Otherworldly evil monarch จอมโฉดแห่งโลกหน้า มือสังหารมือพระกาฬ - ตอนที่ 196
“ ดีแล้ว แต่ข้าจะต้องถอยออกมาก่อนนิดหน่อย ตอนนี้เป้าหมายเปลี่ยนเป็นคฤหัสน์ฉีฮั่นแทนที่จะเป็นลีจื้อเทียน และทำให้ความยากของงานนั้นลดลงเล็กน้อย ดังนั้นดูเหมือนว่ารางวัลของข้านั้นจะมากเกินไป …. ”
จวินโม่เซี่ยขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าเขาต้องการจะกลับคำเนื่องจากดูเหมือนว่าเขาจะเสียมากเกินไป
“ ท่านพี่ ท่านไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนข้อตกลง คฤหัสน์ฉีฮั่นนั้นแข็งแกร่งเป็นอันดับสองของอาณาจักรนี้ ! ท่านยังคิดว่านั่นไม่มากพออีกหรือ นี่คืองานใหญ่สำหรับคนอื่นที่มิใช่พวกเรา … ”
แม้ว่าหมีใหญ่จะตอบกลับอย่างรวดเร็ว แต่คำพูดของเขาก็ยังจริงใจ
“ อย่าคิดว่าการทำลายคฤหัสน์ฉีฮั่นนั้นเป็นงานที่ง่ายดาย … อย่างแรก การทำลายคฤหัสน์ฉีฮั่นนั้นเป็นการยั่วยุลีจือเทียน และอย่างที่สอง หากพวกเราทำลายคฤหัสน์ฉีฮั่น แล้วมันไม่ได้ทำให้ปัญหาของท่านได้รับการแก้ไข ? พวกเราทั้งสองจะต้องชดใช้ขนาดหนักเลยนะ ”
“ น้องสี่ของข้าพูดถูก แม้ว่าคฤหัสน์ฉีฮั่นนั้นจะอ่อนแอกว่าเมืองพายุหิมะขาว นั่นเป็นเพียงเพราะว่า ลีจื้อเทียนไม่ได้อยู่ที่คฤหัสน์ฉีฮั่นตลอด แต่ ฮั่นเฟิงฉีอยู่ที่เมืองพายุหิมะขาวอยู่ตลอดเวลา หากท่านเอาสองคนนี้ออกไป กองกำลังทั้งสองนั้นจะสามารถเทียบเคียงกันได้ทั้งในเรื่องของพลังและอำนาจ ”
กระเรียนขายาวพยักหน้า
“ หากเป็นเช่นนั้น เรามาลองทำแบบนี้กัน ”
จวินโม่เซี่ยย่นคิ้ว โดยที่ยังไม่ได้ติดสินใจในข้อตกลงนี้
“ อย่างไรก็ตาม มันก็ดูเหมือนว่าข้ายังคงจ่ายมากเกินไปนิดหน่อย ดังนั้นข้าจึงมีข้อเรียกร้องเพิ่มเติม และหากข้าได้รับการยืนยันในคำร้องนั้น มิฉะนั้นข้าจะถือว่าข้อตกลงนี้เป็นอันยกเลิก ! ”
“ โปรดบอกสิ่งที่ท่านต้องการมา ตราบใดที่ท่านไม่ขอให้สังหารลีจื้อเทียน พวกเราจะทำงานนั้นให้สำเร็จนอกเหนือจากการทำลายคฤหัสน์จือฮั่น ! ”
เมื่อเห็นว่าจวินโม่เซี่ยไม่สนใจในข้อตกลง หมีใหญ่จึงเข้าแสดงความรับผิดชอบอย่างรวดเร็ว
“ ลีจื้อเทียนมีลูกชาย ลี่ถังหยวน เขานั้นน่ารำคาณยิ่งกว่าลีจื้อเทียน ! คนผู้นี้จะต้องได้รับบทเรียนที่ดี และหากเป็นไปได้ ข้าอยากจะสังหารเขา ! ”
จวินโม่เซี่ย เผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมา
“ แน่นอน ข้าอยากให้เขาเป็นหมันหรืออะไรทำนองนี้ ”
“ นั่นเป็นไปไม่ได้ ! ”
พวกเขาพูดขึ้นมาพร้อมกัน
“ ลีจื้อเทียนให้กำเนิดเด็กคนนั้นตอนอายุแปดสิบ และเขายังเป็นลูกเพียงคนเดียวของลีจื้อเทียน หากสังหารเขาหรือทำให้เขาเป็นหมัน มันเท่ากับการตัดสายเลือดของลีจื้อเทียน ข้าเกรงว่านั่นจะทำให้ลีจื้อเทียนไม่มีวันอภัยให้กับป่าเถียนฟา และพวกเราจะต้องชดใช้ด้วยสายเลือดของคนรุ่นหลัง … และนั่นเป็นอีกเรื่องที่เราไม่สามารถทำให้ได้ ! ”
