ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ - ตอนที่ 572 สะอื้น / ตอนที่ 573 พ่อแม่เดียวกัน
ตอนที่ 572 สะอื้น
“ไหวเซิน คุณต้องช่วยฉันนะ ช่วยฉันออกไป ที่นี่น่ากลัวจริงๆ คนพวกนั้นเป็นบ้ากันไปหมด มันเป็นบ้า….” ฉินอวิ๋นเครียดมาก เล็บยาวครูดผ่านใบหน้าจนรอยเลือดเหลือเป็นทางยาว มองแล้วดูน่าหวาดผวามาก
เมิ่งไหวเซินตกใจจนต้องก้าวถอย ตอนแรกเขาคิดว่าฉินอวิ๋นไม่ได้รับผลกระทบอะไร ที่ไหนได้แค่พูดไม่กี่คำ เธอก็ตื่นตระหนกแล้วยังทำร้ายตัวเองอีก ดูเหมือนว่าเธอจะมีภาวะทางจิตจริงๆ
“คุณใจเย็นหน่อย ผมรู้ว่าคุณไม่อยากอยู่ที่นี่ แต่พวกเขาได้ตัดสินว่าคุณมีปัญหาทางจิตใจ อันดับแรกผมต้องแก้ไขข้อกล่าวหานี้ให้ได้ก่อนถึงจะช่วยคุณออกไปได้” และเรื่องนี้จากที่เมิ่งไหวเซินคิดแล้วก็ค่อนข้างจะยากจริงๆ
ดูเหมือนว่าคงต้องเชิญคุณปู่เมิ่งมาถึงจะได้ผล เพียงแต่ไม่รู้ว่าเมิ่งซงอวิ๋นจะยอมมาช่วยฉินอวิ๋นให้ออกไปไหม เรื่องของเมิ่งชิงซีนั้นพูดได้ว่าเป็นหลานสาวตระกูลเมิ่ง คุณปู่เมิ่งออกหน้าช่วยก็ถือว่าสมเหตุผล
แต่ฉินอวิ๋นนั้นคุณปู่เมิ่งไม่เคยชอบเธอเลยแล้วเมิ่งไหวเซินจะทำยังไงดี เมื่อคิดว่าต้องไปก้มหัวต่อหน้าพ่อแล้ว ใบหน้าของเมิ่งไหวเซินก็อดแดงขึ้นมาไม่ได้
“ไหวเซิน ไหวเซิน….” ฉินอวิ๋นถูกเมิ่งไหวเซินเขย่าตัวอยู่หลายครั้ง เธอกลับไปเหมือนกับตอนที่เขาเห็นเธอครั้งแรกอีกครั้ง เมิ่งไหวเซินมองเธอแล้วก็ค่อยๆ ถอยออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ
เสี่ยวหูเห็นเมิ่งไหวเซินออกมา เพียงแต่สีหน้าต่างจากก่อนเข้าไปอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนจะไม่ค่อยดีนัก พวกเธอพยายามกันอยู่ทุกวัน อยู่ดีๆ จะดีได้แค่เขามาเยี่ยมเพียงครั้งเดียวได้อย่างไร ไม่อย่างนั้นพวกเธอคงไร้ความสามารถแล้ว
“รบกวนคุณดูแลเธอให้มากหน่อยนะครับ”
“คุณเมิ่งคะ นี่เป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้วค่ะ คุณวางใจเถอะ ฉันจะ ‘ดูแล’ เธออย่างดี” เสี่ยวหูเน้นเสียงตรงคำว่าดูแล เมิ่งไหวเซินจิตใจอาจจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนักเลยไม่ได้สังเกตเห็น
“ครับ” เขาเดินจากไป และก็ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่จึงไม่เห็นรอยยิ้มแปลกๆ บนใบหน้าของเสี่ยวหู
ถ้าเขาหันกลับมาดู อาจจะพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ น่าเสียดายที่ไม่ได้เห็น เสี่ยวหูเห็นเมิ่งไหวเซินหายลับไปตรงหัวมุมแล้วจึงเข้าไปในห้องฉินอวิ๋น
ฉินอวิ๋นนั่งอยู่บนเตียง ไม่ได้สังเกตเห็นว่าในห้องมีคนเข้ามา เสี่ยวหูค่อยๆ เข้าไปใกล้เธอ เธอยังไม่ตอบสนองกลับ “เอาล่ะ ไม่ต้องแกล้งแล้ว ฉันรู้ว่าตอนนี้คุณยังไม่ได้บ้า ผ่านไปอีกหน่อยก็ไม่แน่ใจแล้ว”
