Otherworldly evil monarch จอมโฉดแห่งโลกหน้า มือสังหารมือพระกาฬ - ตอนที่ 180
ความคงที่ของปราณเชวียนนั้นจะคงอยู่หลังจากไปถึงระดับขั้นสูงสุด และสีของปราณเชวียนนั้นก็จะไม่เปลี่ยนไปจนกว่าคนผู้นั้นจะก้าวหน้าไปอีกขึ้น แม้ว่าหลังจากก้าวหน้าไปแล้ว คนผู้นั้นจะลดความแข็งแกร่งลง แต่ก็ไม่สามารถแสดงสีของปราณเชวียนในระดับขั้นที่ต่ำกว่าได้
อย่างเช่น หากสวรรค์เชวียนลดระดับความแข็งแกร่งลงในการต่อสู้ เขาก็ไม่สามารถที่จะแสดงสีของปฐพีเชวียนหรือขั้นต่ำกว่านั้นได้ !
นี่คือสิ่งที่เป็นที่รู้กัน !
มีทางเดียวที่จะสามารถเปลี่ยนสีของปราณเชวียนได้ คือการพัฒนาขั้นของปราณเชวียน !
และกระบวนการนี้ไม่สามารถย้อนกลับได้ !
เมื่อเป็นไปตามทฤษฎีนั้น คนผู้นี้ก็ได้พัฒนาจากขั้นเชวียนหยกสูงสุด ไปยังขั้นปฐพีเชวียน และมันก็อยู่ในระดับกลาง และก็ไปยังขั้นสูงสุดในเวลานี้
คนปกติจะไม่เชื่อว่าสิ่งนี้จะสามารถเกิดขึ้นได้ !
อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องคิดถึงความจริงที่ว่าจะมีใครเชื่อหรือไม่ ผู้เฒ่าสามก็ได้พบเห็นความอัศจรรย์นี้ด้วยตาของตัวเอง !
แม้ว่าเขาจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของสีได้อย่างชัดเจน ผู้อาวุโสสามก็ไม่สามารถที่จะห้ามตัวเองไม่ให้ขยี่ตาได้
นี่มิใช่ฝันที่แปลกประหลาดใช่ไหม ?
แต่มันไม่สำคัญว่าเขาจะเป็นปฐพีเชวียนสูงสุดหรือไม่ ? ชายผู้นี้ก็ไม่สามารถเอาแกนเชวียนไปจากข้าได้ … ข้าคือเทพเชวียน !
ผู้อาวุโสสามปลอบตัวเองและจากนั้นก็ตะโกนออกไป
“ เด็กน้อย อย่ามาเล่นกลกับข้า พวกมันใช้ไม่ได้หรอก แค่ส่งแกนเชวียนมา …. ”
เขาตั้งใจจะพูดว่า เอาแกนเชวียนมา แต่ก็อดที่จะ ใช้คำว่า ส่ง แทนไม่ได้ เนื่อจากสิ่งที่เขาได้เห็นฉากที่น่าตกตะลึงในตอนที่เขากำลังพูดประโยคนี้ !
โอ้วท่านย่า … โลกนี้มันบ้าไปแล้วหรือ ? หรือว่าข้าตาฝาดไป ?
เขารีบขยี้ตาขณะที่ สีปราณเชวียนของชายหน้ากากดำหายไปอย่างรวดเร็ว และมีแสงสีฟ้าอ่อนเข้ามาแทนที่ !
แสงสีฟ้านี้ค่อยๆเข้มขึ้น และเปลี่ยนเป็นสีฟ้าเข้มภายในเวลาไม่นาน จากนั้นมันก็เปลี่ยนเป็นสีนำเงิน !
สวรรค์เชวียนสูงสุด ?!
ผู้อาวุโสสามเกือบจะล้มลงไปกองกับพื้นเนื่องจากการตกตะลึง !
