันฮุ่ยซินอยู่ครึ่งคืน เขาใส่ชุดนอนสีเงิน มือเปิดประตู แต่พบว่าเปิดไม่ได้ ดูเหมือนว่าหันฮุ่ยซินจะล็อกไว้
เจียงรุ่ยเฉินต้องชื่นชมเธอจริงๆ เพียงแต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถเขา เพราะเขามีกุญแจ
เจียงรุ่ยเฉินไขประตู ประตูก็เปิดออกในทันที เจียงรุ่ยเฉินแอบย่องเข้าไปและปิดประตูลง
ถ้าพรุ่งนี้หันฮุ่ยซินถามเขาว่าเข้ามาได้ยังไง เขาคงตอบว่าเขาละเมอ แต่ไม่รู้ว่าเธอจะเชื่อไหม
ไม่สนว่าจะเชื่อรึเปล่า อย่างไรก็ตามตอนนี้ก็ทำไปแล้ว เชื่อว่าถึงเวลาหันฮุ่ยซินก็คงทำอะไรเขาไม่ได้อยู่ดี เจียงรุ่ยเฉินจึงเข้าไปในห้อง
ตอนที่ 553 ละเมอ
แสงจากด้านนอกทำให้เขาเห็นหันฮุ่ยซินที่นอนอยู่บนเตียง เธอหายใจอย่างสม่ำเสมอ ดูเหมือนกำลังฝันหวานและเธอไม่ควรต้องตื่นขึ้นเพราะเขา
“ฮุ่ยซิน ผมคิดถึงคุณอย่างทรมาน ทำไมคุณไม่รู้สึกอะไรบ้างเลย” เจียงรุ่ยเฉินย่อกายอยู่ตรงหน้าเธอ ยื่นมืออกไปอยากจะลูบไล้ใบหน้าของเธอ แต่ก็กลัวว่าเธอจะตื่นมาแล้วตนจะลำบาก ไม่รู้ว่าจะวางมือลงไปดีไหม
เจียงรุ่ยเฉินไม่อยากกลับไปห้องตัวเองอีก อย่างไรก็เดินเข้ามาแล้วจะยังไงไม่สู้เผชิญหน้าไปเลยตรงๆ ดีกว่า
เจียงรุ่ยเฉินปีนขึ้นเตียงเบาๆ ยังทำได้เพียงนอนราบ แต่จู่ๆ หันฮุ่ยซินก็ขยับตัวทำอาเขาตกใจจนแทบกระโดด ทั้งร่างสั่นไปหมดเหมือนกับว่าเมื่อกี้เขาเพิ่งไปวิ่งมาอย่างนั้น เกือบหยุดหายใจไปแล้วด้วยซ้ำ
“ตกใจแทบแย่” ในห้องที่เงียบสงบมีแค่เจียงรุ่ยเฉินที่นอนหอบอยู่ ดูเหมือนหันฮุ่ยซินจะไม่ขยับอีกแล้ว เขาพยายามอย่างหนักให้ตัวเองค่อยนอนราบลงกับเตียงแล้วค่อยเป่าปากด้วยความโล่งใจ
แต่น่าเสียดายที่โล่งอกได้ไม่นาน เขากำลังเตรียมจะขยับปรับท่านอนของตัวเอง จู่ๆ หันฮุ่ยซินก็หันมากอดเอวเขาไว้ ทั้งร่างกลิ้งเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขา
เจียงรุ่ยเฉินไม่กล้าขยับ เพราะกลัวว่าหันฮุ่ยซินจะตื่นมาแล้วพบว่าทั้งสองคนนอนกอดกันอยู่ เจียงรุ่ยเฉินเชื่อว่าเธอจะต้องโกรธมากแน่
เจียงรุ่ยเฉินรออยู่ครู่หนึ่งจนรู้สึกร่างกายเริ่มเมื่อย เขาขยับตัวไม่ได้ เดิมทีคิดอยากจะนอนดีๆแต่กลับถูกหันฮุ่ยซินทำให้ต้องนอนท่าลำบากแบบนี้ แล้วเขาจะแกะเธอออกยังไง