ปากของฉินอวิ๋นพึมพำ ไม่ตอบสนองกลับ ยังคงส่งเสียงพึมพำต่อไป เสี่ยวหูเองก็ไม่สนใจเธอ เดินไปตรงหน้าเธอและฉินอวิ๋นเองก็ไม่รู้ว่าทำไม ในดวงตายังคงเลื่อนลอย ดูเหมือนกลัวเธออยู่เหมือนกัน
“ฉันรู้ว่าตอนนี้คุณแค่อยากออกไป แต่ฉันจะบอกให้คุณเข้าใจไว้ ตลอดชีวิตนี้คุณต้องอยู่ที่นี่ ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
เห็นฉินอวิ๋นก็ยังไม่ตอบสนองกลับ เสี่ยวหูจึงออกไป น่าเบื่อจริงๆ เดิมทีคิดว่าจะได้ดูอะไรสนุกๆ แต่ก็เสียเวลาเปล่า
ฉินอวิ๋นรอให้ห้องเงียบลงแล้ว น้ำตาก็ไหลออกมา เธอสะอื้นหนักมาก เมื่อกี้เธออยากจะบอกเมิ่งไหวเซินเกี่ยวกับสถานการณ์ทั้งหมดของเธอตอนนี้
น่าเสียดายที่ผู้ชายคนนั้นตอนนี้อ่อนแอเกินไป ถึงเธอบอกออกไปเขาก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้ อาจแหวกหญ้าให้งูตื่นเปล่าๆ
เธออยากออกไป อยากจนจะบ้า แต่ที่นี่มีคนดูอยู่ เพียงแค่เธอดินไปไหนก็จะมีคนมาอยู่ตรงหน้าเธอทันที เธอไม่กล้าขยับเขยื้อน ทำได้เพียงแกล้งบ้า เพื่อรอว่าสักวันเธอจะได้เห็นแสงสว่าง
ฉินอวิ๋นคิดเรื่องที่วันนี้เมิ่งไหวเซินพูดทั้งหมด ลูกสาวของเธอยังถูกจับอยู่ ดูเหมือนว่าลั่วเซ่าเชินใจร้ายจริงๆ คงต้องการให้สองแม่ลูกตายจริงๆ ฉินอวิ๋นเกลียด ตอนแรกเธอไม่ควรใจอ่อนเลย ทำไมไม่ทำให้ถังโจวโจวตายไปเสียก่อนหน้านี้
ทำให้ตอนนี้เธอและลูกสาวต้องถูกทำร้าย ถ้าตอนแรกทำสำเร็จ เธอก็คงได้นั่งจิบกาแฟ ชมแสงอาทิตย์อยู่ที่บ้านแล้ว คงไม่ถูกขังกรงเหมือนสัตว์อยู่ที่นี่
ตอนที่ 573 พ่อแม่เดียวกัน
ความเกลียดในใจของฉินอวิ๋นไม่สามารถส่งไปถึงถังโจวโจวได้ ตอนนี้หล่อนท้องแล้ว มีครอบครัวอยู่เคียงข้าง มีชีวิตที่ดี เร็วๆ นี้ก็จัดงานวันเกิดให้ลูกชายตัวเอง ถึงแม้ถังโจวโจวจะไม่ได้เกี่ยวข้องทั้งหมด แต่เพราะเสี่ยวอวี่เป็นลูกเธอ ลั่วเซ่าเชินจึงยังให้เธอรับผิดชอบจัดงานอยู่
จัดงานยังไง ที่ไหน กี่ปัญหาก็โยนให้เธอ เรื่องราวนับวันยิ่งมากขึ้น และหลังจากเธอจัดการเรื่องนี้ จู่ๆ ก็พบว่างานวุ่นวายมาก
“เฮ้อ ฉันบอกให้จัดงานธรรมดาๆ ก็พอ ตอนนี้งานเยอะขนาดนี้เชียว” ถังโจวโจวเด้งตัวขึ้น ลั่วเซ่าเชินตกใจรีบเข้าไปพยุง
“คุณลืมไปเหรอว่าคุณท้องอยู่ ระวังหน่อย ขยับช้าๆ”
ถังโจวโจวถูกเขาพยุงให้นั่งตรงขึ้นมา แน่นอนอยู่แล้วว่าเธอไม่ได้ลืมเรื่องที่เธอท้องอยู่ “ฉันแค่รำคาญ เสี่ยวอวี่ยังเด็กขนาดนี้ ทำไมคุณถึงทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าคุณพ่อคุณแม่ยังไม่รู้ตอนนี้ก็ยังยกเลิกได้อยู่”
“ใช่ คุณบอกว่าถ้าคุณพ่อคุณแม่ยังไม่รู้ แต่น่าเสียดายที่ผมบอกพวกท่านไปแล้ว พวกเขาตื่นเต้นกว่าพวกเราอีก ถ้าให้พวกเขาลงมือ คิดว่าคงจะจัดใหญ่กว่างานวันเกิดคุณปู่ฟังอีก”