ก่อนหน้านี้ข้าสัมผัสของปราณเชวียนของเขาไม่ได้เลย และตอนนี้เขาก็ได้กลายไปเป็นสวรรค์เชวียนสูงสุดอย่างรวดเร็วอย่างนั้นหรือ ? มันเป็นไปได้อย่างไรกัน ?!
เกิดอะไรขึ้น ! หรือเด็กนี่จะเป็นผี ?
ในเวลาที่ความคิดนี้เกิดขึ้นในหัวของผู้เฒ่าสาม ก็มีสิ่งที่น่าประหลาดใจเกิดขึ้น แสงสีน้ำเงินนั้นได้หายไปอย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้ไม่มีแสงสีอะไรปรากฏขึ้นมาแล้ว
การที่ไม่มีแสงสีใดปรากฏขึ้นมานั้นทำให้ผู้เฒ่าสามประหลาดใจอย่างที่สุด
คนผู้นี้ได้เข้าสู่ขั้นเทพเชวียนแล้วงั้นหรือ ?
เขาพยายามตรวจสอบความไม่แน่นนอนที่อยู่เบื้อหลังสีของปราณเชวียน เมื่อเขาสังเกตุได้ว่าความกระวนกระวายในสายตาของชายผู้นั้นค่อยๆสงบลงอย่างช้าๆ และสุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นแววตาที่ไร้ความเมตตา และจากนั้นก็เปลี่ยนไปเป็นความดูถูก …
ผู้เฒ่าสามยังคงยืนอยู่ในขณะที่แววตาของจวินโม่เซี่ยที่อยู่ภายใต้หน้ากากเริ่มแสดงออกถึงความหยิ่งทะนง ราวกับว่าเขานั้นเป็นเจ้าเหนือหัวของทุกความเป็นตายบนโลก เยือกเย็นและอำมหิต !
นั่นคือแววตาของยอดฝีมือเทพเชวียน ! เฉียบแหลมและหยิ่งทะนงยิ่งว่าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว และแม้แต่ของเจ้าเมืองพายุหิมะขาว ฮั่นเฟิงฉี !
พระเจ้า ! ห๊ะ ! พระเจ้า !
ผู้อาวุโสสามไม่สามารถอธิบายเรื่องนี้ได้
มันเกิดอะไรขึ้นกับโลกนี้ ?
ในจุดนี้ เฟ้ยเมิงเฉินก็มาลอยอยู่ในท้องฟ้าเหนือสถานที่นี้แล้ว และลอยลงมาพร้อมท่าทางที่ดูเหมือนว่าเขาจะมีอำนาจพอที่จะคว้าแกนเชวียนไปได้ พวกเขาทั้งสามนั้นตอนนี้กำลังยืนอยู่ในระยะห่างที่เท่าๆกัน ราวกับพวกเขาเป็นมุมแต่ละมุมของสามเหลี่ยม !
ด้วยฐานะที่ปรึกษาราชสำนักแห่งอาณาจักรยูถัง โดยธรรมชาติของเฟ้ยเมิงเฉินนั้นจะมระมัดระวังอยู่แล้ว และดูเหมือนว่าชายในชุดดำก็กำลังพร้อมสำหรับการต่อสู้ เขาอดที่จะประหลาดใจไม่ได้
ชายชุดดำผู้นี้มีความสามารถพอที่จะต่อกรกับเทพเชวียนเชียวหรือ ? เขานั้นทรงพลังมากจนแม้แต่ผู้อาวุโสสามแห่งเมืองพายุหิมะขาวก็ไม่กล้าผลีผลามเลยหรือ ?
ซึ่งผลก็คือ ชายผู้นั้นก็ยังคงยืนโดยไม่ได้ขัยบ และจะไม่มีผู้ใดที่จะเริ่มขยับก่อนเลย
หากเฟ้ยเมิงเฉินมาไม่ถึงในตอนนี้ ผู้อาวุโสสามอาจจะเคลื่อนไหวไปแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจก็ตาม จากทั้งหมดนั้น แม้ว่าอีกฝ่ายเป็นถึงเทพเชวีย อย่างมากมันก็แค่ … ทำให้มันเป็นเรื่องยากสำหรับเขา !