กระเรียนขายาวอธิบาย
“ หากทำเช่นนี้ไม่ได้ แล้วเราจะทำอย่างไร ? ”
ดูเหมือนว่าจวินโม่เซี่ยจะมีอารมณ์ในจุดนี้
“ อีกอย่าง หากลีจื้อเทียนสามารถมีลูกตอนอายุแปดสิบได้ ข้าก็มั่นใจว่าเขาสามารถมีอีกคนตอนอายุร้อยปีได้ ! แล้วเหตุใดพวกเจ้าถึงกังวลในเรื่องนี้ ? ”
“ โลกหัวเราะเยาะเมื่อเขาเป็นพ่อของเด็กตอนอายุ แปดสิบปี และหากเขาเป็นพ่อของเด็กตอนอายุร้อยปี ข้ากลัวว่าเขาจะตายไปด้วยความอับอาย ”
หมีใหญ่พยักหน้าอย่างผิดหวัง
กระเรียนขายาวเตัดสินใจด้วยไหวพริบของเขาอีกครั้ง
“ การร้องขอนี้ยากเกินไป เนื่องจากมันเป็นเหมือนกับการตัดสายเลือดของลีจื้อเทียน ! อย่างไรก็ตามหากท่านต้องการที่จะสั่งสอนลีจื้อเทียน พวกเราอาจจะสั่งสอนเขาให้สาสมในนามของท่านได้พวกเรามั่นใจว่าเขาจะต้องนอนอยู่แต่บนเตียงไปนับปีหากท่านต้องการ ว่าอย่างไรละ ? ”
กระเรียนขายาวคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาจึงตัดสินใจประณีประนอม และพูด
“ อย่างไรก็ตาม หากเจ้ายืนกรานว่าจะสังหารเด็กผู้นั้น ข้าเกรงว่าพวกเราอาจจะต้องถอนตัวจากงานทั้งหมดนี้ ”
“ แปดยอดปรมาจารย์นั้นเป็นแก่ตัวอยู่แล้วโดยธรรมชาติ และต่างไปจากยุนเบ้ยเฉิน คนอื่นๆดูว่าพวกเขาจะเกลียดกันเอง เว้นเสียแต่ว่ามีประโยชน์ส่วนตัว พวกเขาไม่เคยแม้แต่จะช่วยเหลือกันแม้ในสถานการณ์ที่รุนแรง ในความจริง แม้ว่า การโจมตีคฤหัสฉีฮั่นจะทำให้มีความสงบสุขเกิดขึ้นแต่พวกเราก็ยังมีข้อจำกัด … ข้ามั่นใจว่าคนมีชื่อเสียงอย่างเจ้าสามารถแยกแยะถึงข้อจำกัดในสถานภาพของพวกเราได้ …. ”
“ หากเจ้าสามารถสร้างหายนะให้แก่คฤหัสน์ฉีฮั่น และยิ่งไปกว่านั้น เจ้าหักขาทั้งสองข้างของลี่ถังหยวน และมั่นใจว่าเขาจะไม่สามารถแม้แต่จะคลานได้นานนับปี ข้าจะถือว่าข้อตกลงน้ีสำเร็จผล ! ”
จวินโม่เซี่ยตัดสินใจผ่อนปรนเพื่อสร้างข้อได้เปรียบในสถานการณ์นี้
กระเรียนขายาวและหมีใหญ่ถกกันถึงข้อเสนอนี้อยู่สักพัก และจากนั้นเขาตอบกลับมา
“ หากเป็นเช่นนั้น พวกเราตกลง ! ”
“ พวกเราตกลงกันแล้ว ! ”
จวินโม่เซี่ยยิ้ม และยื่นมือของเขาออกไป
“ เรามาจับมือสัญญากัน ! ”
“ แปะ ! ”
เสียงของฝ่ามือที่ประสานกันดังขึ้น แสดงถึงว่าพวกเขาเห็นด้วยกับคำสัญญานี้
ทั้งกระเรียนขายาวและหมีใหญ่ตื่นเต้นอย่างมาก
หากพวกเราสามารถแลกเปลี่ยนงานนี้กับการพัฒนาของพวกเราได้ มันจะเป็นข้อตกลงที่ดีของพวกเรา พวกเราได้ข้อตกลงที่ดีจริงๆ ที่เราไม่ต้องสังหารลีจื้อเทียน หรือลูกชายของเขา และพวกเราแค่ทำให้พวกเขาอ่อนแอลง และทำลายคฤหัสน์ฉีฮั่น
เมื่อคิดถึงการอยู่เป็นอิสระและสุขสบายไปอีกหลายปี รวมถึงการพัฒนาของเขาทำให้เขารู้สึกดี
หากพวกเราสามารถที่จะก้าวหน้าไปได้อีก ความแข็งแกร่งของพวกเราก็สามารถเปรียบได้กับพี่ใหญ่ และพวกเราก็ไม่ต้องเกรงกลัว แปดยอดอาจารย์อีกแล้ว !