ถังโจวโจวขมวดคิ้ว “คงไม่ขนาดนั้นมั้ง ยังไงเสี่ยวอวี่ก็ยังเล็กอยู่ ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นเสียหน่อย ตัวเองเหนื่อย คนอื่นก็เหนื่อยไปด้วย”
ถังโจวโจวคิดถึงตอนแรกที่ตัวเองกับลั่วเซ่าเชินไปร่วมงานเลี้ยง ครั้งนั้แน่นอนว่าเธอรู้สึกดี ไวน์รสเลิศ หนุ่มหล่อสาวสวย ทุกสิ่งที่หรูหรามาอยู่ตรงหน้าคุณ แต่พอเข้าร่วมไปบ่อยๆ ถังโจวโจวก็รู้สึกว่าไม่ได้สวยงามขนาดนั้นแล้ว
หัวข้อการสนทนาก็มักเป็นเรื่องเดิมๆ คนก็เดิมๆ เป็นเรื่องปกติสำหรับผู้หญิง ตอนนั้นยังมีเมิ่งชิงซีที่เธอไม่ชอบหน้า ทำให้ถังโจวโจวยิ่งไม่อยากเข้าร่วมงานเลี้ยง
โชคดีที่ต่อมาลั่วเซ่าเชินก็คิดเผื่อเธอ นอกจากงานที่เธอเลี่ยงไม่ได้แล้ว ส่วนใหญ่ลั่วเซ่าเชินก็ไปคนเดียว ถึงแม้จะมีข่าวลือว่าลั่วเซ่าเชินไม่สนับสนุนถังโจวโจว แต่เธอก็ใช้ชีวิตของเธอ คนอื่นจะว่ายังไงเธอก็ไม่สน
“นี่ปกติมาก วางใจเถอะ ถึงเวลาคุณแค่ดูก็พอ ไม่ต้องลงมืออะไรมาก ดูแลลูกในท้องให้ดีเป็นเรื่องสำคัญกว่า”
ลั่วเซ่าเชินเองก็ไม่อยากให้ถังโจวโจวทำงานหนัก แต่เสี่ยวอวี่ก็เป็นลูกคนแรกที่ทุกคนต้องรู้จักเหมือนกัน เพราะฉะนั้นงานนี้จึงสำคัญมาก
“รู้แล้ว เสี่ยวอวี่ล่ะ ฉันยังไม่เห็นเขาเลย” ถังโจวโจวเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่ที่เธอตื่นนอนก็ไม่เห็นลูกชายของตัวเองเลย
หรือความจำเธอจะมีปัญหา ไม่เห็นลูกชายนานแล้ว แต่เธอนึกไม่ออกเลยสักนิด
“พาไปส่งที่บ้านคุณพ่อคุณแม่แล้ว ตอนเช้าคุณยังไม่ตื่นเลยไม่ได้บอก” ลั่วเซ่าเชินเห็นว่าช่วงนี้ถังโจวโจวต้องนอนมากหน่อยและเสี่ยวอวี่นับวันก็ยิ่งโตขึ้น ชอบเล่นซน ไม่ยอมอยู่แต่ในห้อง
ตอนนี้ถังโจวโจวร่างกายหนักขึ้น กำลังที่จะดูแลเสี่ยวอวี่ก็มากไม่เท่าเมื่อก่อน ส่งไปให้พ่อแม่เลี้ยงสักสองวัน เดี๋ยวพวกเขามีเรื่องยุ่งแล้วค่อยไปรับกลับมา อย่างไรพ่อกับแม่ก็คงเต็มใจอยู่แล้ว
“ส่งให้พ่อแม่ฉันหรือพ่อแม่คุณ”
ลั่วเซ่าเชินเห็นถังโจวโจวถามก็ตอบทันที “แน่นอนว่าส่งให้พ่อแม่พวกเรา ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ผมหรือพ่อแม่คุณ ตอนนี้ก็เป็นพ่อแม่เดียวกันแล้วไม่ใช่เหรอ หรือคุณยังต้องการแบ่งแยกให้ชัดเจนขนาดนั้นเหรอ”
“เปล่า ฉันก็แค่ถามให้ชัดเจนหน่อย ดูคุณสิ ฉันก็รู้ว่าส่งไปที่บ้านลั่วใช่ไหม” ถ้าส่งไปที่บ้านคุณพ่อถังคุณแม่ถัง ลั่วเซ่าเชินก็คงไม่มีทางตอบแบบนี้หรอก
“รู้ก็ดี วางใจเถอะ คุณพ่อคุณแม่รักเสี่ยวอวี่อยู่แล้ว จะต้องดูแลเขาอย่างดีแน่” ลั่วเซ่าเชินก็รู้ว่าถังโจวโจวกังวล กลัวว่าถ้าตามใจเขาเยอะ ถึงเวลาแล้วจะสอนยาก เพียงแต่ผู้ใหญ่มักจะตามใจหลาน เรื่องนี้ก็เลี่ยงไม่ได้