และจากนั้น เขาก็มักจะมีโอกาสได้แกนเชวียนไป !
นอกจากนี้ หากชายผู้นั้นหลอก เขาก็เป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากมดปลวกที่อยู่ตรงหน้าของเขา !
แต่ตอนนี้ เฟ้ยเมิงเฉินมาถึงแล้ว เขาจึงไม่กล้าเริ่มโจมตีก่อน !
ผู้อาวุโสสามเพ่งมองไปยังเฟ้ยเมิงเฉิน !
แม้ว่าเขาจะไม่ได้เห็นชายผู้นี้ หากข้าโจมตีเขาไปก่อนหน้านี้ มันก็ยากที่จะเดาได้ว่าผู้ใดจะชนะ … แต่ตอนนี้สถานการณ์ได้ผ่านไปอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้มันเป็นเพียงแค่โชคร้ายธรรมดา … ที่น่าอึดอัดใจ
เฟ้ยเมิงเฉินก็กังวลในลักษณะเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ความคิดของเขานี้ก็มาจากความลังเลของผู้อาวุโสสาม
ผู้อาวุโสควรจะสามสามารถเอาแกนเชวียนนี้ไปได้นานแล้ว แต่เหตุใดเขาถึงลังเลไม่ยอมทำอะไรกับชายผู้นี้ ? ชายผู้นี้จะต้องมีอะไรมากกว่าที่ข้าคิด ! หาก ผู้อาวุโสสามแห่งเมืองพายุหิมะขาวยังไม่กล้าที่จะทำอะไรผลีผลาม และข้าควรจะเป็นผู้เริ่มหรือ … ไม่ควรถูกไหม ? เหตุใดข้าไม่รอให้ฉีฉางเซียวต่อสู้ให้จบก่อน ? ข้าควรจะรอเขา แม่งเอ้ย ช้านี่ช่างโง่เง่าเสียจริงที่พาตัวเองมาอยู่ตรงกลางระหว่างเทพเชวียนสองคน นี่มัน … ช่างเลวร้าย … และอัปยศสิ้นดี !
จวินโม่เซี่ยเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่มีความลังเลในใจ เขาเป็นเพียงคนเดียวที่จะหนีออกไปได้ตลอดเวลา หากแกนเชวียนนั้นไม่ได้ผล แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังมีเคล็ดวิชาอิสระหยินหยาง ที่เขาสามารถที่จะหนีออกไปได้โดยที่ไม่มีผู้ใดรู้ แต่เขาก็ยังรอ ฉีฉางเซียวและเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวให้ปรากฏตัวออกมา
พวกเขาทั้งสองไปใหนกัน ? รีบๆมา แล้วข้าจะได้โยนแกนเชวียนนี่ทิ้งไป และหนีออกไปยังสถานที่ปลอดภัย ช้าชอบดูพวกเจ้าสู้กันและตายไป ในขณะที่ข้านับ … พวกเจ้าทั้งสองนั้นเป็น ยอดฝีมือที่น่าสงสารเพียงใดกัน จึงไม่สามารถมาที่นี้ได้ก่อนพวกเทพเชวียนธรรมดานี่ …
แต่นี่มันไม่ดีสำหรับข้า … ผู้อาวุโสที่โง่เขลาสองคนนี้ติดกับของข้าอยู่ และข้าไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้แล้ว … หากใครเคลื่อนไหว ความจริงของข้าก็จะถูกเปิดเผย … เมื่อข้าถุกเปิดเผย ข้าก็จะหนีไปทันที .. นี่มิใช่ส่วนหนึ่งของแผน ! ข้า ข้า ข้า จ้า ช่างโชคร้ายยิ่งนัก
ข้าได้วางแผนการทุกอย่าไว้อย่างแม่นยำ แต่ข้าไม่เคยคิดว่าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวนั้น … เป็นเครื่องจักรสงครามที่บ้าบอ และฉีฉางเซี่ยวนั้นก็ตัดสินใจที่จะมาช้าในวันนี้ !