จวินโม่เซี่ยปลุกปั่นหุ้นส่วนของเขา โดยการใช้พลังงานแค่เพียงเล็กน้อยจากเจดีย์หงษ์จวินแลกเปลี่ยนเพื่อแก้ปัญหาทั้งหมดของกวนเซียงฮั่นได้ และเป็นการยืดช่วงเวลาของปัญหาที่เขาจะต้องเจอไปอีกอย่างน้อยครึ่งปี
นี่เป็นข้อตกลงที่มีประสิทธิภาพอย่างมาก … ข้าเพิ่งจะโชคดี !
“ ข้าคิดว่าเวลาหนึ่งเดือนนั้นก็เพียงพอที่จะจัดการเรื่องนี้ พวกเจ้าว่าอย่างไร ? ”
จวินโม่เซี่ยรีบพูดอย่างรวดเร็ว แต่จากนั้นเขาก็ควบคุมตัวเองเนื่องจากเขารู้ว่าความตื่นเต้นของเขามันอาจจะทำให้เขาต้องเปิดเผยข้อมูลมากไป
“ นั่นมิใช่ปัญหา ! ”
กระเรียนขายาวและมีใหญ่ตอบกลับมาอย่างรีบเร่งพร้อมกับรอยยิ้ม
เวลาหนึ่งเดือนกับงานนนี้นั้นมากเกินพอ มันมากเหลือเกินเมื่อเทียบกับความแข็งแกร่งของพวกเรา ! ฮ่าฮ่า …
“ พี่เฟิง พวกเราจะพบท่านได้อย่างไรหลังจากที่พวกเราได้แก้ปัญหานี้แล้ว ? ”
สุดท้ายกระเรียนขายาวก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมาด้วยท่าทางที่สงบและอ่อนโอย
“ เจ้าสามารถหาที่พักของสกุลจวินได้ในเมืองเทียนเชียง และอาจจะรายงานแก่จวินวูอี้คฤหัสน์ฉีฮั่นถูกรือถอนตามความต้องการแล้ว จากนั้น เจ้าก็รออีกสักพัก และข้าจะมาพบเจ้าเองตามสัญญา ! ”
จวินโม่เซี่ยสัญญาอย่างจริงจัง
ท้ายที่สุดข้าก็หางทางรับมือกับคฤหัสน์ฉีฮั่นและเมืองพายุหิมะขาวได้ แม้ว่ามันจะเป็นการแก้ปัญหาชั่วคราว ข้าจะรออีกหนึ่งเดือน และเมื่อพวกเขากลับมา ข้าก็จะพูดถึงเรื่องงานของเมืองพายุหิมะขาว
จากนั้น ฮี่ฮี่ จวินโม่เซี่ยหัวเราะเบาๆอยู่ในลำคอ
“ พวกเราขอตัวก่อนท่านพี่ จนกระทั่งถึงคราวหน้า ”
กระเรียนขายาวยกมือขึ้นและโบก และดึงหมีใหญ่ไปพร้อมกับเขาด้วยมืออีกข้าง
“ เดี๋ยวก่อน ข้ามีอย่างหนึ่งที่อยากจะถามพวกเจ้าทั้งสอง ”
มีบางอย่างผุดขึ้นมาในหัวของจวินโม่เซี่ย และทันใดนั้นเขาก็หยุดพวกเขาทั้งสองอีกครั้ง
“ แกนเชวียนขั้นเก้าสูงสุดนั้น มันใช้ทำอะไร ? ”
พี่น้องทั้งสองอยุดเดินในทันที และหันมา และเพ่งมองไปที่เขาอยู่นาน ก่อนที่หมีใหญ่จะถามขึ้นมา
“ ทำไมท่านถึงถามเช่นนี้ ? … อย่าบอกข้าว่าเจ้าไม่รู้จริงๆว่าแกนเชวียนนั้นใช้ทำอะไร ? ”
“ หลังจากที่ได้เห็นความสามารถของข้า เจ้าคิดจริงๆหรือว่าข้าต้องการแกนเชวียน ? อย่างไรก็ตาม เมื่อเจ้าดูตื่นเต้นหลังจากที่ได้มันไป ข้าจึงคิดอยากจะถามคำถามนี้ หากเจ้าไม่อยากคุย ข้าก็จะขอตัว ”
จวินโม่เซี่ยประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นว่าสองคนนี้ระวัดระวังอย่างมากในเรื่องนี้ และรู้สึกเสียใจที่ถามคำถามนี้