เจียงรุ่ยเฉินอยากขยับตัว เพียงแต่เกือบทั้งตัวของหันฮุ่ยซินแนบติดอยู่กับร่างเขา เขากลัวว่าพอขยับแล้วจะทำให้หันฮุ่ยซินรู้สึกตัว เดี๋ยวจะต้องมาทะเลาะกันกลางดึกอีก
ช่วงเวลากลางคืนใกล้ผ่านพ้นไป ในที่สุดเจียงรุ่ยเฉินก็หลับไป เพราะมีหันฮุ่ยซินอยู่ข้างกายทำให้เขาหลับสนิทกว่าที่เคยเป็น
เพียงแต่เมื่อตื่นขึ้นมา ทั้งร่างกายก็เมื่อยขบไปหมดนั่นเป็นสิ่งที่เขาต้องชดใช้
หันฮุ่ยซินรู้สึกว่าข้างกายตัวเองมีคนอยู่ เธอก็รู้สึกว่าตัวเองคงกำลังเข้าใจผิดไปเองแน่ๆ เพราะข้างกายเธอจะมีคนได้ยังไง เห็นๆ อยู่ว่าเธอนอนอยู่คนเดียว
พอหลับไปอีกสักพักเธอก็เห็นเป็นภาพลวงตาว่ามีผู้ชายคนหนึ่งกำลังนอนอยู่ข้างกายเธอ ดูเหมือนเธอจะกอดเขาอยู่ด้วย หันฮุ่ยซินปฏิเสธในใจทันที เธอจะกอดผู้ชายอยู่ได้ยังไง และผู้ชายคนนั้นยังเหมือนเจียงรุ่ยเฉินอีกด้วย
เหมือนเจียงรุ่ยเฉิน เหมือนเจียงรุ่ยเฉินงั้นเหรอ หันฮุ่ยซินค่อยๆ ตั้งใจคิดอีกครั้ง ในที่สุดก็ตกใจ เบิกตาขึ้นกว้าง มองไปยังที่นอนข้างๆ ใบหน้าอันคุ้นเคยที่อยู่ข้างเธอนั้นทำให้รู้ว่าเธอไม่ได้ฝันไป
“เจียงรุ่ยเฉิน มานอนที่เตียงฉันได้ยังไง” หันฮุ่ยซินเห็นเขายังหลับอยู่ ก็ไม่รู้ว่าแกล้งหลับหรือยังไม่ตื่น เธอโกรธมากจึงใช้เท้าถีบเข้าไปทีหนึ่ง
เจียงรุ่ยเฉินถูกหันฮุ่ยซินถีบจนตกเตียง “โอ๊ย เป็นอะไร เป็นอะไร” เขาเหมือนยังไม่ตื่นดีนัก รู้สึกเหมือนถูกใครถีบเข้าให้ ยังไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“เจียงรุ่ยเฉิน รีบบอกมาเดี๋ยวนี้ว่าคุณมานอนอยู่เตียงเดียวกับฉันได้ยังไง”
เขามองไปมาแล้วส่ายหน้า สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย “ฮุ่ยซิน ผมไม่รู้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมอาจจะละเมอก็ได้ แต่ผมไม่รู้ตัวมาก่อน”
“ละเมอเหรอ” ฟังแล้วไม่น่าเชื่อเลย ละเมอแล้วจะเปิดประตูเองได้ไง และเธอก็จำได้ว่าเธอล็อกห้องแล้ว ทำไมเจียงรุ่ยเฉินละเมอเปิดประตูเข้ามาได้
“ใช่ ละเมอ ฮุ่ยซิน ขอโทษจริงๆ โทษผมได้เลยที่ไม่รู้ว่าตัวเองละเมอ ทำให้คุณตกใจ” เจียงรุ่ยเฉินก้มหน้าลง แสร้งทำท่าอับอาย
เขาพูดไปตั้งขนาดนี้แล้ว ถึงแม้ว่าหันฮุ่ยซินจะยังสงสัย แต่ก็รู้สึกว่ามีเหตุผล นอกจากนี้เธอยังไม่มีหลักฐาน ตอนนี้ก็ต้องปล่อยเขาไปก่อน