ชายสามคนนี้ยืนอยู่บนพื้นด้วยความสง่างาม และมีอำนาจอย่างไม่มีใครเทียบ แต่มือและเท้าของพวกเขานั้นก็พร้อมที่จะเคลื่อนไหว ไม่มีใครเริ่มก่อน ทั้งสามยังคงเพ่งมองไปยังอีกคนหนึ่ง ในขณะที่อีกคนหนึ่งก็เพ่งมองไปยังคนอื่น !
ร่างของจวินโม่เซี่ยนั้นมีเหงื่ออก แต่ต้องขอบคุณสายฝนที่ทำให้คนทั้งสองไม่สังเกตุเห็น มิฉะนั้น เขาก็จะถูกเปิดเผย ซึ่งมันเท่ากับว่าเป็นจุดจบของเขา …
สุดท้าย …
มีเสียง ป๊อก ดังมาจากที่ไกลๆ ราวกับมีอะไรบางอย่างหัก ซึ่งตามมาด้วยคลื่นแห่งความหวาดกลัวที่แผ่มาในอากาศ และเสียงดังก้องของฉีฉางเซียว
“ น้องเฟ้ย เนื่องจากเจ้าพลาดโอกาสที่ดีไป ข้าคิดว่าจ้าจะเอาแกนเชวียนนี้มาด้วยตัวเอง ! ”
คำพูดเหล่านี้ดังขึ้นในตอนที่ร่างสีดำปรากฏขึ้นมาบนฟ้าเบื้องบนพวกเขา !
“ ฮ่าฮ่าฮ่า … ฉีฉางเซี่ยว ท่านไม่ควรป่าวประกาศเร็วเกินไป ข้าเองก็ต้องการแกนเชวียน ! ”
เสียงอันทรงพลังก้องกังวาลไปทั่ว ซึ่งมันทำให้ทุกคนอึดอัดใจ !
มีร่างเตี้ยๆสีดำลอยเข้ามาใกล้ ราวกับเหยี่ยวที่มองหาเหยื่อ ชายที่มีร่างที่สง่างาม ดวงตาที่โหดเหี้ยม และใบหน้าที่โศกเศร้า เคลื่อนที่ตรงไปยังกลุ่มคนเหล่านั้น
ชายผู้นี้เป็นหนึ่งในแปดยอดฝีมือ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวแห่งเฉินซี !
รอยยิมของฉีฉางเซี่ยวได้หายไปในทันที ขณะที่เขาเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ แต่มันก็ช้าไป เนื่องจากเหยี่ยวผู้โดดเดียวได้ร่อนลงมาถึงพื้นก่อนเขาไม่ถึงอึดใจ ทั้งสองร่อนลงมาในระยะที่ใกล้กัน ประกายในดวงตาของเขาเริ่มเปล่งประกายตรงไปยังอีกฝ่ายยิ่งกว่าสายฟ้าเบื้องบน !
ฉึบ ฉึบ ผู้อาวุโสหก และเก้าจากเมืองพายุหิมะขาวได้ร่อนลงมาในเวลาเดียวกัน พวกเขาถือกระบี่ที่หักไว้ในมือ แม้ว่าสีหน้าของพวกเขาจะซีดมาก มันก็ค่อนข้างชัดเจนว่าพวกเขาไม่ได้บางเจ็บสาหัส จากนั้นพวกเขารีบเคลื่อนที่ไปอยู่ด้านหลังผู้อาวุโสสาม เนื่องจากเมื่อผู้อาวุโสทั้งสามได้มารวมตัวกันอีกครั้งจะทำให้ความเชื่อมั่นของพวกเขาเพิ่มมากขึ้น !
นอกจากนั้น ผู้อาวุโสทั้งสามยังเป็นเทพเชวียน !