“ นั่นก็จริง … เทียบกับปราณบริสุทธ์ในร่างของเจ้าแกนเชวียนนี้ไร้ประโยชน์สำหรับเจ้า ! มันเป็นปกติที่เจ้าไม่รู้ว่ามันจะใช้ทำอะไร …. ”
เสียงนี้เป็นเสียงของกระเรียนขายาวซึ่งเขานั้นอิจฉาในความสามารถของจวินโม่เซี่ย
เหตุใดชายผู้นี้ถึงต้องการแกนเชวียน ในเมื่อในร่างของเขาสามารถสร้างปราณที่บริสุทธิ์เช่นนี้ ? ยิ่งไปกว่านั้น มันยากมากที่จะประเมินความแข็งแกร่งของเขา แต่ข้าคิดว่าเขาอาจจะแข็งแกร่งเทียบเท่ายุ่นเบ้ยเฉิน … คนที่มีความแข็งแกร่งและความสามารถขนาดนี้ โดยปกติแล้วไม่ต้องทุกข์ร้อนมากนักที่ไม่รู้ว่าแกนเชวียนนั้นใช้ทำอะไร … กระเรียนขายาวและหมีใหญ่คิดในสิ่งเดียวกัน และดูเหมือนว่าพี่น้องทั้งสองเริ่มรู้สึกถ่อมตัวต่อความสามารถของจวินโม่เซี่ย
ขณะที่ความคิดนี้เกิดขึ้นในหัวของพวกเขา กระเรียนขายาวยิ้มและพูด
“ ข้าคาดว่า .. การบอกเรื่องนี้กับเจ้านั้นคงจะไม่ทำให้เราเสียหาย อะไรทำให้เผ่าพันธ์ของมนุษย์เรียกมันว่าแกนเชวียน เผ่าพันธ์ของเรารูจักมันในอีกชื่อหนึ่ง แกนเข้มข้น และถือว่ามันเป็นหนึ่งในสิ่งที่อัศจรรย์ที่สุดที่เผ่าพันธ์ของเรารู้จัก เนื่องจากมันเป็นแก่นแท้ของชีวิตพวกเรา ! อย่างไรก็ตาม หากมนุษย์ใช้มันอย่างผิดวิธี แม้แต่เทพเชวียนก็ไม่สามารถยับยั้งไม่ให้ร่างกายของเขาระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆได้ ในการที่จะใช้แกนเชวียน อย่างแรกเจ้าจะต้องทำให้พลังของมันคงที่ด้วย หญ้าดาราสวรรค์ และยังต้องใช้เห็ดหลินจือสามสี รวมถึงรากเชวียนเก้าเป็นส่วนประกอบ และเพียงเท่านี้เทพเชวียนจึงสามารถใช้แกนเชวียนนี้ในการเพิ่มพลังและระดับขั้นการเพาะปลูกของเขาได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อแกนพร้อมแล้ว มันสามารถเพิ่มระดับการเพาะปลูกของมนุษย์ได้ภายในช่วงข้ามคือ และผู้ใช้สามารถเห็นการพัฒนาอย่าก้าวกระโดดได้ ! แต่ยังมีอีกวิธีหนึ่ง แต่วิธีนั้นจะต้องใช้สมุนไพรอีกสามอย่าง … สมุนไพรสามอย่างนี้ลึกลับอย่างมาก และแม้แต่เทพเชวียนก็ยังไม่สามารถที่จะหามันได้ทั้งหมด ”
กระเรียนขายาวหัวเราะเยาะ
“ เหตุใดมนุษย์นี่ช่างเห็นแก่ตัว ? ”
“ เป็นเช่นนั้นเอง .. โอ้ มันแปลกจริงๆ ผู้คนจะสร้างงปัญหาโดยการฆ่าฟันกันเพื่อบางสิ่งที่อาจจะเป็นไปไม่ได้ … มันทำให้ข้าประหลาดใจอย่างมาก … เหตุใดพวกเขาถึงต้องวุ่นวายกับมัน ? ”
ดูเหมือนว่าจวินโม่เซี่ยจะพูดไม่ออก
“ ความโลภของคนนั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดที่แต่งแต้มอยู่บนโลกใบนี้ ”
พี่น้องทั้งสองรู้สึกเหมือนกันในเรื่องนี้ และพยักหน้าด้วยความเห็นด้วย และประทับใจในคำพูดของจวินโม่เซี่ย พวกเขาทั้งสามยกมือขึ้นพร้อมกันเพื่อแสดงความเคารพ และจากนั้นร่างของพี่น้องทั้งสองเริ่มถอยออกไปและหายไปที่เส้นขอบฟ้าขณะที่จวินโม่เซี่ยเฝ้ามองอยู่ เห็นได้จัดเจนจากการเดินทางของพวกเขาว่าพวกเขานั้นอดไม่ได้ที่จะทำงานนี้ให้เสร็จโดดยเร็ว …
พายุสงบลงแล้ว และแสงอรุนเริ่มทอขึ้นสู่ฟากฟ้า
จวินโม่เซี่ยสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อผ่อนคลายสมอง และจากนั้นเขากระแทกตัวลงไปที่พื้น เขารู้สึกปวดร้าวที่หัว
จวินโม่เซี่ยใช้พลังทุกอย่างไปจากหมดสิ้นเมื่อไม่นานมานี้ และพยายามฝืนตัวเองอย่างไม่เต็มใจไปตลอดทั้งคืนนั้น เนื่องจากกลัวว่ากระเรียนขายาวและหมีใหญ่จะสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาหากเขาหยุดการเชื่อต่อกับเจดียืหงษ์จวิน ซึ่งมันจะทำให้เขาต้องลำบาก
อย่างไรก็ตาม ผลที่เขาได้รับนั้นมากเกินกว่าสิ่งที่จวินโม่เซี่ยหวังเอาไว้
แม้ว่าแผนการของเขาจะไม่เป็นไปตามที่ว่างเอาไว้ แต่ด้วยเวลาเพียงไม่นาน เขาได้แก้ปัญหาทั้งเรื่องของแกนเชวียนและคฤหัสน์ฉีฮั่น ซึ่งถือได้ว่าเป็นผลลัพธ์ที่ดีสำหรับจวินโม่เซี่ย
เนื่องจากกระเรียนขายาวและหมีใหญ่เห็นด้วยที่จะจัดการกับลี่ถังหยวน มันจึงประมาณได้ว่าการคุกความจากคฤหัสน์ฉีฮั่นนั้นจะล่าช้าไปอีกราวหกเดือน จวินโม่เซี่ยสามารถใช้เวลาช่วงนี้ในการเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่สกุลจวิน และถึงแม้ว่าเวลานั้นคฤหัสน์ฉีฮั่นจะโจมตีของเขาด้วยพลังทั้งหมด สกุลจวินก็จะมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะตอบโต้ !
ในความจริง จวินโม่เซี่ยกำลังตั้งตารอ
คนจะพัฒนาได้อย่างไรหากไม่มีคู่ต่อสู้ ? ความกดดันนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำให้มีการพัฒนา
เมื่อสกุลจวินพร้อมสำหรับการทำสงคราม และคฤหัสน์ฉีฮั่นล่าถอยไป จวินโม่เซี่ยจะไปเคาะประตูบ้านของพวกเขาด้วยตัวเอง ! หากเจ้ากล้าที่จะอ้างสิทธิ์เหนือผู้หญิงสกุลจวิน เจ้าจะต้องมีความกล้าที่จะต่อสู้กับนาง ! สิ่งที่ข้าจะทำคือ ข้าจะไม่ปล่อยให้ลี่ถังหยวนหนีไป !
เมืองพายุหิมะขาว คฤหัสน์ฉีฮั่น พวกเจ้าไม่โอหังนานเกินไปแล้วหรือ ?
จวินโม่เซี่ยกัดฟัน และนั่งลงไปที่พื้น จากนั้นเขาค่อยๆดันตัวเองขึ้นมา และลากร่างอันเมื่อล้าและเจ็บปวดไปตามถนน ตรงไปยังบ้านของเขา