ในไม่ช้า ก็มีชายหกคนพุ่งผ่านพายุออกมาและมายืนอยู่ด้านหลังของฉีฉางเซียวอย่างเงียบๆ
“ ดูเหมือนว่าทุกคนจะอยู่ที่นี่ … ”
“ ลีเจียนฮ้งยินดีที่ได้พบพี่ๆ ศิษย์พี่ฉี ท่านศิษย์พี่เหยี่ยว ข้าขอทักทายท่านในฐานะท่านอาจารย์ ลี่วูเบ้ย ! ”
ชายวัยกลางคนปรากฏตัวออกมาจากเงามืด พร้อมกับผู้ติดตามทั้งแปด เห้นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นกองทหารม้าของลี่โย่วหลาน เนื่องจากความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นมีน้อยที่สุดในผู้ที่ร่วมการต่อสู้นี้ มันจึงไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาจะเผยตัวออกมาช้าที่สุด
“ แปลก … ข้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับ ลี่วูเบ้ย … ? แล้วทำไมเด็กเหล่านี้ถึงเรียกข้าว่าศิษย์พี่ ? มันมาจากใหนกัน ? ”
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว มองขึ้นมาและถามออกไปด้วยเสียงที่เย็นชา
“ ฉีฉางเซียว อย่าบอกข้านะว่าท่านมีส่วนเกี่ยวข้องกับ ลี่วูเบ้ย ? ”
ลี่วูเบ้ย !
เพื่อนทั้งสิบของลี่โย่วหลานนั้นเป็นศิษย์ของ ปรมาจารย์ ลี่วูเบ้ย !
“ เจ้าเหยี่ยวหัวล้าน ! เจ้ากำลังพูดไร้สาระอะไรกัน ? ”
ฉีฉางเซี่ยวถลึงตากลับมา
“ หากท่านไม่เกี่ยวข้องกับลี่วูเบ้ย ท่านกล้าที่จะอวดดีกับศิษย์ของเขาได้อย่างไรกัน ? ท่านไม่มีมาดของเทพเชวียนเลย พวกเรานั้นมีกฏ ! ”
“ หึ ข้าจะเป็นเช่นไร ทำไมท่านถึงไม่เข้ามาสอนข้าละ ! ”
จากนั้น เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวก็มองไปยังผู้ที่เพิ่งมาถึง และพูด
“ เนื่องจากปราณเชวียนของพวกเจ้านั้นอ่อนด้อยยิ่งนัก พวกเจ้าก็ไม่ควรมาเรียกข้าว่า ศิษย์พี่ และเมื่อเห็นได้ชัดว่าพวกเจ้ามาที่นี่เพื่อแกนเชวียน ข้าจะเคาะหัวพวกเจ้าหากเจ้าพูดเช่นนั้นอีก ยิ่งไปกว่านั้น อาจารย์ของพวกเจ้าโง่ขนาดใหนถึงให้พวกเจ้ามาที่นี่ด้วยตัวเอง ? เจ้าคิดว่าพวกเจ้านั้นสามารถจะเอาแกนเชวียนไปได้หรือ ? ความจริง จากความแข็งแกร่งของเจ้า เจ้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าร่วมการต่อสู้นี้ ! ”
ลีเจียงฮ้งทักทายเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวนั้นเป็นเพียงแค่พิธีการ แต่เขาก็ยังยังขณะที่เขาพูด
“ เนื่องจากเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวไม่ยอมรับการทักทายอย่างเป็นมิตรกับพวกเรา พวกเราจะไม่เรียกท่านว่าศิษย์พี่ ”
ในความเป็นจริง ยอดฝีมือทั้งแปดนั้นมีกฏ ศิษย์ของพวกเขาจะถือว่าเป็นศิษย์ของคนอื่นๆ อย่างไรก็ตาม กฏนี้ดูเหมือนจะไม่มีเหตุผลกับเหี่ยวผู้โดดเดี่ยว ในท่ามกลางแปดยอดฝีมือนั้นจะมีหมาป่าที่โดดเดี่ยวอยู่สองตัว และเห็นได้ชัดว่าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวนั้นคือหนึ่งในนั้น ….
Translate by iHaveNoName